๓ บรรทัดสุดท้ายจากเพลง “LEAVING ON A JET PLANE”
แต่งโดย… JOHN DENVER ในปี ค.ศ. ๑๙๖๖
ขับร้องโดย… PETER, PAUL and MARY ในปี ค.ศ. ๑๙๖๗
เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ๙ ชีวิตรวมทั้งตัวเล็กตัวน้อยในครอบครัวของเรา เดินทางกันเป็นว่าเล่นทั้งในและนอกประเทศ เริ่มจากครอบครัวของสมาชิกคนโตพาเด็กๆ ไปเที่ยว ประเทศอิตาลี ศึกษาดูสถานที่สำคัญต่างๆ ผ่าน ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ จุดหมายปลายทางไปจบลงที่ ประเทศอิสราเอล ใช้เวลาเดินทางรวมทั้งสิ้น ๓ อาทิตย์ คุณปู่เป็นนายแบงค์อยู่ที่เมืองหลวง เทล อาวีฟ ส่วนคุณย่าจบจากมหาวิทยาลัยที่นิวยอร์ก แล้วไปเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษตั้งแต่สาวๆ จนเกษียณ เลยปักหลักอยู่ที่นั่นกัน น้องอ๊อด เคยบินไปเยี่ยมคุณปู่คุณย่ากับคุณพ่อคุณแม่หลายครั้งแล้ว บินครั้งแรกเพิ่งจะอายุ ๔ เดือนและได้เข้าเยี่ยมคารวะ อดีตเอกอัครราชทูตชัชเวทย์ และภรรยา คุณวลัยทิพย์ (วิเศษกุล) ชาติสุวรรณ ที่บ้านพักในเมือง TEL AVIV น้องอ้วน ก็ไม่ใช่เล่นพออายุ ๑๑ เดือน บินไปเยี่ยมญาติที่นิวยอร์กและเลยไปถึงอิสราเอล ส่วน น้องดารา พอมีอายุได้ ๖ เดือน ต้องตาม คุณแม่โซดา พานักเรียนไปแข่งขันตามรัฐต่างๆ เพราะยังไม่หย่านมแม่ พี่ชายอีก ๒ คนต่างก็บินตั้งแต่มีอายุเพียง ๓-๖ เดือนเช่นกัน ครอบครัวนี้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ไปไหนต้องไปด้วยกัน (เลือดสุพรรณ)
เดือนที่แล้วคนที่้ไม่บินคือ ส.ท่าเกษม และเงาประจำตัว ค่อนข้างจะยุ่งหน่อยมีงานเพิ่มขึ้นต้องไปดูแลบ้านของ โซดา ตลอดเวลาที่เธอและครอบครัวอยู่นอกประเทศ เช็คเมล เอาถังขยะเข้าเอาถังขยะออกเพราะมีคนทำสวนคอยเติมอยู่ทุกอาทิตย์ พอครอบครัว โซดา กลับเข้าแอลเอ สมาชิกคนกลางกับภรรยาก็บินไปนิวยอร์ก ไปฉลองวันไก่งวงร่วมเดินขบวนพาเหรดถือเชือกของบอลลูนยักษ์กับ ขบวนพาเหรดเมซี่ในวันขอบคุณพระเจ้า ครั้งที่ ๙๑ พี่ชายบินวันเสาร์ที่ ๑๘ พอวันรุ่งขึ้นน้องนุชสุดท้องบินเข้าแอล.เอ. จากเบย์แอเรียมาฉลองวันไก่งวง THANKSGIVING DAY และฉลองวันคล้ายวันเกิดคุณพ่อหัวหน้าครอบครัวที่แอล.เอ. เป็นเวลา ๑ อาทิตย์ เรา ๒ คนพ่อแม่จึงมีหน้าที่ขับรถรับส่ง ระหว่างที่สมาชิกคนกลางอยู่นิวยอร์ก ๙ วัน ทางเราทำหน้าที่เดิมคือขับรถไปตรวจดูความเรียบร้อยของบ้าน ตรวจเมลที่อาจจะหลงเหลืออยู่ทั้งๆที่แจ้งทางไปรษณีย์ให้เก็บเมลไว้ ลากเอาถังขยะออกมาที่ถนน พอครบ ๑ อาทิตย์ น้องสาวบินกลับไปทำงานที่เบย์แอเรีย พี่ชายและภรรยาบินเข้าแอล.เอ. บินสวนกันในอากาศคนละทิศคนละทาง...เลยพลาดไม่ได้พบกัน !
มีเรื่องขำคือหลังจาก เรย์มอนด์ บินไปนิวยอร์กได้ ๒ วัน ทางเราจึงไปเช็คเมลและพบว่ามีเมลอยู่ในตู้จดหมาย เลยไขกุญแจเอาเมลเข้าไปเก็บไว้ในบ้าน ซึ่งพอดีเป็นเวลาเดียวกันกับที่เจ้าของบ้านเช็คสมาร์ทโฟนอยู่ทางนิวยอร์ค แวบแรกที่เห็นคนเดินอยู่ในห้องรับแขกก็ตกใจ นึกว่าเป็นขะโมยเข้าบ้านเพราะคิดว่าทางเราคงเพียงแต่ตรวจดูรอบๆบ้านเท่านั้น ดีที่ เรย์มอนด์ ไม่โทรฯแจ้ง ๙๑๑ มิฉนั้นคงมีเรื่องขบขันแบบหัวเราะไม่ออกเป็นแน่แท้
เคยเตือน เรย์มอนด์ อยู่บ่อยๆให้ติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้นอกบ้านและติดสัญญานป้องกันภัย เวลา ส.ท่าเกษม ไปค้างที่นั่นจะได้รู้สึกปลอดภัย แต่เธอบอกสุนัข ๒ ตัวที่เลี้ยงไว้ในบ้านจะเห่า ถ้าได้ยินหรือเห็นอะไรผิดปกติ ไปๆมาๆแทนที่จะติดกล้องไว้นอกบ้านกลับติดไว้ในบ้านถึง ๓ ตัว สำหรับเช็คสุนัขเวลาไปทำงาน เฮอ! ให้มันได้อย่างนี้ซีนา
ส่วนนายแม็กซ์ที่กำลังศึกษาอยู่ที่ SAN JOSE STATE UNIVERSITY บินเดี่ยวไปฉลองวันไก่งวงกับญาติผู้ใหญ่ที่ ATLANTA, GEORGIA
หลังจากบรรดาเหล่านักท่องเที่ยวทั้ง ๙ ชีวิตตั้งแต่อายุ ๔ ขวบถึง ๔๖ ปี ทะยอยกันบินกลับบ้านของแต่ละคนโดยสวัสดิภาพ ส.ท่าเกษม ผู้ไม่มีปีกบินเหมือนคนอื่นๆ จึงเตรียมจัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางกระโดดขึ้นรถ ๔ ล้อ ON THE ROAD (AGAIN) ออกจาก แอลเอ มาตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม หลบมาพักผ่อนให้หายเวียนศีรษะจากการ “บินกันไป...บินกันมา” ตอนนี้อยู่ในหุบเขาท่ามกลางทิวเขาลำเนาไพร ชื่นชมมีความสุขอยู่กับธรรมชาติและเสียงเพลงแถวๆ เมืองซานดิเอโก้ นี่เอง
...ขอบฟ้า แม้จะคนละฟาก
ห่างไกลกันมาก แต่ก็ฟ้าเดียวกัน
รักข้ามขอบฟ้า ข้ามมา ผูกพัน
ผูกใจรักมั่น สองดวงให้เป็นดวงเดียว