ลิขิตฟ้า ชะตาดิน ตอนปีชง ภาค 3

“ดวงชง” จะมี 4 ปีนักษัตร ดังต่อไปนี้

– ปีชง (100%) ได้แก่ ปีนักษัตร มะโรง หรือคนที่เกิดตรงกับปี พ.ศ. 2471, 2483, 2495, 2507, 2519, 2531, 2543, 2555

– ปีชงร่วม ได้แก่ ปีนักษัตร จอ, ฉลู, มะแม หรือคนที่เกิดปี พ.ศ. 2462, 2465, 2468, 2474, 2477, 2480, 2486, 2489, 2492, 2498, 2501, 2504, 2510, 2513, 2516, 2522, 2525, 2528, 2534, 2537, 2540, 2546, 2549, 2552, 2558

ปีชง คือ ปีที่ได้รับผลเสียมากที่สุดหรือที่เราเรียกกันว่าชงโดยตรง (ชง 100%) ได้แก่ ปีมะโรง

ปีคัก คือ ปีที่เป็นปีนักษัตรเดียวกับปีนั้น ๆ ได้แก่ ปีจอ

ปีเฮ้ง คือ ปีที่ได้รับผลกระทบในเรื่องเคราะห์กรรม ได้แก่ ปีฉลู

ปีผั่ว คือ ปีที่ได้รับผลกระทบในเรื่องสุขภาพ ได้แก่ ปีมะแม

โดยปีชงตรง ๆ จะได้รับผลกระทบมากที่สุด ส่วน ปีคัก ปีเฮ้ง ปีผั่ว ซึ่งเรามักเรียกว่า ปีชงร่วม จะได้รับผลกระทบน้อยกว่า

สำหรับคนเกิด ปีจอ (สุนัข) ทำอะไรก็จะติดขัด, คนเกิด ปีมะแม (แพะ) มีปัญหาเรื่องสุขภาพ, คนเกิด ปีฉลู (วัว) อาจประสบเคราะห์กรรม


วิธีแก้ปีชง 2561 ตามความเชื่อของไทย

สำหรับความเชื่อเรื่องดวงชงแบบไทย สามารถทำได้โดยเลือกบูชาเทพที่สามารถส่งเสริมความรุ่งเรือง เจริญก้าวหน้า ดลบันดาลให้ชีวิตราบรื่นและเป็นสุข รวมถึงมีทรัพย์สินโชคลาภ และสุขภาพแข็งแรง ดังนี้

– พระสิวลี สาวกเอกองค์หนึ่งของพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นพระอรหันต์ มีอานุภาพเป็นเลิศด้าน โชคลาภในทุกด้าน อาทิ ด้านการงาน ความรัก แล้วแต่จะขอ

พร

– พระสังกัจจายน์ หนึ่งในพระสาวกผู้ใหญ่ของพระพุทธเจ้า ซึ่งท่านมีพุทธลักษณะอ้วน พุงพลุ้ย อันหมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ โชคลาภ ผู้บูชาพระสังกัจจายน์จะได้ลาภ ยศ และความเจริญรุ่งเรือง

– การทำบุญช่วยชีวิตสัตว์ต่างๆ เช่นการไถ่ชีวิตโค กระบือ ปล่อยนกปล่อยปลา การบริจาคโลหิต ฯลฯ ก็จะเป็นการช่วยส่งเสริมให้มีพลังมากขึ้น

– การไหว้พระ 9 วัด ช่วยเสริมสิริมงคลให้ชีวิต

ทำการกุศลจิตอาสาต่าง ๆ การเผยแพร่สิ่งที่ดีเกี่ยวกับธรรมะ เผยแพร่คำสอนดี ๆ ไปบริจาคโลหิต ไปทำบุญให้กับคนตาย คนยากไร้ เช่น ทำบุญโลงศพ ร่วมบริจาคเงินจัดการงานศพให้กับผู้ไร้ญาติ การไปไหว้พระตามวัดต่าง ๆ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นการช่วยเสริมสิริมงคลบุญบารมี ให้ชีวิตดีขึ้น มีความสบายใจ จิตใจผ่องใส ถือว่าช่วยแก้เรื่องปีชงได้ดีเช่นกัน


