คุยกันวันเสาร์
ส.ท่าเกษม





"หนึ่ง” เดียวเท่านั้น...คือ
~ ดร.ศิรินันท์ ปลอดเปลี่ยว เบลนบองก์ ~

ไฟ ที่แผดและเผาทุกสิ่ง
ไฟ ผู้ไม่ประวิงหยุดผลาญทำลาย
ร้อนจนสุดจะทานทน พืชคนและสัตว์ต้องวางวาย
และสิ่งสุดท้าย เหลือเพียงเถ้าธุลี

ไฟ ที่แผดและเผาในอก
ไฟ เหมือนดั่งนรกหมกสุมชีวี
ไฟกิเลสในใจคน จุดความหมองหม่นมานานปี
ถ้าดับไฟนี้ โลกคงมีสุขไม่ซบเซา

(ซ้ำ) *** ร้อนไม่เห็น เย็นไม่มี
ชื่อว่าไฟหรือปราณีใครเล่า
อาจจะเป็นน้ำ ช่วยหยุดแผดเผา
แต่ความร้อนเร่า ใครหรือจะดับมัน

ไฟ ผู้จุดโลกใสสว่าง
ไฟ ผู้สร้างชีวิตให้ทุกชีวัน
แล้วก็จบที่กองไฟ ดับความฝันใฝ่มลายพลัน
โอ้ เปลวไฟนั้น เหมือนใจไม่หยุดนิ่งเลย


เพลง "ไฟ"
ขับร้อง...ทิพย์วัลย์ ปิ่นภิบาล (ผู้ร้องไว้เป็นคนแรก)

เนื้อร้องและทำนอง...ชัยรัตน์ วงค์เกียรติขจร (เป็นเพลงที่ได้รับรางวัล ชนะเลิศการแต่งเพลง )

KPN AWARDS ซึ่งแต่ก่อนเรียกว่า "การประกวดนักร้องชิงถ้วยพระราชทาน ของ บริษัทสยามกลการ" เมื่อปี ค.ศ.๑๙๘๖ การประกวดครั้งนี้เป็นรุ่นแรกที่ผู้เข้าประกวด ต้องร้องทั้งเพลงไทยและเพลงสากล (ซึ่งปีก่อนหน้านี้จะมีการชิงรางวัล แยกเป็นประเภทเพลงไทย ๑ รางวัล เพลงสากล ๑ รางวัล) ดังนั้น ครูหนึ่ง จึงต้องร้องทั้งเพลงไทยชื่อ “ไฟ” และเพลงสากลชื่อ "WONDERFUL DREAMS"

ส.ท่าเกษม ขอปรบมือดังๆ ให้กับ "ผู้หญิงเก่ง" อีกคนหนึ่งของชุมชนชาวไทยในเมืองแอล.เอ. เพราะความสามารถรอบตัวของเธอ เหตุที่นำเรื่องราวของ "ครูหนึ่ง" มาลงในคอลัมน์นี้ เพราะอยากให้เป็นกำลังใจแก่ผู้ที่เพิ่งมาถึงประเทศนี้ และประสบกับอุปสรรคไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศึกษา การหางาน หรือความเป็นอยู่ เธอเป็นตัวอย่างที่ดีในการมุมานะสร้างเนื้อสร้างตัว ครอบครัวเธอไม่มีเงินถุงเงินถังเหมือนคนอื่นๆ ด้วยความอยากได้ใคร่ดีในชีวิตจึงผลักดันให้เธอต้องการที่จะทำงานหาเงินมาส่งน้องเรียนหนังสือแทนคุณพ่อกับคุณแม่ และส่งตัวเองให้เรียนหนังสือไปด้วยในเวลาเดียวกัน

