ท้าวอินทรสุริยา (หม่อมหลวงเชื้อ พึ่งบุญ) ท.จ.เกิดวันศุกร์ที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๒๓ เป็นบุตรีของ พระยาประสิทธิ์ศุภการ (หม่อมราชวงศ์ละม้าย พึ่งบุญ) กับ คุณพระนมทัด มีน้องร่วมมารดา คือ พลเอก พลเรือเอก มหาเสวกเอก เจ้าพระยารามราฆพ (หม่อมหลวงเฟื้อ พึ่งบุญ) และ มหาเสวกเอก พลตรี พระยาอนิรุทธเทวา (หม่อมหลวงฟื้น พึ่งบุญ)
ท้าวอินทรสุริยา ผู้ร่วมพระนมใน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เริ่มรับราชการในสำนัก สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๓๙ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รับตำแหน่งเป็นผู้ช่วยพระพี่เลี้ยงใหญ่ใน พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ เมื่อยังทรงพระเยาว์
ต่อมาเมื่อ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จกลับจากทวีปยุโรป ท้าวอินทรสุริยา เข้ารับราชการแผนกพระภูษาและพระสุคนธ์ และไม่ว่าจะเสด็จพระราชดำเนินประพาสหัวเมืองแห่งใด ท้าวอินทรสุริยา ทำหน้าที่ตามเสด็จพระราชดำเนินแทบทุกคราว ในตอนปลายรัชกาล พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ ท้าวอินทรสุริยา รับหน้าที่หัวหน้าพระเครื่องต้นไทยอีกตำแหน่งหนึ่ง ท้าวอินทรสุริยาได้รับราชการสนองพระเดชพระคุณจนตลอดรัชกาล พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ท้าวอินทรสุริยา ถึงอนิจกรรมด้วยโรคหัวใจ ณ บ้านนรสิงห์ ปัจจุบันคือ ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๗ (ก่อน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๘)
จากบทความตอนแรกที่เขียนลงเมื่อเดือนที่แล้วและข้อความข้างบนนี้ ท่านผู้อ่านคงจะพอทราบถึงประวัติของ ท้าวอินทรสุริยา และตำแหน่งหน้าที่การงานของท่าน จุดสำคัญที่ ส.ท่าเกษม อยากจะขอเน้นคือหน้าที่ที่เกี่ยวโยงกับ “น้ำอบไทย” ท่านเข้าถวายงานรับหน้าที่แผนกภูษาและ พระสุคนธ์ (น้ำอบ น้ำหอม น้ำปรุง)ใน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ โดยเฉพาะที่ พระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม หนึ่งในเรือนไม้สำหรับข้าราชบริพารคือ เรือนพระสุรภี คำว่า “สุรภี” หมายถึง เครื่องหอม เป็นที่พำนักของ คุณท้าวอินฯ
วันที่ ๒๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ร.๙ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้แต่งตั้ง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็น นายกรัฐมนตรี คนที่ ๒๙ และเตรียมเข้าปฏิบัติงานอย่างเป็นทางการที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ก่อนหน้านั้นจึงมีการปรับปรุงซ่อมแซมบูรณะทำเนียบฯ รวมทั้ง ตึกนารีสโมสร หรือ ตึกพระขรรค์ ที่ท่านเจ้าของบ้านเก่าตั้งศพพี่สาวของท่านคือ ท้าวอินทรสุริยา
เมื่อวันที่ ๑๙ ก.ค. ๒๕๕๗ เจ้าหน้าที่กรมยุทธโยธาทหารบกเริ่มเข้าปฏิบัติงานใน ตึกนารีสโมสร เตรียมรื้อโครงสร้างภายในที่เป็นไม้เก่ามากและกระจกทั้งหมด ก่อนจะนำยาฉีดพ่นกำจัดปลวกทั่วอาคาร ขณะที่ทำงานเก็บอุปกรณ์ขนย้ายสิ่งของ จู่ๆ ก็ได้กลิ่นน้ำอบไทยโบราณคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ เลยตะโกนเรียกเพื่อนด้วยอาการสีหน้าแสดงออกถึงการตกใจ เพื่อนที่อยู่ข้างนอกต่างเข้าไปช่วย และได้กลิ่นน้ำอบไทยเช่นกัน สร้างความหวาดผวาขนหัวลุกให้กับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างมาก ถามไปถามมาทางทีมงานไม่ได้ไหว้ขอขมาเจ้าที่เจ้าทางภายใน ตึกนารีสโมสร จากนั้นเจ้าหน้าที่กรมยุทธฯ และเจ้าหน้าที่สำนักโฆษกฯ จึงได้ทำการจุดธูปไหว้ขอขมาก่อนที่จะทำงานกันต่อไป
