ผ่าดวงเมือง 2563

ผมได้เคยวิเคราะห์และทำนายเอาไว้เกี่ยวกับดวงเมืองของประเทศสยามของเราว่าในช่วงต้นปีจะมีการชิมลางเรื่องของความวุ่นวายการพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงรัฐบาลผู้นำประเทศรวมถึงการยุบพรรคที่มีคนสนับสนุนมากมายโดยที่ไม่มีเหตุผลรองรับที่ชัดเจนพอ สิ่งนี้เท่ากับไปสุมไฟให้กับประชาชนซึ่งได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจอยู่แล้วจึงยิ่งทำให้ไฟแห่งความเกลียดชังความแค้นนั้นลุกโชนขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นการที่รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์จะอยู่ได้หรือไม่ได้อยู่ที่สติปัญญาของตัวนายกรัฐมนตรีเองและที่ปรึกษาที่รายล้อมรอบข้างว่าจะใช้ปัญญาใช้กึ๋นกันได้ถึงขนาดไหน จะยอมอ่อนลงบ้างหรือยอมหักไม่ยอมงอ หากว่ายอมหักแต่ไม่ยอมงอ แน่นอนผลกระทบทางสภาวะจราจลกลางเมืองก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ณขณะนี้ที่กำลังอ่านคอลัมน์หนังสือพิมพ์ฉบับนี้อยู่จิตวิทยาหมู่ของมวลชนคือต้องการการเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปในทางใดก็ตามขอให้เปลี่ยนแปลงคือกระแส social media และกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไม่สามารถที่จะต้านความรู้สึกของประชาชนว่ารัฐบาลขณะนี้ไม่สามารถจะบริหารประเทศได้ เนื่องจากปากท้องของประชาชนตอนนี้เกือบแห้งผาก ลำบากมาก อดอยากมากและตกงานกันเป็นเบือ

ตัวผมเองไม่ได้มีสีเสื้อสีอะไรๆเลยตัวผมเองไม่ได้ชอบไม่ได้เกลียดใครสีเสื้อของผมคือสีเสื้อของสถาบันพระมหากษัตริย์เท่านั้น ดังนั้นเวลาทำนายเรื่องดวงดาวเรื่องโหราศาสตร์ต่างๆก็จะรวมเรื่องของการวิเคราะห์และเอาโจทย์ของสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นโจทย์ใหญ่ก่อน จะว่าไม่มีใครคิดจะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นคงจะพูดได้ไม่เต็มปากเสียทีเดียว เพียงแต่ว่าทำกันแบบลับๆวางแผนกันแบบลับๆ เหตุก็มาจากความโลภในอำนาจความโลภในการที่จะเป็นใหญ่นั้นเอง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วหากมีการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์เกิดขึ้นประชาชนส่วนใหญ่ก็คงจะไม่ยอมอยู่ดี ก็คงต้องใช้วิธีเผด็จการแบบเบ็ดเสร็จปราบปรามประชาชนอีก แต่ทั้งนี้เรื่องการล้มล้างสถาบันหรือแนวความคิดแบบนั้นจะยังไม่เกิดขึ้นในตอนนี้จึงขอวกกลับมาในเรื่องของปี 2563 ปีหนูไฟที่อาจจะเป็นยิ่งกว่าไฟธรรมดา ดังคำทำนายที่ผมจะทำนายต่อไปนี้และขอให้ท่านเก็บหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ต้ดคอลัมน์นี้ไว้แล้วลองดูซิว่าจะเกิดขึ้นจริงตามนั้นหรือไม่

สำหรับเดือนมกราคมกุมภาพันธ์ปี 2563 นั้นคงไม่จำเป็นที่จะต้องไปกล่าวถึงเพราะว่าล่วงเลยมาแล้วสำหรับเดือนมีนาคมนี้รวมไปถึงเดือนเมษายนก็ยังไม่มีวิกฤตการณ์ใดๆที่จะสั่นคลอนผู้นำและรัฐบาลให้ต้องทำการเปลี่ยนแปลงใดๆไม่ แต่เมื่อเข้าสู่เดือนพฤษภาคมค่อนไปทางกลางเดือนไปแล้วจะมีเหตุการณ์มวลประชาชนลงถนนเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมเรียกร้องและโหยหาประชาธิปไตยและเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ลาออกทั้งคณะพร้อมทั้งให้เขียนรัฐธรรมนูญใหม่หรืออาจจะหยิบเอารัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 มาใช้ไปพลางๆก่อน ฝ่ายผู้นำการชุมนุมผู้นำนิสิตนักศึกษาผู้ที่อยู่เบื้องหลังในการชุมนุมนี้หรือผู้ที่มีส่วนได้เสียหวังว่าจะเกิดการนองเลือดในเดือนพฤษภาคม 2563 นี้เช่นเดียวกับพฤษภาทมิฬเพื่อจะให้เป็นดั่งประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ตามดวงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่ ความรุนแรงจะเกิดขึ้นประมาณสัปดาห์แรกหรือสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนกรกฎาคม 2563

ย้อนกลับมาตรงเดือนพฤษภาคม สถานการณ์ยังพยายามเอาล่อเอาเถิดกันอยู่ พยายามหยั่งเชิงกันอยู่ซึ่งในช่วงเวลานั้นนนายกรัฐมนตรีอาจจะลาออกและเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิดขึ้นมาซึ่งน่าจะเป็นคนที่ไม่อยู่ในเครื่องแบบ เพื่อลดแรงกดดันแรงต้านต่างๆ อย่างไรก็ตามคณะรัฐมนตรีและคณะรัฐบาลก็ยังเป็นหน้าเดิมชื่อเดิมๆอยู่ประชาชนจึงไม่ยอม แต่รัฐบาลก็อ้างว่าจะเอาอะไรอีกในเมื่อเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีแล้วนั่นคือสิ่งที่เรียกร้องไม่ใช่หรือ เดือนกรกฎาคมปี 2563 ก็จะเกิดกลียุคเล็กๆขึ้นมาคือนองเลือด มีการยิงมีการปราบปรามเหมือนสมัยเดือนตุลาคม ซึ่งครั้งนี้จะใหญ่กว่าครั้งก่อนนั่นหมายถึงจะไม่มีสีเสื้อเหลืองและแดงหรือสีอะไรๆ ทุกคนจะรวมเป็นหนึ่งเดียวแต่มีสองกลุ่ม โดยมีการตั้งชื่อกลุ่มการต่อต้านรัฐบาลนี้ใหม่ ตามดวงเมืองที่คำนวณมาจะเห็นมี 2 กลุ่มคือกลุ่มผู้สูงวัยและกลุ่มนักศึกษามัธยมและประถม ซึ่งเป็นเรื่องแปลกมากที่พ่อแม่ปล่อยให้มาชุมนุมหรือจริงๆแล้วพ่อแม่ชวนลูกมาชุมนุมเสียเอง เพราะว่าพ่อแม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ลงทุกวี่ทุกวัน

ท่านใดที่ไม่ได้อ่านคอลัมน์ลิขิตฟ้า ชะตาดินในวันนี้ต้องบอกเลยครับว่าน่าเสียดาย แล้วที่น่าเสียดายยิ่งไปกว่านั้นก็คือพื้นที่ของคอลัมน์ลิขิตฟ้า าชะตาดินหมดลงครับจึงต้องรวมยอดไปต่อเอาฉบับหน้าน่าจะเป็นประมาณ 3 ตอน แล้วพบกับความตื่นเต้นในสัปดาห์หน้า