The science of การอ่านใจคน: Reading the mind in the eyes ตอน ๓

สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านที่รัก ท่านใดจะซื้อบ้านใหม่หรือมีบ้านอยู่แล้ว แต่อยู่แล้วไม่มีความสุข เก็บเงินไม่อยู่หรือธุรกิจกำลังประสบปัญหาทั้งที่เคยดีมาก่อน ปรึกษาฟรีครับ รวมถึงท่านที่เจ็บป่วยด้านสุขภาพโดยเฉพาะเส้นเอ็นหรือกระดูก เดินไม่สะดวก เชิญติดต่อมาครับ หากแอดไลน์ไม่ได้ก็เซฟเบอร์ผม ไลน์จะขึ้นเองหรือโทรหรืออีเมล์มาได้ รีบหน่อยครับ มีโควต้าจำกัดจริง (818)399-5757, Line: stevefengshui Email: stevefengshui@gmail.com

มาว่ากันต่อจากฉบับที่แล้ว ว่าการอ่านใจคนจากแววตา ไม่ยากเลย


a) หยิ่งยะโส (arrogant)
b) ซึ้งในนำ้ใจ (grateful)
c) ไม่แน่ใจ (tentative)
d) ประชดประชัน (sarcastic)
a) เป็นกันเอง (friendly)
b) หวาดกลัว (horrified)
c) รู้สึกผิด (guilty)
d) เต็มไปด้วยความสงสัย (doubtful)
a) ตื่นตระหนก (panicked)
b) เพ้อฝัน (fantasising)
c) งงงวย (confused)
d) มั่นใจ (convinced)
a) หมกมุ่น (preoccupied)
b) ยืนยัน (insisting)
c) เด็ดขาด (decisive)
d) ไม่แน่ใจ (skeptical)
a) รำพึง (thoughtful)
b) ระคายเคือง (irritated)
c) ตื่นเต้น (excited)
d) ไม่เป็นมิตร (hostile)
a) เต็มไปด้วยความสงสัย (doubtful)
b) ตื่นตระหนก (panicked)
c) สนใจ (interested)
d) สิ้นหวัง (despondent)

เป็นยังไงกันบ้างครับ

ตามผลงานวิจัยของไซมอน บารอน-โคเฮน โดยเฉลี่ยแล้วผู้หญิงจะทำคะแนนได้สูงกว่าผู้ชาย (คะแนนของผู้หญิงจะอยู่ที่ประมาณ 22 ส่วนผู้ชายจะอยู่ที่ประมาณ 19) ส่วนกลุ่มที่ทำคะแนนได้ต่ำที่สุดในกลุ่มตัวอย่างของเขา (คะแนนน้อยกว่า 16) ก็คือกลุ่มของคน autistic ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีระบบการสื่อสารกับผู้อื่นในสมองบกพร่อง

ความสามารถในการอ่านอารมณ์ของคนอื่นจากการมองแค่ตาเป็นความสามารถที่สำคัญมากในชีวิตประจำวันของเรานะครับ ตามผลงานวิจัยหลายๆ ชิ้นพบว่าคนที่มีความสามารถในการเอาใจเขามาใส่ใจเราสูงนั้นมักจะมีเพื่อนเยอะกว่าคนทั่วไป แถมโอกาสที่พวกเขาจะมีชีวิตการสมรสที่ดีและยาวนานกว่าคนอื่นก็สูงกว่าคนทั่วไปอีกด้วย และที่สำคัญเราสามารถที่จะฝึกลูกหลานของเราให้มีความสามารถในการอ่านใจคนจากตาได้ด้วยผ่านทางการสอน theory of mind ต่างๆ นานา ซึ่งถ้าผมมีเวลาผมจะเขียนถึงการสอนเหล่านี้ในตอนต่อๆ ไปนะครับ จบบริบูรณ์ (ขอขอบพระคุณ อาจารย์ ณัฐวุฒิ เผ่าทวี)

อ. เดช ญาณทิพย์