เสาร์ที่แล้วจบลงที่ชีวิต "ภาคค่ำ" เป็นนักร้องเริ่มที่ COCKTAIL LOUNGE รวมทั้งร้องตามงานเลี้ยงที่สำคัญและโรงแรมใหญ่ๆ ตามที่เธอเล่าให้ฟังว่า... “ส่วนที่ไปเจอกะ พี่ตุ๋ม นัดดา วิยะกาญจน์ เพราะไปกับวงดนตรี CU BAND ค่ะ เค้าชอบตรงที่ หนึ่ง ร้องเพลงสากลได้ดี จึงเริ่มต้นจากร้องเพลงแทน พี่ตุ๋ม จนขยายไปแทนนักร้องคนอื่นด้วย เช่น พี่วินัย พันธุรักษ์, พี่อ้วน มณีนุช เสมรสุต, พี่เม้า สุดา ชื่นบาน, และนักร้องอาชีพดังๆอีกหลายคนจนกระทั่งมาเรียนต่อที่อเมริกาค่ะ”

ส่วนชีวิต “ภาคกลางวัน” เป็นนิสิตศิลปกรรมศาสตร์จุฬาฯ ปี ๔ วิชาเอกประติมากรรม คืนวันหนึ่งคุณพ่อได้พูดกับเธอว่า เวลานี้คุณพ่อคุณแม่สู้กัดฟันส่งน้องไปเรียนที่เมืองนอก และครูหนึ่งก็ช่วยทำงานส่งให้น้องเรียนอยู่ ฉะนั้นอย่าเพิ่งไปเรียนต่อเลย ทางบ้านไม่มีปัญญาที่จะส่งเสียให้ลูกเรียนต่างประเทศถึง ๒ คนในเวลาเดียวกัน

จากคำพูดประโยคนี้ของคุณพ่อทำให้เธอมีความมุมานะ หาวิธีมาเรียนต่อต่างประเทศโดยไม่ต้องรบกวนเงินจากทางบ้าน และยังคงสามารถรับผิดชอบเรื่องเรียนของน้องเหมือนเช่นเดิม ครูหนึ่ง เป็นผู้หญิงที่โชคดี พระเจ้าประทานเสียงสวรรค์ให้ตั้งแต่เกิดและเธอได้ใช้ พรสวรรค์ บวกกับ พรแสวง บุกเบิกทางชีวิตจนประสบความสำเร็จอย่างน่าชื่มชม มีทั้งแฟนเพลงมีทั้งลูกศิษย์ที่นิยมชมชอบในตัว ครูหนึ่ง เนื่องจากเธอเป็นคนพูดจาไพเราะ ทำตัวน่ารักสุภาพเรียบร้อยมีสัมมาคารวะกับผู้ใหญ่ ช่วยเหลือสังคมไทยมิได้ขาด เมื่อวันพฤหัสที่ ๗ ที่ผ่านมาได้ไปร่วมประชุมเรื่องการเตรียมการถวายดอกไม้จันทร์ในต่างประเทศ ครั้งที่ ๓ ณ สถานกงสุลใหญ่ฯ ทำตัวให้เป็นประโยชน์กับชุมชนชาวไทยช่วยงานกุศลด้วยเสียงเพลง

ครูหนึ่งไปสมัครเข้าประกวดร้องเพลงของสยามกลการดังที่กล่าวไว้ในข้างต้น พร้อมทั้งไปสมัครเรียนร้องเพลงอย่างจริงจังกับ ท่านอาจารย์ดุษฎี พนมยงค์ ศิลปินแห่งชาติ ได้ทฤษฎีเกี่ยวกับเรื่อง VOICE มาจากการไปอยู่กับคณะนักร้องประสานเสียงเยาวชนไทย และในที่สุดจึงบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้จากการประกวดร้องเพลง เธอได้รับรางวัลนักร้องดีเด่น ภายหลังเดินทางมาร้องเพลงโชว์ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็น “ใบเบิกทาง” ถึงแม้ขณะนั้นที่เมืองไทยจะมีรายได้ดีราวๆ เดือนละหนึ่งแสนบาท แต่เธอตัดสินใจ “ไปตายเอาดาบหน้า” ที่ ยู.เอส.เอ.

