กลับมาทำการบ้านส่งให้ น.ส.พ. ไทยแอล.เอ. ทันเดือนแห่งความรักพอดี หลังจากไปเป็นนกขมิ้นเหลืองอ่อนค่ำไหนนอนนั่นกลางทะเลทรายอยู่เกือบหนึ่งเดือน กลับมาคราวนี้ทุลักทุเลพอสมควร แต่เป็นเรื่องส่วนตัวเลยคิดว่าควรจะเก็บไว้ไม่คุย ใครอยากทราบเจอะเจอกันเมื่อไรจะถามไถ่ก็ยินดีจะเล่าให้ฟัง แต่ตอนนี้จะเขียนคุยเป็นส่วนรวมตามหน้าที่ที่ตั้งใจจะทำทุกวันเสาร์ ซึ่งทำได้ยากมากเพราะวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปตามวัย นับวันๆ ก็ไม่ค่อยจะได้อยู่บ้านหนุน “หมอนใบโปรด” ของตัวเอง !
เมื่อครั้งยังทำงานอยู่ BANK OF AMERICA ที่ธนาคารมีโปรแกรมพิเศษ สนับสนุนให้ CAR POOL ใครร่วมมือด้วยจะได้รับรางวัลเหมือน GIFT CARDS แล้วแต่เราจะเลือกตามใจชอบ รู้สึกจะได้รับค่าน้ำมันรถด้วย อะไรประมาณนี้ ! ส.ท่าเกษม CAR POOL กับลิซ่าที่ทำงานแผนกเดียวกัน ทุกเช้าจะขับรถลงเขาจาก MT. WASHINGTON ไปจอดทิ้งไว้หน้าบ้านลิซ่าที่ EAGLE ROCK แถวๆ OCCIDENTAL COLLEGE จึงนับว่าสนิทกันพอสมควร พอลิซ่าแต่งงานเลยเชิญให้ไปพักที่ “เกษียรสมุทร” , CARLSBAD กับเจ้าบ่าวเป็นของขวัญวันแต่งงาน ที่พักเรามี ๒ ห้องนอน ๒ ห้องน้ำ เป็นสัดส่วน วันที่มาถึงเห็นลิซ่าหนีบหมอนมาด้วย ยังนึกขำแต่ไม่ได้พูดอะไร กลับนึกไปถึงสมาชิกในครอบครัวของตัวเองเมื่อยังเล็กๆ เวลาเดินทางไปพักที่ไหนจะมีหมอนเล็กๆ และผ้าห่มจัดลงกระเป๋าเดินทางไปด้วย เพื่อเด็กจะได้ไม่งอแงหลับสบายไม่รู้สึกว่าเปลี่ยนที่เปลี่ยนทาง เพราะชินกับหมอนและผ้าห่มผืนเล็กๆ กลิ่นสะอาด (ฮา !)
ระยะหลังๆ นี้เวลาไปตามโฮเต็ล รีสอร์ทต่างๆ บางทีจะเห็นผู้หญิงทั้งวัยรุ่นและวัยไม่รุ่นหิ้วหมอนมาด้วยตอนเช็คอิน เลยดูเป็นของธรรมดาไป สำหรับตัวเองจะนำผ้าพันคอผืนใหญ่ที่ได้รับจากเมืองไทยติดตัวไปด้วย ผ้าพันคอที่ไม่บางและไม่หนาจนเกินไป ไว้ใช้คลุมหมอนบนเตียง เพราะไม่ทราบว่ากี่พันคนใช้หมอนใบเดียวกับเรา ถึงจะมีปลอกหมอนก็เถอะ !
อยากทราบว่าคุณผู้อ่านทำความสะอาดหมอนที่นอนอยู่ทุกคืนครั้งสุดท้ายเมื่อไร เดือนที่แล้ว ? ปีที่แล้ว ? ไม่เคยเลย ! ถ้าเกินกว่า ๖ เดือน ถึงเวลาแล้วที่ต้องทำความสะอาด หรือพูดเล่นๆ ว่า “IT’S TIME TO GIVE THEM A BATH !” แต่ก่อนจะทำความสะอาดอ่านป้ายดูคำอธิบายวิธีไหนที่เขาแนะนำ หมอนสมัยนี้ส่วนมากจะใส่เครื่องได้ใช้ DELICATE หรือ GENTLE CYCLE และน้ำอุ่น ใส่เครื่องซักผ้าพร้อมกัน ๒ ใบเลยจะได้มีน้ำหนักเท่าๆ กันในเครื่อง ( BALANCE กัน) ใช้เครื่องที่ไม่มีแกนตรงกลางจะดีที่สุด แต่ถ้าเครื่องมีแกนก็ต้องวางหมอนตั้ง จะได้ไม่พันแกนและแกนก็ไม่ทำให้หมอนเสีย ถ้าเป็นหมอนที่ยัดไส้ด้วยวัสดุที่แตกต่าง วิธีทำความสะอาดจะแตกต่างกันไปตามแต่ป้ายบอก บ้างก็ใช้ LINER ใต้ปลอกหมอนอีกชั้นหนึ่ง แล้วเดือนหนึ่งก็ถอดปลอกรองมาซัก
สำหรับผู้ที่ไม่ชอบทำความสะอาดหมอนที่นอนหนุนอยู่ทุกคืน ควรจะเปลี่ยนใหม่ซะเลย รู้แล้วรู้แรดไป ! แต่มีหมอนอยู่ชนิดหนึ่งที่เปลี่ยนไม่ได้ ถ้าได้มาไว้ครอบครองแล้วต้องทะนุถนอม หมั่นดูแล เพราะหมอนที่ ส.ท่าเกษม กำลังจะคุยถึงนี้มีราคาสูงกว่า U.S. $ 2,800- (KING SIZE)
