คุยกันวันเสาร์
ส.ท่าเกษม



“ลาสเวกัส”...เมืองวีรบุรุษและวีรสตรี
คืนวันอาทิตย์ที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ (ตอนจบ)

เสาร์ที่แล้วเขียนถึงประสบการณ์จากเหตุการณ์อันเศร้าสลดที่นครลาสเวกัส เทศกาลดนตรีลูกทุ่ง COUNTRY MUSIC กลางแจ้ง THE ROUTE 91 HARVEST FESTIVAL ที่จัดขึ้นทุกปี ตั้งแต่ ค.ศ. ๒๐๑๔ ณ LAS VEGAS VILLAGE ภายในเนื้อที่ ๑๕ เอเคอร์ บน LAS VEGAS BOULEVARD จัดโดย LIVE NATION ENTERTAINMENT จากการแถลงข่าวครั้งล่าสุดของ SHERIFF JOSEPH LOMBARDO (โจเซฟ ลอมบาร์โด) วัย ๕๕ ปี ดูสับสนกลับตาลปัตร ยิ่งมีข้อมูลข้อเท็จจริงเพิ่มขึ้น การแถลงข่าวจึงคงจะเปลี่ยนไปอีก ข่าวแรกที่เป็นข่าวดีคือคนเจ็บลดลงเหลือ ๔๘๙ จากที่แจ้งจำนวนสูงสุดถึง ๕๒๗ คน การผิดพลาดข้อนี้พอจะเข้าใจเพราะทางตำรวจได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลหลายแห่ง ในยามฉุกเฉินเช่นนี้ การนับซ้ำเกิดขึ้นได้ อีกประการหนึ่งบ้างก็เป็นคนไข้ที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุอื่นๆ เช่น ทางรถยนต์เป็นต้น จึงถูกนับรวมไปด้วย ผู้เคราะห์ร้ายที่เสียชีวิตยังคงจำนวนเดิม ๕๘ ราย

ส่วนทาง TIMELINE (เส้นเวลา) การลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามลำดับเวลา จะบันทึกเพียงหัวข้อไม่มีรายละเอียด จากการที่แถลงข่าวให้สื่อต่างๆ เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ข่าวเก่าที่ JESUS (เฮซูส) CAMPOS เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของ MANDALAY BAY HOTEL ถูกยิงหลังจากผู้ร้ายยิงกราดไปยังฝูงชนแฟนเพลงคันทรี่ ข่าวใหม่กลายเป็นถูกยิงก่อนตอน ๓ ทุ่ม ๕๙ นาที หลังจากนั้นประมาณ ๖ นาที คนร้ายจึงยิงรัวไปที่เทศกาลงานดนตรีบรรจุคนราว ๒๒,๐๐๐ แถมไม่ใช่ รปภ.เพียงคนเดียว แต่กลับมี STEPHEN CHUCK วิศวกรผู้ดูแลโรงแรมอยู่ด้วย ๒ คนขึ้นไปตรวจเสียงสัญญานป้องกันภัยอันตราย (ALARM) ที่ดังขึ้น ระหว่างนั้นฆาตกรยิงผ่านประตูออกมาที่ทางเดินระหว่างห้อง (HALLWAY) ๒๐๐ นัด เนื่องจากคนในห้องพักสามารถมองเห็นคนใน HALLWAY ผ่านกล้องวงจรปิดที่แอบวางไว้บนรถเข็นของห้องบริการอาหาร (ROOM SERVICE) กระสุนถูกขาของ เฮซูส คัมโพส รปภ. ตอนนี้เลยกลายเป็นปัญหาใหญ่วิจารณ์กันไปทั่วว่า ทำไมไม่มีใครโทรแจ้ง ๙๑๑ ทันทีทันใด แต่กลับได้ยินเสียงของวิศวกรติดต่อแผนกรักษาความปลอดภัยของโฮเต็ลให้แจ้งตร. หลังจากนั้นอีก ๖ นาที คนร้ายจึงยิงกระหน่ำเป็นพันๆนัดไปยังฝูงชนเป็นเวลานานถึง ๑๐ นาที ส.ท่าเกษม มีความรู้สึกว่าความผิดพลาดอยู่ทางโฮเต็ล ฟังดูแล้วดูคลุมเครือไม่สู้จะโปร่งใส เท่าที่ทราบเวลาเกิดเหตุอะไรในโฮเต็ล รปภ. ต้องแจ้งไปยังแผนกรักษาความปลอดภัย แต่ถ้าถูกโจมตีด้วยห่ากระสุน ๒๐๐ นัด ถ้าเป็น ส.ท่าเกษม คงโทรศัพท์ถึง ๙๑๑ ทันทีอย่างแน่นอน ไม่ยอมปล่อยให้เสียเวลาแม้แต่เพียงครึ่งวินาที แบบนี้ต้องใช้ วิจารณญาณ อยากจะวิ่งกลับไปสัมภาษณ์ รปภ.และ วิศวกร ที่ลาสเวกัสให้แจ่มแจ้งแดงแจ๋กันไปเลย สงสัยคงถูกเจ้านายกำกับในการให้ข่าว ถึงอย่างไรก็ปกปิดความผิดพลาดของแผนก รปภ. ไปไม่ได้ สายไปเสียแล้ว! ผู้เคราะห์ร้ายและครอบครัวเริ่มมีการตั้งทนายฟ้องร้อง ทั้งทางโฮเต็ลและงานเทศกาลเพลงลูกทุ่งโดนหมด ! แปลกใจที่ว่าใน MANDALAY BAY มีกล้องวงจรปิดประมาณ ๓,๐๐๐ ตัว ยังสืบสวนไปไม่ได้ไกล เหมือนพายเรือวนอยู่ในอ่าง