หลักการและประวัติความเป็นมาของปีชง

สิ่งแรกที่มีการตั้งข้อสังเกต คือ อิทธิพลของดวงดาว เช่น เดือนดับกับเดือนสว่างมีผลต่อน้ำขึ้นน้ำลง เพราะฉะนั้นดวงดาวมีผลต่อโลกแน่ๆ มีการบันทึกไว้ชัดเจน ปัจจุบันนี้ความรู้ทางด้านธรณีวิทยา และดาราศาสตร์ เราก็รู้กันดีอยู่แล้วว่าดวงดาวมีผลต่อน้ำขึ้นน้ำลง เรียนกันมาตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาเลย เพราะฉะนั้นการพยากรณ์ก็เลยเริ่มขึ้น โดยการดูดวงดาว ดูท้องฟ้า แล้วก็พยากรณ์ฤดูกาล พยากรณ์ฝน พยากรณ์แล้ง พยากรณ์ภัยพิบัติ เช่น ปีนี้จะแล้งแค่ไหน ปีนี้จะมีฝนมากไหม เป็นต้น

ปีชงเริ่มมาจากการดูดวงดาว

เพราะฉะนั้นมนุษย์เราเริ่มจากการอ่านดวงดาว อ่านท้องฟ้า เพื่อที่จะเอามาใช้กับชีวิตของ ตัวเอง เพราะสมัยสังคมเกษตรกรรมต้องพึ่งพาน้ำ พึ่งพาฝน มีลม มีฝน มีพายุมา ข้าวพืชพันธุ์ธัญญาหารที่ปลูกไว้ก็เสียหายหมด จึงมีการศึกษาเรื่องพวกนี้กันอย่างลึกซึ้ง และมีการพัฒนาขึ้นมาจนเป็นศาสตร์อีกศาสตร์หนึ่ง คือ โหราศาสตร์ ศาสตร์แห่งการอ่านฟ้านั่นเอง

มีการบันทึกไว้ด้วยว่า ถ้ามีดวงดาวดวงบางดวงโผล่ขึ้นมาจากท้องฟ้า จะส่งผลให้น้ำท่วม หรือพยากรณ์ได้ว่าน้ำจะท่วม เป็นต้น

ท้องฟ้า ดวงดาว เทพเจ้า ปีชง

ปีชง ก็เริ่มมาจากการอ่านท้องฟ้า ซึ่งในยุคแรกก็เป็นอ่านความหมายใน 3 เรื่อง คือ ฤดูกาล ภัยพิบัติ และเรื่องของลมฝน เหมือนตัวอย่างของ ขงเบ้ง ที่เวลาจะออกรบ จะดูฟ้าแล้วพยากรณ์ได้เลยว่าจะมีฝน แล้วลมจะมา ถ้าเราอยู่เหนือลม เราจะได้เปรียบ เพราะถ้าเราจุดไฟจะพัดฆ่าศึกได้ คำนวณออกมาได้เลย ว่าวันไหนๆ จะออกรบแล้วชนะ ด้วยแผนที่แยบยลจากการอ่านท้องฟ้า

ยุคต่อๆ มา มีการเติมเทพเจ้าลงมา เป็นเทพเจ้าประจำดวงดาว เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นยุคของโรมันโบราณ ยุคของกรีก ยุคของบาบิโรน เทพเจ้าก็จะมาจากดวงดาวต่างๆ นั่นเอง เช่น เทพวีนัส ประจำดาวศุกร์ เทพมาร์ ประจำดาวอังคาร ซึ่งเทพมาร์มาจากกรีกโบราณ เป็นเทพเจ้าแห่งสงคราม ก็เลยมาเป็นเทพเจ้าประจำดาวอังคาร ตั้งแต่นั้นจึงมีเทพเจ้ามาลงรักษาดวงดาวต่างๆ

ดวงดาวต่างๆ มีความหมายถึงเทพเจ้า

เทพเจ้าที่ประจำดวงดาวจึงมีหน้าที่ในการให้คุณและให้โทษแก่มนุษย์ได้ ดังนั้น จึงเป็นความเชื่อ เป็นการอ่าน และเป็นการเติมของบรรพบุรุษของเรา ซึ่งเป็นชาวโลกที่ยังอยู่ในความไม่รู้ เพราะไม่สามารถจะเจาะลึกอะไรได้เลย จึงต้องอาศัยการอ่านเอา มีเพียงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่สามารถอ่านทุกอย่างได้หมด พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ทรงขาดทะลุในเรื่องโลก ดวงดาว เรื่องทุกอย่าง เมื่อท่านรู้ทะลุหมดท่านจึงนำมาสอนพวกเรา ดังนั้น ตอนที่เรายังไม่ขาดทะลุเรื่องเหล่านี้ เราก็ต้องฟังเทพเจ้าไปก่อน

