คุยกันวันเสาร์
ส.ท่าเกษม





“ไก่งามเพราะขน… คนงามเพราะแต่ง !”
ได้ยินเสียงแว่วดังแผ่วมาแต่ ไกล ไกล
ชุ่มชื่นฤทัย หวานใดจะปาน
ฟังเสียงบรรเลง ขับเพลงประสาน
จากทิพย์วิมาน ประทานกล่อมใจ
ใกล้ยามเมื่อแสง ทอง ส่อง
ฉันคอยมองจ้อง ฟ้าเรืองรำไร
ลมโบกโบยมา หนาว ใจ
รอช้าเพียงไร ตะวันจะมา
เพลิดเพลินฤทัย ฟังไก่ประสานเสียงกัน
ดอกมะลิวัลย์ อวลกลิ่นระคนมณฑา
โอ้ในยามนี้ เพลิน หนักหนา
แสงทองนวลผ่องนภา แสนเพลินอุราสำราญ
หมู่มวลวิหคบินผกมาแต่ รังนอน
เข้าเชยชิดช้อน ลิ้มชมบัวบาน
ยินเสียงบรรเลง ดังเพลงขับขาน
สอดคล้องกังวาน ซาบซ่านจับใจ

เพลงพระราชนิพนธ์ “ใกล้รุ่ง” “NEAR DAWN”

เป็นเพลงที่ทรงพระราชนิพนธ์ในขณะที่ทรงเป็น สมเด็จพระอนุชาธิราช โดยพระราชทานทำนองให้ ศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ประเสริฐ ณ นคร อาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นำไปประพันธ์คำร้องภาษาไทย โดยมิได้ทรงกำหนดพระราชประสงค์ซึ่ง ศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ประเสริฐ ได้ให้สัมภาษณ์ว่าแรงบันดาลใจของเนื้อเพลงนี้ มาจากเสียงไก่ขันที่ได้ยินจากข้างบ้าน “บ้านที่อยู่นั้น คุณหลวงสุวรรณวาจกกสิกิจ ท่านก็ต้องการจะส่งเสริมการเลี้ยงไก่ เพื่อให้ไก่ที่อยุ่ในกรงสามารถไข่ได้มาก แล้วก็ให้อาหารเต็มที่ ตื่นเช้ามาไก่ขันกันเต็มไปหมดเลย ก็ได้แรงบันดาลใจจากอันนั้น”

เพลงพระราชนิพนธ์ “ใกล้รุ่ง” เป็นเพลงที่ ศ.ดร.ประเสริฐ กล่าวว่ามีเสียงไมเนอร์ครึ่งเสียง คือเสียง “แต่” ในวรรคที่มีคำร้องว่า “ได้ยินเสียงแว่วดังแผ่วมาแต่ไกลไกล” ซึ่งคนไทยยังไม่เคยชิน แต่ในที่สุดก็ยอมรับและเป็นที่นิยมในโอกาสต่อๆมา นอกจากนี้ ยังเป็นเพลงที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.๙ ทรงนำลูกล้อลูกรับของดนตรีไทยมาใส่ไว้ในทำนองด้วย

ศ.ดร.ประเสริฐ เล่าว่าได้ใช้เวลาแต่งเนื้อร้องเพียง ๑ ชั่วโมง แต่ด้วยความไม่ชำนาญในโน้ตสากล จึงแต่งในลักษณะ “จบเพลงวรรคหนึ่งก็ประพันธ์เนื้อไปวรรคหนึ่ง พอจบตอนที่สามไม่ทราบว่าที่มีจุด ๒ จุดท้ายโน้ตเพลงหมายความว่าให้บรรเลงย้อนต้น และต้องแต่งท่อนที่สี่อีกจึงลงท้ายเพลงว่า “โอ้ในยามนี้ เพลินหนักหนาแสงทองนวลผ่องนภา แสนเพลินอุราสำราญ” เมื่อจบท่อนที่ ๓ ต่อมาเมื่อ พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ ทรงอธิบายให้ทราบว่าจะต้องแต่งท่อนที่ ๔ เพิ่มเติมอีก จึงได้เพิ่ม “หมู่มวลวิหคบินผกมาแต่รังนอน เฝ้าเชยชิดช้อนลิ้มชมบัวบาน” ส่วนตอนที่ว่า “ฟังเสียงบรรเลง ดังเพลงขับขาน สอดคล้องกังวาน ซาบซ่านจับใจ” พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ ทรงกรุณาเพิ่มเติมให้”

