ชีวิตนี้....นึกดูก็แปลกดี ! ชอบดูภาพยนตร์มาตั้งแต่เล็กๆ ขนาดไปนั่งหลับอยู่ในโรงหนัง บางครั้งหนังเรื่องยังไม่ทันเริ่มก็งีบไปแล้ว เพราะเบื่อข่าวต่างประเทศที่นำมาฉายก่อน หลายครั้งถูกปลุกให้ยืนถวายความเคารพเวลามีเพลงสรรเสริญพระบารมีขึ้นหลังจากหนังจบ จำได้ว่ายืนโงเงๆอยู่ใกล้ใครก็ยืนพิงคนนั้น จะได้มีหลักยึดยืนไปตลอดเพลง อยู่เมืองไทยดูทั้งหนังไทย-หนังฝรั่ง-ยิ่งหนังอินเดียยิ่งชอบมากมีอภินิหารต่างๆ เห็นว่าคนทางเมืองไทยคลั่งหนังเกาหลีกันมาก พอจะเข้าใจเพราะตัวเองยังชอบพระเอกหนังอินเดียคงจะเป็นไปตามสมัยนิยม
เพราะหนังฮอลลีวูดแท้ๆ ที่ทำให้อยากมาอเมริกา ตามมารดาไปดูหนังฮอลลีวูดเป็นประจำ พอโตขึ้นจึงไปตามลำพังกับพี่ๆ น้องๆ บางทีก็เพื่อนนักเรียน โดดร่มบ้าง มาเรียนหนังสือที่นี่ยังติดนิสัยโดดร่ม และเพื่อนรุ่นน้องที่โดดร่มด้วยก็ยังคบกันอยู่จนทุกวันนี้ เพิ่งจะไปฟังเพลงเพราะๆ รับประทานอาหารอร่อยๆ ที่ห้องอาหารจินดา ชั้นบนของไทยแลนด์พลาซ่าด้วยกันเมื่อคืนวันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน
เรียนหนังสืออยู่ที่ CAMBRIA ADULT SHCOOL ตรง VALENCIA และ 6th STREET เตรียมตัวเข้าคอลเลจ หนีไปดูหนังฝรั่งเศสเรื่อง "A MAN AND A WOMEN" ที่โรงภาพยนตร์แถวๆ WILSHIRE ในปี 1967 แต่หนังออกฉายตั้งแต่ปี 1966 ตอนดูหนังที่เมืองไทยจะฝึกภาษาอังกฤษ ใช้ฟังอย่างเดียวไม่อ่านภาษาไทย (SUBTITLES) นอกจากบางครั้งเหลือบดูว่าแปลเหมือนที่เข้าใจหรือเปล่า ? อยู่โรงเรียนฝรั่งมาตลอด จบมัธยม 8 แล้วยังไปเรียนภาษาที่ HOLY ถ้าอ่านภาษาไทยก็เสียชื่อแย่ซีน่า ! ไม่เพียงแต่เสียชื่อ ยังเสียเงินอีกเพราะค่าเทอมแพงโดยเฉพาะที่ HOLY จะแพงเข้าไปอีกเพราะเป็น ร.ร. อินเตอร์ ลูกสาวฑูตและลูกสาวคนต่างชาติที่มาประจำตำแหน่งที่เมืองไทยจะมาเรียนกันที่นี่ เพื่อนรุ่นน้องที่โดดร่มด้วยกันยังเรียนที่ HOLY สาทรและสุขุมวิท ซอย 101 ก่อนมาที่นี่โดยมิได้นัดหมาย
เมื่อตอนวันเกิด สมาชิกคนกลางที่เป็น STORY ARITIST อยู่ที่ DISNEY ANIMATION STUDIOS ใน BURBANK พาไปรับประทานอาหารญี่ปุ่นแล้วดูหนังฝรั่ง เริ่มดูตั้งแต่วันจันทร์-วันอังคาร-วันพุธ คือวันนี้รวม 3 เรื่องด้วยกัน ไม่ต้องเสียสตางค์ซักเซนต์เดียว วันแรกคนวันเกิดไม่ต้องจ่ายอยู่แล้ว เป็นหนัง 3 มิติ (3D) เรื่อง BRAVE เป็นหนังสำหรับทั้งครอบครัว เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี ผลิตโดย DISNEY-PIXAR