ในจีน ก็ถือว่าเป็นประเทศที่มีอิทธิพลต่อชาวโลกในเรื่องของศาสตร์ด้านโหราศาสตร์ เพราะในส่วนของจีน จะมีอย่างน้อย 2 เรื่อง คือ

1. ดวงดาว การเปลี่ยนแปลงของดวงดาวนักษัตรต่างๆ

2. พลัง จีนมองเป็นพลังหยิน-หยาง พลังที่อยู่ตรงข้ามกันแล้วก็ปะทะกันตลอดเวลา แต่สร้างสมดุลซึ่งกันและกัน พลังหยิน-หยางของจีน จะถูกควบคุมด้วย 5 ธาตุ คือ ดิน น้ำ ไฟ ทอง และ ไม้

ปีชงมีอิทธิพลต่อมนุษย์จริงหรือไม่ อย่างไร

สรุปว่า ไม่ว่าท่านจะเกิดปีอะไร จะเป็นปีชง หรือไม่เป็นปีชง ก็ขอให้ละชั่ว ทำดี ทำใจให้ผ่องใส แล้วเรื่องดีๆ ก็จะเข้ามา ส่วนเรื่องไม่ดีก็จะออกไป

นี่เป็นเรื่องราวส่วนหนึ่งของ ปีชง ว่ามีความเป็นมาอย่างไร ซึ่งก็เป็นในส่วนของหลักการทางโลก ต่อไปจะขอนำเสนอความรู้เรื่อง ปีชง ตามแนวทางของทุกศาสนาว่า เราควรปฏิบัติตนอย่างไร ต่อปีชง น่าสนใจใช่ไหมครับ!!!

หมอดู ซินแสทั้งหลายที่ดูเรื่อง ปีชง มักจะแนะนำให้ไปกราบไหว้เทวดาองค์ต่างๆ ให้ท่านช่วยให้เราพ้นจากอุปสรรคขัดข้องต่างๆ สรุปง่ายๆ คือ ให้ไปไหว้เทวดานั่นเอง เพื่อสะเดาะเคราะห์

ถ้าถามว่า เทวดามีจริงไหม คำตอบคือ เทวดามีจริง แต่ว่าเทวดาคือใคร เทวดาก็คืออดีตมนุษย์ ที่ทำความดี สร้างบุญสร้างกุศล ด้วยการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ตายแล้วจึงไปเกิดเป็นเทวดา มนุษย์เราควรไหว้เทวดาไหม ถ้ามนุษย์ที่มีศีลมีธรรม ตั้งใจทำความดี เทวดาจะมาไหว้มนุษย์ ไม่ใช่ให้เราไปไหว้เทวดา เทวดาเองมีทั้งที่เป็นสัมมาทิฏฐิ (มีความเห็นถูกต้องตรงตามความเป็นจริง) และมิจฉาทิฏฐิ (มีความเห็นผิดจากความเป็นจริง) บางคนอาจสงสัยว่า จริงหรือ ทำไมเขาไปเกิดเป็นเทวดาได้แล้วยังเป็นมิจฉาทิฏฐิล่ะ เทวดาร้ายๆ มีด้วยหรือ ตอบว่ามี

: ศึกษาผ่านเรื่องราวของ ท่านอนาถปิณฑิกเศรษฐีกับเทวดาที่ซุ้มประตูบ้าน

มีตัวอย่างในครั้งพุทธกาล อนาถปิณฑิกเศรษฐี อุปัฏฐากใหญ่ของพระพุทธศาสนา เป็นผู้บริจาคทรัพย์ซื้อที่ดินสร้างเชตวันมหาวิหาร ด้วยการเอาเงินเรียงจนเต็มแผ่นดิน แล้วก็สร้างกุฏิศาลาอย่างดีเยี่ยม และจัดฉลองอย่างใหญ่โต น้อมถวายบูชาแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต่อมาภายหลังวิบากกรรมที่ทำไว้ตามมาทัน ทรัพย์สินที่ฝังดินไว้ถูกน้ำพัดไป ที่ไปค้ำประกันเขาไว้ก็ถูกโกงหนีไปอีก เงินทองร่อยหรอ จนกระทั่งจะเลี้ยงพระ ข้าวดีๆ ก็ยังไม่มีเลี้ยง ต้องใช้ปลายข้าวต้มกับน้ำส้มผอูน เทียบกับปัจจุบันก็เท่ากับน้ำผักกาดดอง มีแค่นั้นเลี้ยงพระ ใช้ปลายข้าวต้มเป็นข้าวต้ม กับข้าวก็เป็นน้ำผักกาดดอง วันหนึ่งเทวดาที่อยู่ที่ซุ้มประตูเหาะลงมาห้ามอนาถปิณฑิกเศรษฐีว่า ให้เลิกทำบุญได้แล้ว จนจะหมดตัวอยู่แล้ว ขืนทำต่อไปเดี๋ยวจะไม่มีกิน เห็นหรือไม่ เทวดามิจฉาทิฏฐิก็มีนะ