วันที่ ๑๙ ม.ค. ๒๕๕๘ มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้ทำพิธีบวงสรวงขอขมาเจ้าที่เจ้าทางเพื่อความเป็นสิริมงคลในการบูรณะ เรือนพระกรรมสักขี และ เรือนพระสุรภี (ที่พำนักของ คุณท้าวอินฯ) ในบริเวณ พระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม ซึ่งทุกอย่างก็เรียบร้อยดีจนทุกวันนี้ ความเห็นส่วนตัวคิดว่าเป็นไปได้ที่เจ้าหน้าที่กรมยุทธฯ ได้กลิ่นน้ำอบไทยโบราณเพราะ คุณท้าวอินฯ ถวายงาน ล้นเกล้าฯ ร. ๖ ทางด้านพระสุคนธ์มาตลอดรัชกาล อีกทั้ง ท่านเจ้าคุณรามฯ น้องชายของท่าน ผู้เป็นเจ้าของ บ้านนรสิงห์ ใช้น้ำอบไทยเป็นประจำ โดยเฉพาะในฤดูร้อนระหว่างนี้เดือนพฤษภาคม ท่านชอบเทน้ำอบไทยใส่แป้งนวล เม็ดสีขาวเล็กๆในอุ้งมือ แล้วขยี้มือทั้งสองไปมาจนแป้งละลาย จึงประหน้าประแขน ลูกคนไหนเผอิญอยู่ใกล้ๆท่านจะพลอยได้รับส่วนที่เหลืออยู่ในมือไปด้วย เลยได้กลิ่นน้ำอบไทยหอมชื่นใจไปทั่วห้อง
ไม่คิดว่าเหล่าเจ้าหน้าที่กรมยุทธโยธาทหารบกแต่งเรื่องขึ้น เพราะไม่คิดว่าเขาเหล่านั้นจะทราบเรื่องราวความเป็นไปเป็นมาของ น้ำอบไทย กับพี่น้องทั้ง ๒ ท่าน ตัว ส.ท่าเกษม เองยังเพิ่งทราบเรื่อง เรือนพระสุรภี และ คุณท้าวอินฯ ถวายงานทางพระสุคนธ์เคยทราบแต่เรื่องพระภูษา ขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่าการได้กลิ่น น้ำอบไทย นั้นเป็นเรื่องดีเป็นสิริมงคลไม่ใช่เรื่องอาถรรพ์อย่างที่คิดกันไปในด้านลบ หากแต่เป็นการแสดงการต้อนรับและยอมรับถึงการเทิดทูนความจงรักภักดีที่รัฐบาลชุดใหม่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และประเทศชาติ ต้องไม่ลืมว่า ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ โปรดเกล้าฯให้สร้าง บ้านนรสิงห์ขึ้น !
ภายหลังการยึดอำนาจโดยคณะรักษาความสงบเรียบร้อย (คสช.) ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล (ผู้เป็นเหลนของ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ พระอนุชา ของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕) อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีการทำบุญทำเนียบครั้งใหญ่เพื่อเป็นศิริมงคล เมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๗ โดยมีการนิมนต์พระจากวัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร จำนวน ๙ รูป
ถัดมาอีก ๓๙ วัน ม.ล.ปนัดดา จัดพิธีบวงสรวงใหญ่อีกครั้ง คราวนี้ (วันที่ ๑๔ ก.ค. ๒๕๕๗) มีพิธีสักการะบูชาพระพรหม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล โดยได้เชิญ พระราชครูวามเทพมุนี (พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ) ประธานพระครูพราหมณ์ เป็นผู้ประกอบพิธี ที่บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า และทำพิธีสักการะพระภูมิเทวาและศาลปู่ ย่า ตา ยาย
หมายเหตุ การเข้าเยี่ยมชมและศึกษาดูงานทำเนียบรัฐบาลของทายาท ราชกุลพึ่งบุญ ในครั้งนี้ ถือเป็นกรณีพิเศษที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อนุญาตให้เยี่ยมชมบริเวณชั้นล่างของตึกไทยคู่ฟ้าและบริเวณโดยรอบ รวมทั้งได้รับของที่ระลึก โดยมี น.ส.เรณู ตังคจิงกูร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ให้การต้อนรับและนำเยี่ยมชม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก วิกิพีเดีย, หนังสือสำนักงานทรัพย์สินฯ, matichon.co.th./news, 3 thai.com, thaipublica.org และทายาทของ ท่านเจ้าคุณรามฯ คุณอนงค์ในวัฒนา (ทำงานที่ สถาบันสอนภาษา เอยูเอ ฝ่ายบุคคากร) คุณเจ้าสายสุดที่รัก ( เกษียณจาก BURBANK UNIFIED SCHOOL DISTRICT) คุณจันทรรัศมี (ทำงานที่ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์)