เชื่อว่าหลายๆท่านก็คงอยากหาสิ่งที่เป็นมงคลมาประดับชีวิตเพื่อที่จะก้าวเข้าสู่ 2563 อันเป็นปีมหามงคลนี้ด้วยความมั่นใจ จึงใคร่ขอยุติเรื่องความหมายเลขศาสตร์ไว้ชั่วคราว และนำสิ่งที่น่าจะเป็นมงคลต่อชีวิตของทุกๆท่านมาไว้เป็นตัวเลือก บางท่านอาจจะไม่เชื่อว่าต้นไม้สามารถนำมงคลชีวิต ให้โชคลาภ ให้วาสนาได้ แต่การปลูกต้นไม้ไว้ก็ทำให้เห็นถึงความสวยงามเบิกบานใจได้ไม่มากก็น้อย
ส่วนท่านใดจะซื้อบ้านใหม่หรือมีบ้านอยู่แล้ว แต่อยู่แล้วไม่มีความสุข เก็บเงินไม่อยู่หรือธุรกิจกำลังประสบปัญหาทั้งที่เคยดีมาก่อน ปรึกษาฟรีครับ รวมถึงท่านที่เจ็บป่วยด้านสุขภาพโดยเฉพาะเส้นเอ็นหรือกระดูก เดินไม่สะดวก และพี่น้องชาวไทยและชาวลาวที่ตกระกำลำบากต้องนอนข้างถนน ป้ายรถเมล์หรือไม่มีใครช่วยพาไปโรงพยาบาลเพราะสื่อสารภาษาอังกฤษไม่ได้ ติดยาเสพติดหรือเหล้า เชิญติดต่อมาครับ ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
อีกหนึ่งข่าวดี อ.เดช ญาณทิพย์ เปิดโอกาสให้ท่านดูดวงส่วนตัวหรือผ่านไลน์ด้วยค่าบูชาครูเพียง 39เหรียญเท่านั้น อยู่ ใกล้วัดไทย หากแอดไลน์ไม่ได้ก็เซฟเบอร์ผม ไลน์จะขึ้นเองหรือโทรหรืออีเมล์มาได้ ที่ (818)399-5757, Line: stevefengshui ชม YouTube และ facebook live เดช ญาณทิพย์
มาอ่านกันต่อครับในเรื่องของที่ค้างไว้ในฉบับที่แล้ว หลังจากปี พ.ศ.2464 เป็นต้นมา การศึกษาและสนใจเรื่องว่านก็ เริ่มชัดเจนขึ้นเป็นลำดับ ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากสาเหตุที่ในช่วงปี พ.ศ.2468 – พ.ศ.2476 ประเทศไทยอยู่ในยุคที่ประสบปัญหาเศรษฐกิจ รายได้ตกต่ำข้าวยากหมากแพง โจรผู้ร้ายชุกชุม สิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจส่วนหนึ่งคงหนีไม่พ้น ว่าน จนกระทั่งมีผู้เห็นความสำคัญที่จะเขียนหนังสือเกี่ยวกับว่านโดยตรงขึ้น เพื่อให้ชัดเจน ลดการสับสน
พ.ศ.2473 หนังสือชื่อ ลักษณะว่าน จึงเกิดขึ้น เขียนโดย นายชิต วัฒนะ
พ.ศ.2475 – 2476 หนังสือชื่อ ตำรากระบิลว่าน เขียนโดย หลวงประพัฒน์สรรพากร ซึ่งหนังสือเล่มนี้เองเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางแม้กระทั่งราชบัณฑิตยสถาน ยังยอมรับและใช้เป็นหนังสืออ้างอิงในพจนานุกรมฉบับ พ.ศ.2493
พ.ศ.2480 หนังสือชื่อ ตำราว่านยา 108 อย่าง เขียนโดย ค.ส.