ครูหนึ่งออกเดินทางวันที่ ๑๒ พ.ย. ๒๕๓๑ ได้รับเงินหนึ่งพันเหรียญล่วงหน้าเป็น POCKET MONEY รวมทั้งตั๋วเครื่องบินของตัวเองและของคุณแม่ (ระหว่างโชว์ตัว ๑ เดือน) บวกค่าแรงคืนละ ๑๕๐ เหรียญ เงินทิปบางคืนได้ถึง ๓๐๐ เหรียญ เรียกได้ว่า HIT THE JACKPOT ทีเดียว โชคดีมาก !

หลังจากทำงานจนครบ ๑ เดือน ที่ ห้องอาหารเทพรส ของ คุณเชาว์ บูรณะสมบัติ ครูหนึ่ง จึงเรียนให้ทราบว่าสมัครเรียนปริญญาโทที่ UCLA เจ้าของร้านใจดีกรุณาให้ที่พักชั่วคราวและจ้างต่อ ปรับอัตราค่าจ้างให้เท่ากับนักร้องประจำคนอื่น และทุกวันนี้เธอยังคงนึกถึงบุญคุณของ คุณเชาว์ ที่เธอให้ความเคารพนับถือประดุจบิดาคนที่สอง

ในที่สุด ครูหนึ่ง ได้รับปริญญาโท MASTER IN CERAMICS และด็อกเตอร์ Ph.D. ทาง INDUSTRIAL MANAGEMENT (บริหารโรงงานอุตสาหกรรม) IN CERAMICS FACTORY จาก UCLA ทั้ง ๒ ปริญญา ได้ใช้วิชาที่เรียนมาเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาในมหาวิทยาลัยที่นี่ในระดับปริญญาโท วิชา CERAMICS เป็นเวลา ๘ ปี ชีวิตก่อนที่จะประสบผลสำเร็จ ค่อนข้างจะสมบุกสมบันพอประมาณเพราะค่าใช้จ่ายสูง ระหว่างทำงานเรียนอยู่ที่ UCLA ตื่น ๗ โมงเช้า นอนหลังตี ๒ ทั้งเรียนทั้งทำงาน ต้องอยู่อย่างประหยัดทั้งอาหารการกินและความเป็นอยู่

๑๗ พ.ย. ๒๕๕๐... ๙ ปี กับอีก ๕ วัน นับจากวันแรกที่ถึงแอล.เอ. ครูหนึ่งได้พบกับ FRANCOIS BLAIGNAN หนุ่มรูปหล่อชาวฝรั่งเศสที่เป็นนักดนตรีและจบมาทางด้าน SOUND โดยเฉพาะ ที่ ห้องอาหารเทพรส คบดูใจกันสักพักจนความรักแตกหน่อแตกกิ่งก้านจึงตัดสินใจร่วมชีวิตครอบครัว แต่ยังคงร้องเพลงต่ออยู่ที่เก่าถึงแม้ภายหลังจะเปลี่ยนเจ้าของใหม่และมีชื่อใหม่ว่า “เครื่องเทศ” ภายหลังจึงหยุดกลายเป็น “คุณแม่บ้าน” มีพยานรักเป็นน้องผู้ชาย ๑ คน และได้ทำงานในสิ่งที่ชอบคือเป็นครูสอนร้องเพลง สองคนสามีภรรยาช่วยกันสร้างห้องอัดเสียงระดับมาตรฐานสากลด้วยน้ำพักน้ำแรง ใช้เวลาถึง ๑๐ ปีเต็มๆ เพื่อใช้ผลิตผลงานด้านเสียงประกอบภาพยนตร์โฆษณาต่างๆ จนถึงทุกวันนี้ www.SaraStudio1.com

ครูหนึ่ง สอนร้องเพลงแบบ CUSTOM MADE คือแก้ปัญหาเป็นรายบุคคล นักเรียนแต่ละคนจะมีข้อบกพร่องที่ต้องการคำแนะนำที่ไม่เหมือนกัน เน้นกันคนละจุดเพื่อให้มีพัฒนาการไปในทิศทางที่ควรจะเป็นและใช้เวลาไม่มาก โดยจะแบ่งเป็นกลุ่มๆ คร่าวๆได้ดังนี้ มาดูกันว่าแต่ละวัยจะได้อะไรจากการเรียนร้องเพลง