เพลงพระราชนิพนธ์ “ใกล้รุ่ง” นี้ โปรดเกล้าฯ ให้นำออกบรรเลงครั้งแรกทางวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ สำหรับคำร้องภาษาอังกฤษ โปรดเกล้าฯ ให้ ศาสตราจารย์ ท่านผู้หญิงนพคุณ ทองใหญ่ฯ แต่งขึ้นภายหลัง โดยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ ทรงช่วยแก้ไขให้ด้วย

รางวัลลูกโลกทองคำ (Golden Globe Award) เป็นรายการแจกรางวัลประจำปีที่มอบให้กับภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์เริ่มมาต้งแต่ปี ๑๙๔๔ จัดโดย Hollywood Foreign Press Association (HFPA)

รางวัลลูกโลกทองคำถูกจัดอันดับว่ามีผู้ชมมากที่สุดอันดับ ๓ สำหรับรายการแจกรางวัล ตามหลังรางวัลออสการ์และรางวัลแกรมมี่ การจัดจะจัดช่วงต้นปี โดยยึดผลจากการโหวดจากนักข่าวและสื่อมวลชนในสหรัฐอเมริกา

ผู้มีสิทธิเข้าชิงจะคัดเลือกในช่วงหลังวันที่ ๑ ตุลาคม ซึ่งแตกต่างจากรางวัลออสการ์ที่ใช้เกณฑ์วันที่ ๑ มกราคม และที่แตกต่างคือ เป็นรางวัลที่ไม่มีพิธีกรหลักแต่จะมีผู้เสนอรางวัล และผู้แนะนำรางวัลต่างๆ

พิธีแจกรางวัลลูกโลกทองคำเริ่มครั้งแรกในปีค.ศ. ๑๙๔๔ ที่สตูดิโอของฟ็อกซ์ (20th Century Fox) หลังจากนั้นก็มีพิธีทุกๆ ปีในสถานที่ต่างๆ กันไปตลอดศตวรรษถัดมา เช่น ที่โรงแรมเบเวอร์ลีฮิลส์ (Beverly Hills Hotel, Hollywood Knickerbocker Club และโรงแรมฮอลลีวู้ดรูสเวลท์ (Hollywood Roosevelt Hotel)

ในช่วงต้นๆ ของศตวรรษที่ ๑๙๕๐ HFPA ได้ตัดสินใจตั้งรางวัลพิเศษให้กับผู้ที่มีผลงานโดดเด่นในวงการบันเทิง และเพื่อให้ความสำคัญและตระหนักถึงคุณค่าในฐานะบุคคลในระดับนานาชาติในวงการบันเทิง จึงได้มอบรางวัลให้กับ ซีซิล บี. เดอมิลล์ (Cecil B. DeMille) ในปีค.ศ. ๑๙๕๒ และชื่อของผู้ได้รับรางวัลก็ได้กลายมาเป็นชื่ออย่างเป็นทางการของรางวัลนี้ นั่นก็คือ รางวัลซีซิล บี. เดอมิลล์ (Cecil B. DeMille Award) ซึ่งผู้ที่ได้รับรางวัลนี้เป็นคนแรกคือ วอลท์ ดิสนีย์ ในปีถัดมา

ความตั้งใจเดิมจะเขียนต้อนรับปี “ระกา” อีกสักครั้ง เพราะทราบมาว่าประเพณีฉลองปีใหม่ของคนไทยยาวไปถึงวันที่ ๑๕ มกราคม พอดีไปพบที่มาที่ไปของเพลงพระราชนิพนธ์ “ใกล้รุ่ง” ดังที่นำมาลงในตอนต้นของคอลัมน์ เกี่ยวกับ “ไก่” เป็นแรงบันดาลใจให้ ดร.ประเสริฐ เขียนเนื้อเพลงนี้จากการที่ได้ยินเสียงไก่ขันจากข้างบ้าน

และเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๘ มกราคม นั่งมองดูสายฝนอยู่ที่บ้าน แต่ถึงฝนไม่ตกก็คงอยู่บ้านดูการถ่ายทอดรายการ “THE 74th GOLDEN GLOBE AWARDS 2017” ไม่ไปไหนอยู่แล้ว รายการประเภทนี้ไม่เคยพลาดไม่ว่าจะเป็น รางวัลแกรมมี่ รางวัลตุ๊กตาทอง รางวัลเอมมี่ รางวัลโทนี่ ฯลฯ ชอบดูมาตั้งแต่ยังไม่มีครอบครัว จนสมาชิกคนกลางของครอบครัวเข้าไปทำงานทางด้านการบันเทิง และก็เป็นเรื่องที่ตื่นเต้นสำหรับพวกเรา เพราะทุกปีผลงานที่ สหรัฐ ร่วมทีมจะถูกคัดเลือกเข้าชิงรางวัลต่างๆ ได้รับมาเกือบครบทุกรางวัลที่กล่าวมา ยกเว้นรางวัลแกรมมี่ (เพลง) และ รางวัลโทนี่ (ละครบรอดเวย์)

เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว ZOOTOPIA เพิ่งได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม-แอนนิเมชั่น จาก GOLDEN GLOBE AWARDS และเมื่อโปรดิวเซอร์และผู้กำกับ ๒ คน ขึ้นไปรับรางวัล ริช มัวร์ ผู้กำกับคนหนึ่งได้เอ่ยถึง SLOTH สล็อธ (พากย์โดย สหรัฐ) ที่เป็นตัวตลกมีมุกขำขันในการพูด ตัวที่เรียกเสียงฮามากที่สุดจนกลายเป็นแคแร็คเตอร์ที่ดังกว่าตัวอื่นๆในภาพยนตร์เรื่องนี้ เวลานี้ผู้สร้างคือ WALT DISNEY ANIMATION STUDIOS (WDAS) วางแผนที่จะสร้างตอน ๒ เป็นที่น่าเสียดายว่าคนของเราไปนั่งเก้าอี้ MARKETING DIRECTOR ตั้งแต่เดือนสิงหาคมเมื่อปีที่แล้ว ที่ ILLUMINATION ENTERTAINMENT ผู้สร้างภาพยนตร์ SING ที่กำลังฉายอยู่ทั่วประเทศสหรัฐขณะนี้ ซึ่งเป็นผลงานชิ้นล่าสุดที่ สหรัฐได้ร่วมทีมเป็นผู้กำกับ MATTHEW McCONAUGHEY และ SETH MacFARLANE ๒ ตัวนำฝ่ายชายให้ร้องเพลงสำหรับหนังตัวอย่าง สรุปแล้ว SING ซึ่งถูกคัดเลือกให้เข้าชิงรางวัลหนังยอดเยี่ยมของ รางวัลลูกโลกทองคำ ปีนี้ พลาดรางวัลให้กับ ZOOTOPIA

เมื่อถาม สหรัฐ ว่าเชียร์ใคร เพราะ WDAS เป็นนายเก่า ส่วน ILLUMINATION ENT. เป็นนายปัจจุบันที่ทำงานอยู่ขณะนี้ คำตอบคือ “I GO FOR GOOD MOVIE, NOT WHO I WORK FOR !” นับว่าเป็นคนยุติธรรมทีเดียวไม่เลือกข้าง อะไรดีก็ว่าดี...ไม่ใช่ว่าพวกตัวเองจะต้องดีกว่า

ส.ท่าเกษม ได้นำหนังตัวอย่างของ “SING” มาลงในเวบฯ ตัวสัตว์ต่างๆ ที่ร้องเพลงแบบ A cappella (ไม่มีดนตรี) ร่วมกับเหล่าดาราชื่อดังทั้งหลายเป็นฝีมือของ สหรัฐ ออกโชว์ครั้งแรกในรายการ TALK SHOW ของ จิมมี่ แฟลลอน ตอนเทศกาลคริสต์มาส ร้องกันอย่างครื้นเครงสนุกสนานและไพเราะมาก !!!