พ.ศ.2480 (ปีเดียวกัน) หนังสือชื่อ คู่มือนักเลงว่าน เขียนโดย ล.มหาจันทร์
พ.ศ.2484 หนังสือชื่อ ตำราสรรพคุณยาไทย ว่าด้วยลักษณะกบิลว่าน เขียนโดย นายไพฑูรย์ ศรีเพ็ญ
พ.ศ.2503 หนังสือชื่อ ตำราดูว่านและพระเครื่องบรมธาตุ เขียนโดย นายชัยมงคล อุดมทรัพย์
พ.ศ.2504 หนังสือชื่อ ตำรากบิลว่าน เขียนโดย นายพยอม วิไลรัตน์
พ.ศ.2505 หนังสือชื่อ ตำราวิธีปลูกว่านและดูลักษณะว่าน เขียนโดย นายสิริ จิตโต
พ.ศ.2506 หนังสือชื่อ ตำราดูว่านอันศักดิ์สิทธิ์ เขียนโดย อาจารย์ชั้น หาวิธี
พ.ศ.2506 (ปีเดียวกัน) หนังสือชื่อ ตำราลักษณะว่านและวิธีปลูกว่าน เขียนโดย นายเลื่อน กัณหะกาญจนะ พิมพ์ออกจำหน่ายในนามของสมาคมพฤกษชาติแห่งประเทศไทย ซึ่งเล่มนี้เองได้รวบรวมว่านไว้มากถึง 302 ชนิด และมีชื่อทางพฤกษศาสตร์กำกับไว้มากถึง 143 ว่านด้วยกัน ซึ่งพอที่จะทำให้การศึกษาเรื่องว่าน ดูเป็นหลักตามสากลมากขึ้น หลังจากนั้นมาก็มีหนังสือต่างๆ ออกมาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงปี พ.ศ.2522 – พ.ศ.2525 ซึ่งหนังสือเหล่านี้ยังคงพอหาอ่านได้บ้างในเวลานี้
ว่านสบู่เลือด นิยมนำมาทำพระเครื่อง
ความเชื่อเกี่ยวกับฤทธิ์ของว่านต่างๆ มีอภินิหารความศักดิ์สิทธิ์ไม่น้อยไปกว่าเวทย์มนต์พระคาถา โดยสามารถป้องกันภยันตรายต่างๆได้ เช่น อยู่ยงคงกระพันชาตรี (คือใช้ของมีคมเช่นมีดฟันถูกร่างกายแล้วไม่เข้าเป็นบาดแผลตามปกติทั่วๆไป อย่างมากเป็นเพียงรอยขีดบนผิวหนังเล็กๆ มีเลือดออกซิบๆ หรือบวมนูนเพราะรอยถูกฟันอย่างแรงให้แลเห็นเท่านั้น หรือใช้ปืนยิงไม่ดัง ไม่มีลูกปืนออกมาถูกตัว หรือถ้ามีเสียงหรือมีลูกปืนออกมาก็แคล้วคลาดไม่กระทบถูกร่างกายส่วนหนึ่งส่วนใด หรือถ้าหากกระทบถูกต้องร่างกายก็ไม่มีบาดแผลปรากฏแก่ร่างกาย นอกจากแก่เสื้อผ้าที่สวมใส่เป็นรอยถูกกระสุนไหม้เกรียมหรือเป็นรูขาดเท่านั้น)
เมื่อกินว่านเข้าไปแล้วให้มีกำลังวังชาเกิดขึ้นมากมาย มีใจฮึกเหิมไม่หวาดกลัวต่อบรรดาศาสตราวุธทั้งปวง สามารถต่อสู้เอาชนะคนหมู่มากที่รุมล้อมได้ ว่านบางชนิดทำให้คนปกติดีๆ ที่ไปถูกเข้าถึงกับเป็นง่อยเปลี้ยเสียขาไปก็มี บางชนิดมีพิษทำให้ถึงกับตายได้ก็มี ว่านบางชนิดทำให้เกิดเป็นเสน่ห์เมตตามหานิยมแก่ผู้มีว่านชนิดนั้นติดตัว