เด็กเล็กๆ

๑. ทำอย่างไรจึงจะให้เด็กๆมีพัฒนาการไปในทิศทางที่ควรจะเป็น ร้องเพลงได้เก่ง

๒. ทำอย่างไรจึงจะให้เด็กๆคงความเป็นไทย

๓. ทำอย่างไรจึงจะให้เด็กๆมีประสบการณ์ ในการปรากฎตัวต่อหน้าสาธารณะชนได้ด้วยความมั่นใจ ซึ่งจะส่งผลดีกับการเรียนด้วยในอนาคต

๔. ฝึกสมาธิ Focus & memory


เด็กวัยรุ่น

๑. สร้างอารมณ์สุนทรีย์ในการฟังเพลงมีจินตนาการ รักในเสียงเพลง จิตใจอ่อนโยน เป็นการปูพื้นฐานจิตใจเพื่อให้เป็นคนอ่อนโยนในอนาคต ไม่ก้าวร้าวเหมือนเด็กต่างชาติที่อยู่รอบตัว

๒. ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ และเห็นคุณค่าของเวลาที่ผ่านไปในชีวิต

๓. สร้างพลัง ความมุ่งมั่นในการเรียน การทำงาน มีความทะเยอทะยาน เช่น การไป auditions การไปประกวดร้องเพลง

๔. การที่จะต้องฝึกฝน ต้องฟังเพลง จะทำให้เกิดวินัยในการดำเนินชีวิตเป็นการเริ่มต้นที่ดีของเด็ก ที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า


ผู้ใหญ่

๑. การร้องเพลงทำให้ได้ฝึกสมองในการจำเนื้อเพลง ทำให้ร่างกายหลั่งสารอลินาลีน คือสารที่ก่อให้เกิดความสุข

๒. การที่จะต้องฝึกการกักลม เพื่อให้ร้องเพลงดีขึ้นนั้นจะเป็นการนำเอาออกซิเจน สูดเข้าร่างกายได้มากกว่าการหายใจปกติ จะทำให้ดูอ่อนวัย สดชื่น กระฉับกระเฉงกระปรี้กระเปร่า อยู่ตลอดเวลา

๓. ลดโอกาสที่จะเป็นโรคสมองเสื่อม เพราะเมื่อเราร้องเพลงหรือฟังเพลงในยุคสมัยที่เคยเป็นหนุ่มเป็นสาว สมองก็จะดึงเอาภาพจำในยุคสมัยนั้นๆออกมา เป็นการทบทวนความทรงจำได้อย่างดีอีกวิธีหนึ่ง

๔. ทำให้เกิดความเพลิดเพลิน ไม่ซึมเศร้า


ค.ศ. ๒๐๑๖ นายกสมาคมพยาบาลแห่งแคลิฟอร์เนียภาคใต้ คุณสริตา สังข์เฉย ให้เกียรตินำกลุ่มพยาบาลอาสาสมัคร ไปร่วมขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์ในงานประชุมสัมมนาทางวิชาการฉลองครบรอบ ๑๐๐ ปี ของ พระราชบิดา ในวาระเข้าศึกษาเป็นนักศึกษาแพทย์ที่ Harvard Medical School ซึ่งจัดโดยมูลนิธิ King's Birth Place เมือง Boston

ท่านผู้อ่านที่มีคำถามเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ “ครูหนึ่ง” ได้ที่เบอร์โทรศัพท์นี้ (โปรดทิ้งข้อความไว้ถ้าไม่มีใครรับสาย) Mobile:1-310-613-6982 E-Mail: ploadpliew@yahoo.com และ Line ID emilsara หรือเปิดเวบไซท์ www.SaraStudio1.com Address 3615 South Western Ave. Los Angeles, CA. 90018


หมายเหตุ ข้อมูลบางตอนจากหนังสือ จามจุรีในแดนไกล


ลาก่อนสำหรับเสาร์นี้
ส.ท่าเกษม
๙ กันยายน ๒๕๖๐