กลับมาคุยถึงตัวคนเขียนต่อดีกว่า จากสัปดาห์ที่แล้วติดอยู่ในโรงละครประมาณ ๕ ชั่วโมงครึ่ง ได้รับข่าวทางเท็กซ์ว่า อย่างน้อยๆ มีผูัเสียชีวิต ๒ คน บาดเจ็บประมาณ ๑๒ คน จากนั้นก็ไม่ได้ข่าวอีกเลย ต้องคอยดูแลตัวเองพร้อมทั้งสังเกตเหตุการณ์รอบๆ ตัว คอยฟังคำสั่งจากนายตำรวจที่รับผิดชอบดูแลพวกเรา ๑,๖๐๐ คน สั่งให้ทำอะไรต้องทำตาม จากนั้นยังต้องเร่ร่อนไปทั่วไม่มีโอกาสใช้มือถือที่แบตเตอรี่น้อยลงทุกที ใช้เท็กซ์ ๓-๔ ครั้ง เช็คกับทาง TROPICANA ว่าเมื่อไรจะเปิดให้แขกเข้าห้องพักได้ โทรฯ หลายครั้งไม่มีคนรับสาย สมาชิกคนกลางของครอบครัวช่วยโทรฯเช็คให้ด้วยจากแอลเอ จนในที่สุดเปิดให้แขกเข้าห้องพักได้ราว ๒ โมงเช้า สิ่งแรกที่ทำคือเปิดโทรทัศน์ดูข่าว เขาประกาศว่าเสียชีวิต ๕๘ รวมทั้งผู้ร้าย ๕๙ บาดเจ็บเกิน ๕๐๐ คน พอได้ยินเช่นนั้นยังนึกว่าเป็นคนละเหตุการณ์ เพราะตัวเลขต่างกันลิบลับ

ภายในโรงละครนายตำรวจประกาศว่า ถ้าใครมียาสำหรับโรคลมบ้าหมู EPILEPSY ให้นำมาข้างหน้าใกล้เวทีมีคนไม่สบายรออยู่ พร้อมทั้งห้ามผู้พกปืนเข้ามาในโรงละครดึงออกมาเด็ดขาด เพราะจะทำให้มีปัญหามากขึ้น ส่วนผู้ที่ต้องการใช้ห้องน้ำขอร้องให้เข้าแถวเรียงหนึ่ง เฉพาะผู้ที่จำเป็นต้องใช้จริงๆ เรา ๒ คนอั้นไว้นานมากแล้วจากความเย็นฉ่ำในโรงละครและความตื่นเต็น เจ้าหน้าที่เป็นผู้นำแถวออกไปประตูชั้นนอก ที่นั่นมีผู้ชายแต่งตัวธรรมดา ๒ คน ยืนกำกับพวกเราว่าเมื่อไรจะถึงเวลาให้แต่ละคนเดินออกไปเรียงแถวหน้าห้องน้ำ พอดีเขากักตัวหยุดที่เรา ๒ คน เลยกลายเป็นมายืนอยู่หน้าแถวโดยปริยาย ข้างๆผู้ชายตัวสูง ๒ คนที่เพิ่งเอ่ยถึง ลักษณะท่าทางเหมือนคนในเครื่องแบบท่าทางคล่อง ส.ท่าเกษม รู้สึกชื่นชมที่พวกเขาดูแลพวกเราอย่างดี เลยถามไปว่า “คุณเป็นตร.นอกเครื่องแบบหรือ?” ช่างเป็นคำถามที่ช่างโง่เขลาเสียจริง! คำตอบที่ได้รับคือ “ผมตอบคุณไม่ได้” นับว่าเป็นคำตอบที่ฉลาดและสุภาพมากทีเดียว