ว่านบางชนิดทำให้เกิดเป็นเสนียดจัญไรได้ เช่นว่านดอกทอง บางชนิดใช้เป็นยารักษาโรคต่างๆ เช่น ว่านน้ำและว่านหางจระเข้ ว่านบางชนิดสามารถแสดงอิทธิฤทธิ์ลองพุ่งเป็นดวงในเวลากลางคืน นำเอาดวงหน้าคนปลูกไปแสดงด้วย เที่ยวเพ่นพ่านดังภูติผีปิศาจ เช่นว่านกระสือเป็นต้น
พระเครื่องหลวงปู่ทวด ที่นิยมใช้ว่านมาทำเป็นมวลสาร
ทั้งๆที่ว่านมีอิทธิฤทธิ์ดังกล่าวมาแล้วต่างๆ ก็ยังคงมีผู้สนใจศึกษาในเรื่องของว่านน้อยมาก ทั้งนี้เป็นเพราะขาดการเชื่อถือ และไม่มีผู้รู้ที่สามารถชี้ชัดลงไปว่าว่านชนิดใดมีรูปร่างลักษณะอย่างใดแน่ ขาดทั้งตัวอย่างสำหรับศึกษาตามหลักเกณฑ์ทางแผนปัจจุบัน ยิ่งในทางสรรพคุณแสดงอิทธิฤทธิ์ของว่านด้วยแล้ว ยิ่งหาผู้ทรงวิทยาคุณชี้ชัดว่าว่านอย่างนี้มีสรรพคุณทางยาอย่างใด มีอิทธิฤทธิ์อย่างใดให้แน่นอนยากมาก เพราะขาดผู้ชำนาญที่เคยใช้เคยทดลองหรือเคยพบเคยเห็น ส่วนมากมักพูดว่าเคยพบจากตำราหรือท่านว่าแต่อย่างเดียว ทั้งๆที่บรรดาว่านต่างๆ ได้ถูกท่านโบราณจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณทางคาถาอาคมขลัง ได้รวบรวมบรรดาหัวว่านสำคัญต่างๆ ไว้อย่างน้อย 108 อย่าง ทำเป็นผงผสมกับเกสรไม้หอม เช่น พิกุล บุนนาค มะลิ บัวทั้ง 5 ประกอบด้วยผงวิเศษต่างๆ มีผงอิทธิเจ, ผงปถมัง, ผงตรีนิสิงเห, ผงมหาราช, ผงมหานิยม, ผง ณ หน้าทอง, ผงอิติปิโส 108, ผงคัมภีร์, กาฝากมะนาว, กาฝากพุด, ไคลโบสถ์, ไคลเสมา, ชานหมากและของอื่นๆ อีกมากมายหลายอย่าง โดยนำเอามาบดให้ละเอียดระคนรวมกันผสมน้ำมันตังอิ้วปั้นเป็นแท่ง ทำแม่พิมพ์ประทับเป็นองค์พระพิมพ์รูปต่างๆ เมื่อแห้งสนิทแล้วจึงนำเข้าพิธีพุทธาภิเษก พร้อมด้วยพระอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณมากรูปทำพิธีปลุกเสกคาถากำกับให้พระพิมพ์เหล่านั้นมีอิทธิฤทธิ์ต่างๆ ในทางอยู่ยงคงกระพันชาตรีบ้าง เป็นเมตตามหานิยมบ้าง เรียกกันว่าพระเครื่องเป็นต้น