ที่เป็นแฟนคอยติดตามดูรายการแจกรางวัล นอกจากสนใจในด้านบันเทิงแล้ว ยังชอบดูดารานักร้องนักแสดงแต่งตัวกันแบบหรูเสริด ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า (คงจะเป็นการดูแลรักษาและการทาเล็บเท้าสีต่างๆให้เข้ากับเสื้อผ้า) หลายๆคนที่เห็นรูปตามหน้าหนังสือพิมพ์ก็งั้นๆ แต่พอเดินบนพรมแดง (red carpet) แล้วสวยจนเกือบจำไม่ได้ เลยมีความคิดว่าผู้หญิงทุกๆคนสวยได้ถ้ารู้จักแต่ง แต่งให้พอตัวพองามไม่จำเป็นต้องใช้ของแพง อย่าวิ่งตามแฟชั่นจนเผลอดูหน้าตารูปร่างตัวเอง เช่นช่วงที่รองเท้าส้นสูงรัดข้ออยู่ในสมัยนิยม ผู้หญิงชาวตะวันตกหรือสาววัยรุ่นใส่แล้วดูเซ็กซี่สวยน่ามอง เพราะช่วงขาที่เรียวงาม ชาวเอเซียนส่วนมากมีน่องทู่เมื่อไปใส่รองเท้ารัดข้อ ก็เท่ากับไปเน้นให้ช่วงขาสั้นเข้าไปอีก ส่วนใครที่มีช่วงขาเรียวก็นับว่าโชคดีไป

สมัยนี้ใครต้องการเปลี่ยนส่วนไหนบนใบหน้าหรือร่างกายก็ซื้อเอาได้ (พึ่งมีดหมอ) เลเซอร์ ฉีดซิลิโคน ฯลฯ บางคนเพียงแค่แต่งหน้าเขียนคิ้วทาปากก็สวยแล้ว ในกรณีนี้จะไม่พูดถึงผู้หญิงที่เกิดมาสวย พระเจ้าประทานความงามให้...งามแบบธรรมชาติ แต่จะเน้นถึงการ งามเพราะแต่ง ส.ท่าเกษมรู้จักผู้หญิงคนหนึ่งตั้งแต่ยังเด็ก เธอเป็นคนหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่มาก ผิวคล้ำ จมูกไม่มีดั้ง หน้าแบนคางแหลม คุณหมอศัลยกรรมชอบนักหน้าแบบนี้ (ฮา) มีคนแนะนำให้เธอไปทำจมูกทำตา เธอไม่ได้เชื่อคำยุยง วันเวลาผ่านไปเป็นปีๆก็ยังคงหน้าเดิม รูปร่างเดิมที่ไม่ได้สัดส่วนกับใครเขา เมื่ออายุมากขึ้นเธอรู้จักแต่งตัวเลือกใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสมกับรูปร่างและผิวพรรณ ที่ช่วยทำให้ดูดีขึ้น รู้จักเขียนคิ้วทาปาก

ความเห็นส่วนตัวคิดว่า “คิ้ว” เป็นส่วนสำคัญบนใบหน้า ถ้ารูปคิ้วเข้ากับรูปหน้าเน้นใบหน้า ส่วนประกอบอื่นๆบนใบหน้าที่ไม่สู้จะสมบูรณ์นักคงจะกลมกลืนกันไปได้ บทสรุปส่งท้ายคือขอย้ำว่า ทุกคนมีสิทธิ์งามได้ตามที่คนโบราณท่านว่า “ไก่งามเพราะขน...คนงามเพราะแต่ง” ใครจะเพิ่มความงามให้กับตัวเองอย่างไรนั้นเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละบุคคล มากน้อยเพียงใดอยู่ที่ความพอใจและความต้องการ ขอให้โชคดีทุกๆท่าน !!!

หมายเหตุ ข้อมูลและรูปภาพจาก SANOOK, GOTOKNOW, MGR. ONLINE, วิกิพีเดีย


ลาก่อนสำหรับเสาร์นี้
ส.ท่าเกษม
๑๔ มกราคม ๒๕๖๐