เทวดาองค์นี้ที่ห้ามเพราะตัวเองอยู่ที่ซุ้มประตู ถึงคราวที่พระภิกษุเข้าบ้านอนาถปิณฑิกเศรษฐี ตัวเองก็จะอยู่บนซุ้มประตูไม่ได้ เพราะพระท่านมีศีลสูงกว่า ต้องลงมาที่พื้น พระผ่านไปแล้วจึงจะขึ้นไปอยู่ที่ซุ้มประตูได้อีก ขึ้นๆ ลงๆ หลายครั้ง จึงหาทางยุยงท่านเศรษฐี ตัวเองจะได้อยู่สบาย เทวดามิจฉาทิฏฐิอย่างนี้ก็มีนะ พูดจบอนาถปิณฑิกเศรษฐีถามว่าท่านคือใคร เทวดาตอบว่า ข้าพเจ้าเป็นเทวดาอยู่ที่ซุ้มประตู อนาถปิณฑิกเศรษฐีบอก ถ้าอย่างนั้นให้ไปไกลๆ เลย ข้าพเจ้าไม่อนุญาตให้อยู่ พอเจ้าของไม่อนุญาตเทวดาอยู่ไม่ได้

เห็นหรือไม่ว่าเทวดาต้องมาเคารพมนุษย์ ถ้าเป็นมนุษย์ที่มีศีล มีธรรม มีคุณความดี สุดท้ายต้องไปปรึกษาหารือกับเทวดาหัวหน้าเขตว่าทำอย่างไรดี เทวดาหัวหน้าเขตก็บอกว่า ช่วยไม่ได้แล้ว ให้ไปหาที่สูงๆ ขึ้นไป จนไปถึงท้าวจาตุมหาราชิกา ท้าวจตุโลกบาลจึงแนะนำว่า ท่านจะต้องช่วยเอาทรัพย์ของเศรษฐีที่เสียหายไปให้กลับคืนมาหมดทุกอย่าง แล้วค่อยมาขอขมาเศรษฐี เศรษฐีให้อภัย เทวดาจึงกลับมาอยู่ที่ซุ้มประตูได้อย่างเดิม นี่เป็นตัวอย่างเลยว่า เราไม่ควรจะไปบูชาเทวดา โดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เพราะเขาอาจเป็นเทวดามิจฉาทิฏฐิก็ได้

ปีชง กับ วิธีแก้ที่แท้จริง

ดูดวงปีชง!

ถ้าหมอดูบอกว่า ชะตาขาด ฤกษ์โลกาวินาศ ถูกจับ แพ้แน่นอน ถูกจับติดคุก ได้รับโทษประหาร เท่านี้เอง เลิกปฏิวัติแน่ๆ เลื่อนออกไปทีเดียว นี่คือ ความจริง เพราะฉะนั้น คนทั่วไป ก็จะเป็นอย่างนี้นี่แหละ ดังนั้น ถ้าไปเจอหมอดูทักเข้าว่า ดวงไม่ค่อยดี แล้วแนะให้ไปไหว้พระ 9 วัดก็ไปเลย อยู่ดีๆ คนเราแนะนำให้ไปไหว้พระทำบุญ ไหว้พระ ให้ไปสวดมนต์ ทำบุญ ไม่มีใครไปนะ แต่ถ้าหมอดูบอก นี่รีบไปเพราะว่าเสียว เผื่อเหนียวไว้ก่อน มันหวาดเสียว จากอวิชชาที่ครอบงำใจนั่นเอง จึงเกิดอาการอย่างนี้