และที่พระเครื่องทรงความศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ก็ด้วยอภินิหารของว่านบันดาลช่วยเหลือเกื้อกูลพร้อมทั้งคาถาอาคมที่ประกอบเป็น 2 แรงด้วยกัน โบราณว่า “อิทธิฤทธิ์ของว่านนั้นจะมีคงที่ตลอดไปได้ มักเป็นว่านที่ได้ปลูกติดต่อเป็นมรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษเป็นเวลานานหลายชั่วอายุคนมาแล้วโดยมาก เพราะผู้ปลูกเหล่านั้นทราบเคล็ดลับของการทำให้ว่านคงทรงอิทธิฤทธิ์อยู่โดยมิเสื่อมคลาย ส่วนว่านที่ขึ้นเองตามป่าเขาโดยธรรมชาตินั้นมักไม่ใคร่มีอิทธิฤทธิ์ทั้งๆ เป็นว่านชนิดเดียวกันอย่างเดียวกัน ในการนี้ถึงแม้จะได้นำเอาว่านมาปลูก ถ้ามิได้ระมัดระวังโดยปล่อยให้ว่านขึ้นและโรยราไปเองตามธรรมชาติ หรือปล่อยให้ว่านคงอยู่ในดินตลอดระยะเวลานานจนกว่าจะถึงฤดูฝนมาใหม่ ว่านก็จะผลิแตกต้นอีก แต่อิทธิฤทธิ์ของว่านนั้นจะจืดจางเสื่อมลงไปทุกที นานๆหลายฝนเข้าก็หมดฤทธิ์ไปเอง ทั้งนี้เป็นเพราะธาตุสาร (ปรอท) ในตัวว่านลืมต้น คือหนีออกไปจากต้นขณะเมื่อว่านโทรมในฤดูแล้ง ถ้าหากได้กู้ว่านขึ้นจากดินภายในเดือน 12 วันอังคาร หรือภายในเดือนอ้าย วันพุธ ไม่เกินข้างขึ้นอ่อนๆเสียก่อนแล้ว (อย่าให้ว่านคงอยู่ในดินเลยพ้นถึงฤดูนกกาเหว่าหรือนกยูงร้องหาคู่) จึงจะไม่เสีย ถ้าปล่อยให้หัวว่านคงอยู่เลยกำหนดฤดูนี้ไป ว่านนั้น ก็จะเสื่อมอานุภาพลงไปเรื่อยๆ”
ว่านมงคล 108 ชนิดนั้น มีอานุภาพและสรรพคุณที่แตกต่างกันไป อีกทั้งยังช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้มากมาย ว่าน 108 ถูกนำมาใช้ตั้งแต่สมัยโบราณ โดยผู้ที่จะไปออกรบนั้น จะทำพิธีอาบน้ำว่าน 108 เพื่อความเป็นสิริมงคลอยู่ยงคงกระพัน และทำใ้ห้ฮึกเหิม มีขวัญกำลังใจมากขึ้น บางคนก็จะพกว่านที่มีอานุภาพในเรื่องอยู่ยงคงกระพันติดตัวไป หรือเคี้ยวกินไปด้วยในตอนออกรบ ว่าน 108 นั้น ถูกใช้เลยมาจนถึงปัจจุบัน ทั้งใช้เป็นมวลสารในการสร้างวัตถุมงคล สร้างพระที่ดังๆมาก็หลายต่อหลายรุ่นแล้ว ส่วนคนที่ทำมาค้าขายก็จะนิยมน้ำมันว่าน 108 หรือนำผงว่าน 108 มาผสมกับน้ำแล้วให้พระปลุกเสกเพื่อเป็นน้ำมนต์มาพรมสินค้า และบริเวณบ้านที่อยู่อาศัย หรือนำน้ำมาอาบเพื่อความเป็นสิริมงคลต่อตนเอง ใครที่ไม่สะดวกก็หาซื้อหรือบูชาผงว่านที่ถูกปลุกเสกไปแล้ว นำมาผสมกับน้ำเพื่อเป็นน้ำมนต์