ขำที่ว่ากำลังจะเขียนคุยเล่าถึงหนังเรื่องที่1 ให้คุณผู้อ่านฟังเพียงคร่าวๆ เพราะไม่อยากให้หมดสนุกเสียก่อน นึกเท่าไรก็นึกไม่ออกว่าตอนจบของหนังเรื่องแรกเป็นอย่างไร เขาเรียกว่าไม่เจียม คือการที่ฉลองวันเกิดก็หมายถึงว่าอายุเพิ่มขึ้นอีกปี ความจำคงจะเสื่อมลงไปตามอายุ..... พอดีเรื่องก็คล้ายๆ กัน 2 เรื่อง มีเจ้าหญิงเจ้าชายเป็นเทพนิยาย หนังสมัยนี้ยาว เรื่องสโนว์ไวท์ยาวกว่า 2 ชั่วโมง แต่ไม่มีเวลาเบื่อเลย ฉากสวยไม่น่าเชื่อว่าเป็นฝีมือของอาทิสท์ (ARTIST) เหมือนของจริงแยกไม่ออก โดยเฉพาะน้ำทะเล ผมสีแดงที่หยิกสลวย ยาวขดเป็นขอดๆ ของเจ้าหญิงตัวน้อย ตัวม้ายิ่งดูไม่ออกวาดได้เก่งมาก ขนม้าเหมือนที่สุด
เทพนิยาย (FAIRY TALE) เรื่องนี้เกิดที่ประเทศสก๊อตแลนด์ KING FERGUS และ QUEEN ELINOR แห่ง KINGDOM OF DUNBROCH เจ้าหญิงเมริด้า ได้ของขวัญวันเกิดเป็นคันธนูและลูกศร ขี่ม้ายิงธนูแม่นราวจับวาง วันหนึ่งทั้งครอบครัวกำลังสำราญอยู่ในป่า มีหมีตัวใหญ่ท่าทางดุร้ายออกมาจากป่าลึก พระราชาเลยต่อสู้กับหมีให้พระราชินีและเจ้าหญิงหนีไปก่อน ในที่สุดก็สามารถป้องกันครอบครัวได้ แต่เสียขาซ้ายไปในการต่อสู้ต้องใช้ขาไม้แทน ตอนต่อไปต้องดูเองสนุกสนานตื่นเต้น !
หนังเรื่องนี้ BRENDA CHAPMAN เริ่มทำดำเนินมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2006 แต่ PIXAR เพิ่งมาเริ่มสร้างอย่างเป็นทางการในปี 2008 มี MARK ANDREWS เข้ามาร่วมงานเป็นผู้กำกับ สรุปแล้ว ANIMATION เรื่องนี้เลยมีผู้กำกับ 2 คน คณะผู้สร้างเดินทางไปประเทศ SCOTLAND ถึง 2 ครั้ง เพื่อศึกษาและค้นคว้าหาข้อมูลต่างๆ มาทำหนัง ไปเยี่ยมปราสาท EILEAN DONAN และ DUNNOTTAR ให้ความสนใจกับ CALLANISH STANDING STONES บน THE ISLE OF LEWIS เป็นพิเศษ เพราะใช้เป็นฉากสำคัญในภาพยนตร์ นอกจากนี้ MARK ผู้กำกับยังสอนวิชาดวลดาบแก่คณะเขียนการ์ตูน ส่งไปเรียนการยิงธนู เพื่อจะได้วาดภาพอย่างเหมือนจริงที่สุด สรุปแล้วใช้เวลาสร้างเป็นเวลา 6 ปี รับรองไม่ผิดหวัง เพลงประกอบไพเราะมาก
เริ่มแรกกะว่าจะมีฉากสโนว์ 80 % ของหนังเพราะเป็นเมืองหนาว แต่พอสร้างไปสร้างมามีฉากสโนว์อยู่เพียง 2-3 ฉาก เสียงของเจ้าหญิงนั้นแรกเริ่มเดิมทีติดต่อนางเอกตุ๊กตาทองไว้ REESE WITHERSPOON แต่เธองานยุ่ง เลยต้องใช้เสียงของ KELLY MACDONALD แทนซึ่งก็น่ารักดี มีชีวิตชีวา สมตัวเจ้าหญิงองค์น้อย EMMA THOMSON พากย์เป็นพระราชินี ส่วน CRAIG FERGUSON โฆษกเจ้าของรายการ TALK SHOW ช่อง 7 พากย์เป็น Lord Macintosh ส.ท่าเกษม มีตัวอย่างหนังให้ดูใน WEB ของไทยแอล.เอ. ลองคลิ๊กดู เครกให้สัมภาษณ์ถึงตัวเขาว่าเป็นคนกลัวเครื่องบินมาก เขาแก้ความกลัวด้วยการไปสมัครเรียนขับเครื่องบิน จนเดี๋ยวนี้เขาสามารถบินไปไหนต่อไหนด้วยตัวเองเป็นกัปตันเครื่องบิน หลังจากภาพยนตร์จบจะมีชื่อผู้พากย์ และคณะผู้สร้าง ตอนสุดท้ายมีข้อความกล่าวคำสรรเสริญ ไว้อาลัยแด่ผู้ที่จากไป STEVE JOBS (1 ใน 2 ของผู้ก่อตั้ง APPLE )