St. GENEVE ผลิตหมอนหนุนศีรษะที่แพงที่สุดในโลก เพราะใช้ขนอ่อนจากหน้าอกของเป็ดน้ำไอเดอร์ (EIDER) เรียกว่า EIDERDOWN PILLOW ตัวหมอนใช้ 360 THREAD COUNT เป็นผ้าฝ้ายอีจิบเชี่ยน 100% เพื่อให้สมน้ำสมเนื้อกับไส้ไอเดอร์ดาวน์ รับประกันไม่มีการแพ้ เพราะถือหลักที่ว่าไม่มีประโยชน์ที่ซื้อหมอนแพงๆ ถ้าคุณใช้ไม่ได้ ก่อนซื้อควรจะอ่านป้ายแล้วอ่านอีก คุณจะทราบได้ว่าเป็นไอเดอร์ดาวน์ 100% St. GENEVE รับประกัน (อีกแล้ว) ว่าลูกค้าที่เป็น ANIMAL LOVERS ไม่ต้องห่วงเรื่องทำร้ายสัตว์เพื่อนำขนมาใส่ไส้หมอน เพราะพวกดูแลและทำหน้าที่เก็บขนเป็ดจะรอให้เป็ดทั้งฝูงทิ้งรังไปก่อน พวกเขาจึงไปเก็บขนอ่อนที่หลุดร่วงจากเป็ดตัวเมียเพราะฮอร์โมนเปลี่ยน ไม่มีการดึงขนเป็ดแบบที่ทำกับสัตว์อื่นๆ เป็นธรรมชาติโดยเฉพาะตัวของเป็ดไอเดอร์ เมื่อขนร่วงก็ใช้ทำรังให้ความอบอุ่นแก่ไข่ จนกระทั่งฟักไข่ออกมาเป็นลูกเป็ดตัวน้อยน่ารัก
ขนอ่อนของเป็ดพันธุ์พิเศษนี้ มากจากไอซแลนด์ (ICELAND) 70% นอกนั้นจาก NORWAY CANADA แต่ละรังมีประมาณ 3/5 OZ. เป็นสีเทาที่นุ่มเบา คนงานที่เก็บขนเป็ดตามชายฝั่งทั่วไปของไอซแลนด์มีความผูกพันเป็นพิเศษกับเป็ด คือจะช่วยดูแลรังไข่ ไม่มีการทำร้ายเป็ด เวลาเก็บขนอ่อนที่เหล่าแม่เป็ดไอเดอร์ทิ้งไว้ ก็จะใช้มือเปล่าแบบระวังไม่ให้บอบช้ำ ไม่ใช้เครื่องช่วยอื่นๆ แม่เป็ดเหล่านี้ตอนขนร่วงยังมีชีวิตอยู่และโตเต็มที่
เมืองไทยเราไม่เคยแพ้หน้าใครในเรื่องของเศรษฐีที่ใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๕๒ บริษัทโอมาช (ประเทศไทย) จำกัดในเครือโลตัส เบดดิ้ง กรุ๊ป ผู้นำชุดเครื่องนอนสุดหรูมาเปิดตัวที่ แฟชั่นฮอลล์ สยามพารากอน เป็นผ้าห่มขนเป็ดไอเดอร์ จากไอซแลนด์ ประเทศเดียวกับที่ ส.ท่าเกษม คุยให้คุณผู้อ่านฟังเรื่องหมอนที่แพงที่สุดในโลก ! ดูรูปภาพที่ ๒ จะเห็นทั้งหมอนและผ้าห่มที่ทำจากขนอ่อนของเป็ด จำหน่ายที่เมืองไทยผืนละ ๑,๐๐๙,๙๐๐ บาท (มูลค่ากว่า ๑ ล้าน) เห็นข่าวแล้วสงสารคนไทยตาดำๆ ที่อดมื้อกินมื้อ ต้องอาศัยวัดอยู่ นอนใต้สะพาน ฯลฯ ปรากฎว่าเป็นผืนเดียว ผืนแรกในประเทศไทย ทั่วโลกมีเพียง ๓๐ ผืนเท่านั้น เวลาผ่านมาเกือบ ๕ ปีแล้ว ไม่ทราบว่าบริษัทโอมาชขายไปได้กี่ผืน เพราะมีคุณภาพพิเศษจริงๆ ไม่ทำให้เหงื่อออก ถึงแม้จะเบาบางเป็นปุยเมฆแต่ก็ให้ความอบอุ่นกำลังดี เหมาะกับพวกเปิด A/C นอน (ประโยคหลังนี้ ส.ท่าเกษม เขียนเอง)
เห็นข่าวนี้แล้วทำให้นึกถึงสมัย คุณแถมสิน (พี่แถม) รัตนพันธ์ เขียนใน คอลัมน์ “ลัดดาซุบซิบ” ประจำนิตยสารสกุลไทยว่า ผู้หญิงคนหนึ่ง (ขออุบชื่อไว้) ไปซื้อชุดจานช้อนส้อม ที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังในกรุงเทพฯ เป็นราคา ๑ ล้านบาท เลยทำให้คิดว่าเผลอๆ คงเป็นเจ้าของผ้าห่ม (DUVET/COMFORTER) มูลค่ากว่า ๑ ล้านอีกกระมัง ?