สมัยนี้ไม่ค่อยมีใครรู้จักว่าน 108 นี้มากนัก ด้วยเพราะว่าว่านมงคลบางอย่างได้เหลือน้อยลดลงหรือหายากมาก จึงทำให้การนำว่านมงคล 108 มารวมผสมกันนั้นยากมากขึ้น เว้นแต่จะมีการปลูกเอาไว้หรือเลี้ยงไว้ดูสวยงามเท่านั้น และสมัยนี้ผู้คนส่วนมากก็ไม่ค่อยนิยมเลี้ยงว่านเหมือนสมัยก่อนอีกด้วย ทำให้คนรุ่นใหม่ๆอย่างเรา ไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับอานุภาพของว่าน 108 มากสักเท่าไหร่
ว่านมงคลนั้นมีมากมายหลายชนิด แล้วก็มีการแยกประเภทอีกมากมายหลายประเภทนัก เช่นว่านประเภทมหาเสน่ห์จะเป็นที่นิยมเลี้ยงกันมาก เพราะเชื่อกันว่าจะทำให้ผู้เลี้ยงนั้นมีแต่คนชื่นชอบนับหน้าถือตา
อานุภาพแห่งว่านมงคล 108 ชนิดตามตำราโบราณ
1. ว่านตระกูลกวัก ในตำราสมุดข่อยโบราณกล่าวไว้ว่า มีอานุภาพทางด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม ดีทางโภคทรัพย์ เป็นสิริมงคลต่อผู้ครอบครอง ประกอบด้วยว่านกวักพระพุทธเจ้าหลวง ว่านกวักนางพญาใหญ่ ว่านกวักนางพญาเล็กหรือว่านกวักนางพญามหาเศรษฐี ว่านกวักมาคาวดีหรือว่านมหาโชค ว่านกวักหงสาวดี ว่านกวักแม่จันทร์ ว่านกวักโพธิ์เงิน ว่านกวักทองใบ ว่านกวักเงินกวักทอง ว่านกวักเศรษฐีพญาบดินทร์ ว่านกวักนางพญาเผือก โดยเฉพาะว่านกวักนางพญาถือกันว่าเป็นว่านที่มีตระกูลสูง ส่งผลทางด้านอำนาจราชศักดิ์ เรียกอีกอย่างว่าว่านทรงยศทรงเกียรติ เป็นสง่าราศีแก่ผู้พบเห็น
2. ว่านตระกูลเสน่ห์จันทร์ ซึ่งประกอบด้วยเสน่ห์จันทร์มหาโพธิ์ เสน่ห์จันทร์ขาว เสน่ห์จันทร์แดง เสน่ห์จันทร์เขียว เสน่ห์จันทร์หอม เสน่ห์จันทร์ทอง อานุภาพของว่านตระกูลเสน่ห์จันทร์จะเด่นทางด้านเสน่ห์เมตตามหานิยม เป็นที่รักเมตตาแก่ผู้พบเห็น โบราณใช้ทำนางกวักค้าขายดีมีโชคลาภ
3. ว่านตระกูลเศรษฐี เป็นว่านที่บ่งบอกในตัวเอง มีอานุภาพให้คุณทางด้านลาภผล เงินทอง โบราณกล่าวว่าผู้ใดได้ครอบครองจะเจริญด้วยฐานะ บริบูรณ์ด้วยโภคทรัพย์ ข้าทาสบริวาร จัดเป็นตระกูลว่านที่นิยมอย่างยิ่ง โบราณมักจะนำมาปลูกในกระถางที่มีค่า เช่นกระถางลายคราม ว่านตระกูลสูงอีกประเภทหนึ่งมีดังนี้ ว่านเศรษฐีเรือนนอก ว่านเศรษฐีเรือนใน ว่านเศรษฐีขอด (กอบทรัพย์) ว่านเศรษฐีด่าง ว่านเศรษฐีมงคล ว่านมหาเศรษฐี ว่านเศรษฐีจีน ว่านเศรษฐีญวน ว่านเศรษฐีแขก ว่านเศรษฐีใบพาย ว่านเศรษฐีใบโพธิ์ ว่านเศรษฐีเรือนใหญ่ ว่านเศรษฐีเรือนแก้ว
(อ่านต่อฉบับหน้า)