คืนวันอังคารไปดูภาพยนตร์เพลงตลกรักจุ๋มจิ๋มชื่อ ROCK OF AGES ไม่เสียเงินเพราะสมาชิกของครอบครัวทราบว่าเป็นคอหนังเลยชอบให้ GIFT CARDS สำหรับดูภาพยนตร์ มีอยู่ 2 ใบยังใช้ไม่หมดเพิ่งได้มาอีกใบ สำหรับวันอังคารชาว ส.ว. จ่ายเพียง 6 เหรียญ
คุณผู้อ่านที่เป็นนักเพลงโดยเฉพาะเพลงฝรั่งในปี 1980's จะได้รับความสำราญตลอดเรื่อง ส.ท่าเกษม ขอแนะนำพระเอก นางเอก สุดแสนจะน่ารัก เป็นเรื่องรักโรแมนติกระหว่าง หญิงสาวจากเมืองเล็กๆ และชายหนุ่มจากตัวเมือง (CITY) ต่างฝ่ายต่างตามความฝันของตัวเองในการเป็นนักร้อง-นักดนตรี ในฮอลลีวูด ดาราในภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นที่รู้จักกันดี ALEC BALDWIN, RUSSELL BRAND, CATHERINE ZETA-JONES, MARY J. BLIGE, DIEGO BONETA ทอม ครู๊ซ ร้องเพลง "WANTED DEAD OR ALIVE" ของ BON JOVI ได้ยอดเยี่ยม ! ความดีความชอบต้องยกให้ผู้กำกับมือดี ADAM SHANKMAN ผู้กำกับ HAIR-SPRAY มาก่อน มีเพลงเพราะๆ ที่ฮิตของ JOURNEY, STYX, REO SPEEDWAGON, DEF LEPPARD ฯลฯ
คืนนี้ตอนหัวค่ำไปดู SNOW WHITE AND THE HUNTSMAN สร้างโดยยูนิเวอร์เซิล (UNIVERSAL) JOE ROTH คนเดียวกันกับที่ทำหนัง ALICE IN WONDERLAND หนังฉายที่ DISNEY ANIMATION STUDIOS เลยเข้าฟรี บริษัทสร้างหนังในฮอลลีวูดเขาจะมีสัญญา ส่งหนังให้ดูซึ่งกันและกัน ยกเว้น WARNER BROS. ไม่ยุ่งเกี่ยวกับ DISNEY
ฉากแรกก็ตื่นตาตื่นใจเสียแล้ว เป็นป่าปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลนบนกิ่งไม้สีเข้ม ต้นไม้ปราศจากใบเพราะเป็นฤดูหนาว ทั้งป่ามีกุหลาบแดงติดอยู่บนกิ่งเพียงดอกเดียวอย่างโดดเด่น แปลกที่ว่าพระเอกเรื่องนี้ CHRIS HEMSWORTH แสดงเป็นนักล่า (HUNTSMAN) ส.ท่าเกษม รู้จักชาวออสเตรเลียนคนนี้จากภาพยนตร์ THOR และ AVENGERS เพิ่งมีลูกสาวคลอดเมื่อเดือนพฤษภาคม เขาตั้งชื่อลูกสาวว่า "INDIA ROSE"
นากเอก KRISTEN STEWART (SNOW WHITE) ดังมาจาก TWILIGHT FILMS ปัจจุบันเป็นนางเอกที่มีรายได้สูงสุดในฮอลลีวูด ปีที่แล้วเธอมีรายได้ 34.5 ล้านเหรียญ อยากให้คุณผู้อ่านไปดูหนังที่แนะนำในสัปดาห์นี้ อุ้มลูกจูงหลานกันไป หรือจะเกี่ยวก้อยก็ยังได้ !