บางทีก็มีการแก้กรรมแบบแปลกๆ เช่น ต้องเอาไข่ดำ ไก่ดำ พิสดาร ก็ดั้นด้นพยายามไปทำกันเยอะแยะมากมาย เพราะว่าจะเผื่อเหนียวนั่นเอง บางคนออกจากหมู่บ้านจัดสรรมา เห็นเขาทำศาลพระภูมิเอาไว้ ยกมือไหว้หน่อย เอ๊ะ..ไม่รู้ พระพุทธเจ้า พระองค์ทรงบอกว่าอย่าไปแสวงหาบุญเขตนอกพระพุทธศาสนา ก็รู้เหมือนกัน แต่เห็นคนอื่นเขาไหว้กัน ก็ไหว้ด้วย เผื่อเหนียวๆ ขับรถไปตรงหัวโค้งที่มีอุบัติเหตุบ่อยๆ แล้วมีการสร้างศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่เอาไว้ ต้องยิงปืนโป้งป้าง กดแตรบ้าง บอกว่าเผื่อเหนียวๆ เห็นต้นไม้เขาผูกผ้าแดงไว้ ก็ยกมือไหว้ บอกว่าเผื่อเหนียว เผื่อไปหมด จนกระทั่งจับหลักอะไรไม่ได้เลย อย่าไปเป็นอย่างนั้น ให้ถือหลักชาวพุทธให้ดี

ปีชง หรือ วิบากกรรมเก่า?

เพราะปีชง หรือวิบากรรมเก่าของเราเอง ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจ ใครบอกว่าเคราะห์ไม่ดี ชะตาไม่ดี มีทางออก ชะตาเราจะไม่ดี จะมีเคราะห์ เป็นเพราะวิบากกรรม คือ สิ่งไม่ดีในอดีตที่เราเคยทำเอาไว้ ทั้งอดีตชาติ หรือในปัจจุบันชาติก็ตาม วิบากกรรมจะตามมาส่งผล วิธีการแก้คือ ต้องสร้างบุญ

ถ้าจะเปรียบก็คือ วิบากกรรมที่จะตามมาส่งผลเหมือนกับหินโสโครกที่อยู่ใต้น้ำ นาวาชีวิตเราเองจะแล่นไป เผลอๆ ก็ไปเกยหินโสโครกเข้าเรือแตก นาวาชีวิตจมได้เหมือนกัน แต่ว่าถ้าเราเองไปสร้างบุญ ด้วยการให้ทาน รักษาศีล และเจริญสมาธิภาวนา บุญกุศลเพิ่มพูนขึ้น เหมือนระดับน้ำมันยกสูงขึ้น พอน้ำสูงขึ้นเป็นอย่างไร แม้จะมีหินโสโครกอยู่ เรือก็วิ่งผ่านไปได้อย่างสบายๆ

เพราะฉะนั้นเราลองคิดดูสิว่า ถ้าเราไปฟังที่เขาบอกว่า ปีชง อย่างนั้น อย่างนี้ ไม่ได้ ไปหาอีกหมอก็บอกว่า นี่เป็นปีมะ สูตรหมอไทย มะ ก็คือ มะโรง มะเส็ง มะเมีย มะเแม ไม่ดีอย่างนั้นอีก แล้วถ้าเกิดไปเจอหมอฝรั่งทักมาอีกที ตกลงว่าทั้งชาติไม่ต้องทำอะไรแล้ว เพราะว่าแต่ละหมอก็มีสูตรไม่เหมือนกัน มีปัญหาตลอด กลุ้มใจตลอด อย่างนี้เอาเป็นหลักไม่ได้ เพราะว่าผู้ที่แนะนำเรานั้นยังไม่ใช่ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ที่แท้จริง แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์คือผู้ที่ตรัสรู้ธรรม เป็นผู้รู้แจ้งโลก เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้วที่แท้จริง

ปี 2561 ปีไหนชง ปีไหนรอด?