พอออกไปต่อแถวเข้าห้องน้ำชั้นนอก จึงได้เห็นตำรวจอีก ๓ นาย แต่งตัวครบครันพร้อมอาวุธใส่เสื้อเกราะป้องกันกระสุนปืน ใส่หมวกแบบเวลาทหารออกรบ ถือปืนอยู่ในท่าเตรียมพร้อมที่จะลั่นกระสุน แม้นว่าอยู่ในโรงละครปลอดภัยก็จริง แต่อึดอัดพอประมาณ เพราะตำรวจไม่บอกอะไรเลย ขนาดผู้ร้ายเอาปืนยิงกรอกปากตัวเองตายไปแล้วตั้งแต่ ๕ ทุ่มกว่า พวกเรายังคงถูกกักตัวอยู่ คงคิดว่ามีคนร้ายมากกว่า ๑ คน เพราะอาวุธปืน ๒๓ กระบอกในห้องชุดของฆาตกร มีอยู่เพียงครั้งเดียวที่ตกใจต้องลงจากเก้าอี้ไปหลบอยู่บนพื้นอย่างรวดเร็ว ตอนได้ยินเสียงหวีดร้องอย่างตื่นตระหนกมาทางด้านหน้าเวที ที่มีตำรวจยืนคุมอยู่ตรงทางออก คงมีคนข้างนอกผลักประตูจะเข้ามาในโรงละคร ภายหลังนายตร.คนเดิมที่รับผิดชอบภายในโรงละคร ประกาศว่าพวกเขาจะคุ้มครองป้องกันพวกเราไม่ให้มีอันตรายพร้อมทั้งขอความร่วมมือ เมื่อได้ยินเช่นนั้นพวกเราปรบมือกันกราว เป็นการแสดงความชื่นชมในความสามารถและขอบคุณพวกเขาพร้อมกันไปด้วย

เอฟบีไอ หน่วยสวาท เอทีเอฟ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ดับเพลิง (นึกได้เท่านี้ ) ทั้งชายหญิงที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ทุกวันนี้เป็นอาชีพที่อันตรายและเสียสละ เาลามีเหตุการณ์การร้ายเกิดขึ้นไม่ว่าที่ไหน เมื่อไร พวกเราจะวิ่งหนีออกจากสถานที่แต่พวกเขากลับสวนทางกับเรา วิ่งเข้าไปช่วยเหลือผู้เคราะห์ร้ายและป้องกันอันตรายให้ประชาชน แล้วยังมีแพทย์ทั้งหญิงชาย พยาบาล ทีมงานของโรงพยาบาล รถพยาบาล หน่วยอาสาสมัคร ฯลฯ ที่ทำงานกันอย่างไม่หยุด

จากเหตุการณ์ที่เป็นประวัติศาสตร์ครั้งนี้ของนครลาสเวกัส ในความคิดเห็นส่วนตัวทำให้ลบภาพ “เมืองคนบาป” หรือ “เมืองอบายมุข” เพราะลึกๆลงไปแล้วชาวเวกัสมีน้ำใจงาม ช่วยชีวิตคนต่างหน้า เสียสละแบบไม่ห่วงว่าอันตรายจะเกิดขึ้นกับตัวเอง ส่วนเรื่องปลีกย่อยที่เกิดกับคนเขียนในคืนนั้น ระหว่างลงมาจากสนามกีฬา ARENA ของมหาวิทยาลัยเนวาด้า เพื่อจับแท๊กซี่ไป BALLY’S HOTEL หาอาหารรับประทาน ปรากฏว่ามีคนขับรถ “ลิฟท” (LYFT) มาเชื้อชวนให้นั่งรถเขาและไม่คิดเงินจะไปส่งให้ถึงที่ ในที่สุดได้แท๊กซี่่พาไป อ้าว! ทุกอย่างปิดเงียบแม้นแต่ในบริเวณคาสิโนก็ว่างเปล่า ขอเช่าห้องจะได้นอนพักก็ไม่รับ รปภ.เชิญให้ออกจากโฮเต็ล แองเจลิก้าพนักงานหญิงของ BALLY’S เรียกแท๊กซี่ให้พร้อมชื่อร้านอาหาร ตลอดทั้งคืนได้อาลัยแท๊กซี่ไปตามที่ต่างๆ เนื่องจากถูกกักอยู่ในโรงละครขาดการติดต่อกับโลกภายนอก เลยไม่ทราบว่า “ลิฟท” และ” “อูเบอร์” (UBER) บริการฟรีเป็นพิเศษสำหรับคืนนั้น ที่ไม่ได้รับคำเชื้อเชิญเพราะในยามวิกาลไม่กล้าขื้นรถคนแปลกหน้า โดยเฉพาะในยามวิกฤตเช่นนี้ ขอขอบคุณและขอโทษคนขับรถ “อูเบอร์” มาด้วยที่เข้าใจผิด สรุปแล้วได้พบคนใจดีมีน้ำใจที่ ลาสเวกัสอยู่ตลอด ตั้งแต่คืนเกิดเหตุจนถึงวันสุดท้ายที่กลับมายังนครลอสแอนเจลลิส


ลาก่อนสำหรับเสาร์นี้
ส.ท่าเกษม
๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๐