ชื่อเกิด ทองก้อน ทองลั่นทม เกิด ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ (๗๘ปี) ภายหลังเปลี่ยนเป็น ทองลั่นธม เพื่อความเป็นสิริมงคล เกิดที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นลูกกำพร้าตั้งแต่เด็ก จึงย้ายมาอยู่กับยายที่กรุงเทพ เข้าเรียนที่โรงเรียนขัตติยนารี จนจบชั้นมัธยมปีที่ 6
อาชีพ นักร้อง, นักแสดง ปีที่แสดง พ.ศ. 2500 – ปัจจุบันเกษียณ แต่ยังรับเชิญเป็นบางงาน
แนวเพลง เพลงลูกกรุง ส่วนเกี่ยวข้อง อดีตนักร้องวงดนตรีกรมประชาสัมพันธ์ และ วงสุนทราภรณ์ มีชื่อเสียงโด่งดังจากเพลง จำได้ไหม (คำร้องโดย ธาตรี ทำนองโดย เอื้อ สุนทรสนาน) และ ขวัญใจเจ้าทุย (โดย สมศักดิ์ เทพานนท์) พ.ศ. ๒๕๐๐
เนื่องจากงานเพลงประจำและงานพิเศษ รายการวิทยุและโทรทัศน์จำนวนมาก จนกระทั่ง พ.ศ. ๒๕๐๖ จึงได้ลาออกไปเป็นนักร้องอิสระ ควบคู่กับเป็นผู้จัดและนำแสดงในละครโทรทัศน์ ททบ.๗ (ขาวดำ) สนามเป้า (ททบ.๕ ปัจจุบัน) เช่น จุฬาตรีคูณ คู่กับ ตรัยเทพ เทวะผลิน และร่วมแสดงภาพยนตร์ เช่นในฝูงหงส์ เป็นต้น
- รางวัลแผ่นเสียงทองคำพระราชทาน พ.ศ. ๒๕๐๘ จากเพลง วนาสวาท ,รักเธอเสมอ
-รางวัลใบโพธิ์ทองพระราชทาน พ.ศ. ๒๕๑๔ จากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะนักร้องผู้เผยแพร่ภาษาไทยได้ชัดเจนถูกต้อง
- การเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๙ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงไทยสากล-ขับร้อง)
เพลงที่ประทับใจแฟนๆ มีมากมายไม่ว่าจะเป็น วิมานสีชมพู ผู้หญิงก็มีหัวใจ ขวัญใจเจ้าทุย จำได้ไหม เพื่อคุณ เสียงกระซิบจากเกลียวคลื่น อย่าปันใจให้ฉัน สนต้องลม ฯลฯ เสาร์นี้จะเขียนถึงเพลง “รักบังใบ” เพราะเป็นเพลงแจ้งเกิดของสาวน้อยวัยรุ่น นักร้องใหม่ ลูกศิษย์ของครูเอื้อ สุนทรสนาน ท่านเขียนไว้ในหนังสือ “พระเจ้าทั้งห้า” ดังนี้... รวงทอง เป็นศิษย์คนหนึ่งของผม ในจำนวนหลายๆ คนที่ผมภาคภูมิใจมาก เราได้ร่วมงานเพลงกันมาสมัยหนึ่ง เธอเป็นผู้ที่ได้รับผลสำเร็จจากการร้องเพลงอย่างดียิ่งในแบบฉบับของตัวเอง ตลอดเวลาที่อยู่ในความดูแลของผม ตั้งแต่อายุ ๑๗ ปี ได้มาเริ่มต้นฝึกร้องกับวงดนตรีสุนทราภรณ์ เพียง ๒ ปี ได้ร้องเพลงแรกชื่อ “รักบังใบ” จากคำร้องของ คุณชอุ่ม ปัญจพรรค์ ร้องส่งวิทยุกระจายเสียง เมื่อสิ้นเสียงของเธอบรรดาแฟนเพลงในกรมประชาสัมพันธ์ ถึงกับวิ่งกันเกรียวกราวมาขอดูตัวผู้ร้อง ตลอดจนผู้หลักผู้ใหญ่และผู้อุปการะวงดนตรีได้ให้ความสนใจโทรศัพท์มาไต่ถาม และขอฟังเพลงนี้อีกหลายครั้งในรายการเดียวกัน ! …. ภายหลังที่ รวงทอง จากวงดนตรีของผมไปแล้ว ทุกครั้งที่มีโอกาสพบกัน เธอก็ยังคงปฏิบัติตนเป็นศิษยานุศิษย์ที่ดี นับว่าเธอเป็นผู้ที่มีกตัญญูกตเวทีต่อครูบาอาจารย์โดยสม่ำเสมอ วันไหว้ครู ปีใหม่ วันเกิด ถ้าเธอไม่ติดธุระหรือป่วยไข้ เธอจะพยายามมาอวยพรต่อผม ต่อผู้มีอุปการคุณเสมอมา
ชอุ่ม ปัญจพรรค์ เขียนไว้ว่า... เมื่อ อาเอื้อ รับเธอไว้เป็น ดาวรุ่ง นั้นก็ได้ฝึกฝนให้ร้องเพลงตามแนวเสียงหวาน ได้ร่วมร้องเพลงหมู่เป็นการฝึกหัดไปในตัว เพราะความที่เป็นเด็กที่มีความมั่นใจในตัวเองมาก แต่งตัวตามใจตน จึงเกิดมีคนให้สมญานามว่า “ลูกเป็ดขี้เหร่” อีกชื่อหนึ่ง สาเหตุเพราะว่าสูงโปร่งพอนุ่งกระโปรงสุ่มไก่ ใส่รองเท้าส้นสูง เวลาเดินแลดูคล้ายลูกเป็ด ส่วนคำว่า “ขี้เหร่” นั่นเรียกด้วยความเอ็นดู
ครั้งหนึ่งที่วงดนตรี สุนทราภรณ์ จะออกแสดงที่โรงภาพยนตร์ เฉลิมกรุง ซึ่งขณะนั้นเป็นโรงหนังชั้นหนึ่ง อาเอื้อ ให้พี่แต่งเพลง “บังใบ” ให้ ไอ้ก้อน ร้อง....ด้วยเหตุที่เพลงเดิมชื่อ บังใบ จึงเสริมคำว่า รัก ไปอีกคำ “รักบังใบ” จึงสมบูรณ์ เมื่อบรรเลงที่โรงหนังเฉลิมกรุง “ก้อนทอง” จึงเปลี่ยนเป็น “รวงทอง” จึงดังเป็นพลุแตก เพราะ รวงทอง มีพรสวรรค์ในการร้องเพลงด้วยน้ำเสียงเพราะ คำร้องเพราะ คำร้องชัด ร้องเพลงทำนองเพลงไทยเดิมแท้ๆ ยังดังขนาดนั้น เพราะฉะนั้นจึงทำให้ พี่อุ่ม ได้ชื่อไปด้วย ขอบใจมากนะน้องรัก ขอบใจจริงๆ และขอบใจมากที่ยกย่อง พี่อุ่ม น้องเป็นเด็กกตัญญูดีมาก พี่ว่าเพราะคุณธรรมนี่แหละที่บันดาลให้ “รวงทอง ทองลั่นธม” ดังตลอดกาล
ส.ท่าเกษม ได้นำเพลง “รักบังใบ” มาลงในเวปไซต์ด้วยสำหรับแฟนเพลง รวงทอง เจ้าของเสียงน้ำเซาะหิน เมื่อยังเป็นเด็กมีความสุขที่ร้องเพลงเล่นโดยเอาหัวก้มลงในตุ่มให้ลึกสุดจนก้มไม่ลงอีกแล้ว เสียงจะก้องกังวานเหมือนร้องไมโครโฟนกับเครื่องเสียงชั้นดี (ส่วนเสียคือบางครั้งยุงบินเข้าปาก)
หมายเหตุ ขอบคุณน้องสาวแฟนเพลง “สุนทราภรณ์” ผู้มอบหนังสือ “พระเจ้าทั้ง ๕” มาให้ใช้ประโยชน์ในงานเขียน เธอขับร้องเพลง วิมานสีชมพู ได้ไพเราะมากทีเดียว และหนังสือ เสียงนี้นางได้แต่ใดมา เป็นมรดกจาก คุณอู๊ด ปนัดดา ลูกสาวคนสวย น้องปลา ให้มา !