สำหรับปี 2561 ตามหลักโหราศาสตร์จีนจะตรงกับปีจอ ซึ่งปีนักษัตรที่ถือว่าชงแบบเต็ม ๆ 100% ได้แก่ ปีมะโรง หรือผู้เกิดตรงกับ พ.ศ. 2471, 2483, 2495, 2507, 2519, 2531, 2543 และ 2555 ส่วนปีนักษัตรที่ถือว่าชงร่วม คือ คนเกิดปีจอ, ปีฉลู, ปีมะแม หรือผู้เกิด พ.ศ. 2462, 2465, 2468, 2474, 2477, 2480, 2486, 2489, 2492, 2498, 2501, 2504, 2510, 2513, 2516, 2522, 2525, 2528, 2534, 2537, 2540, 2546, 2549, 2552 และ 2558

ปีคัก คือ ปีที่เป็นปีนักษัตรเดียวกับปีนั้น ๆ ได้แก่ ปีจอ

ปีเฮ้ง คือ ปีที่ได้รับผลกระทบในเรื่องเคราะห์กรรม ได้แก่ ปีฉลู

ปีผั่ว คือ ปีที่ได้รับผลกระทบในเรื่องสุขภาพ ได้แก่ ปีมะแม

โดยปีชงตรง ๆ จะได้รับผลกระทบมากที่สุด ส่วนปีคัก ปีเฮ้ง ปีผั่ว (ปีชงร่วม) จะได้รับผลกระทบน้อยกว่า

เดือนที่ควรระวังเป็นพิเศษ – เมษายน และ เดือนตุลาคม หลาย ๆ คนได้ฉลองวันปีใหม่อย่างมีความสุข แต่อีกหลาย ๆ คนอาจกำลังกังวลใจว่าดวงในปี 2561 นี้จะ “ชง”กับตัวเองหรือเปล่า จะเกิดอุบัติเหตุหรือสิ่งแย่ ๆ กับตัวเองไหม? สำหรับใครที่สนใจในเรื่องนี้เรามีมาฝากพร้อมวิธีแก้ไขที่จะทำให้สบายใจผ่อนหนักเป็นเบาได้มากเลยทีเดียว

ปีชงไม่ดีจริงหรือ?

ปีชงไม่ได้แปลว่าสิ่งร้าย ๆ จะเกิดขึ้นเสมอไป แต่หมายถึงจะมีความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ซึ่งบางครั้งการชงก็เป็นการนำสิ่งที่ไม่ดีออกไปจากชีวิตคน ๆ นั้น ทำให้ชีวิตดีขึ้นเป็นสองเท่า ซึ่งคนส่วนใหญ่มองข้ามตรงนี้ไปคิดแต่ว่าชงแบบไม่ดี หรือเปลี่ยนแปลงไปในทางร้าย ระวังจะเกิดอุบัติเหตุ จะเสียเลือดเนื้อ หรือมีการเจ็บป่วยรุนแรง เป็นต้น

โดยปีชงตรง ๆ จะได้รับผลกระทบมากที่สุด ส่วนปีคัก ปีเฮ้ง ปีผั่ว (ปีชงร่วม) จะได้รับผลกระทบน้อยกว่า


ปีมะโรง (มังกร หรืองูใหญ่)

จัดว่าเป็นปีนักษัตรที่ชงแบบเต็ม ๆ หรือ 100% เลยก็ว่าได้ ซึ่งตามความเชื่อ ปีนักษัตรปีจอ ไม่ถูกโฉลกกับ ปีมะโรงอย่างแรง จึงอาจส่งผลให้เกิดอุปสรรคขัดข้อง อาจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่คาดฝัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ การงาน การเงิน หรือการเดินทางไกลอาจต้องระมัดระวังเรื่องอุบัติเหตุ ญาติผู้ใหญ่เจ็บป่วย ปีนี้จึงขอให้คนเกิดปีมะโรงทำอะไรอย่างมีสติ ขับรถด้วยความระมัดระวัง มีการวางแผนการเดินทางอย่างมีสติแล้วทุกอย่างก็จะผ่านไปด้วยดี

คำแนะนำเพิ่มเติม – ให้เสริมดวงชะตาให้ดีขึ้น ควรไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยนำดวงชะตาไปฝากไว้กับองค์เทพเจ้าไท้ส่วย เพื่อช่วยขจัดปัดเป่าสิ่งไม่เป็นมงคล พร้อมกับไหว้องค์ “ไต่ฮงกง” ที่ศาลเจ้าในมูลนิธิปอเต็กตึ้งใกล้สถานีตำรวจพลับพลาไชย แต่หากท่านอยู่อเมริกา ถ้ามีวัดจีน,วัดไทย,วัดแขก อยู่ใกล้ๆก็สามารถไปไหว้เสริมดวงชะตาได้เช่นกัน

ส่วนท่านใดสนใจการแก้และวางฮวงจุ้ยประกอบดวงดาวเพื่อให้ชีวิตและธุรกิจดีขึ้นติดต่อได้ที่ Line:stevefengshui หรือ stevefengshui@gmail.com