เรียนรู้เมื่ออยู่เมืองลุงแซม
วลัยพรรณ เกษทอง



กันยายนคือเดือนแห่งความตื่นตัวเกี่ยวกับประกันชีวิต (Life Insurance Awareness Month)

สวัสดีค่ะท่านผู้อ่าน มาถึงเดือนกันยายนกันแล้ว เดือนนี้ถือเป็นเดือนหนึ่งของอาชีพการงานหลักของผู้เขียนเลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะในช่วงกันยายนของทุกปี พวกเราในธุรกิจประกันชีวิตจะร่วมกันสร้างความตื่นตัวเกี่ยวกับประกันชีวิต หรือที่เราเรียกว่าเป็น “เดือนแห่งความตื่นตัวเกี่ยวกับประกันชีวิต (Life Insurance Awareness Month หรือ LIAM) กันค่ะ

คนเราส่วนใหญ่โดยเฉพาะคนเอเชียจะไม่ค่อยชอบพูดถึงเรื่องความตายเพราะบางท่านก็เชื่อถือโชคลาง ไม่อยากพูดถึงสิ่งที่ไม่ดีทั้งที่ความตายนั้นเป็นธรรมชาติที่เกิดมาพร้อมกับการเกิดของมนุษย์ทุกผู้ตัวตน คนหลายคนนั้นชีวิตไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแต่ต้องเป็นผู้ดูแลคนอื่นหรือมีภาระหน้าที่หรือหนี้สินที่จะต้องรับผิดชอบ เช่น เป็นหัวหน้าครอบครัว เป็นเจ้าของบริษัท เป็นลูกหนี้กับสถาบันทางการเงิน เป็นต้น นั่นจึงเป็นที่มาของ “ประกันชีวิต” ซึ่งจะช่วยถ่ายเทความเสี่ยงของการสูญเสียชีวิตของคนผู้หนึ่งไปยังบริษัทประกัน โดยเสียค่าใช้จ่ายในการคุ้มครองเพียงเสี้ยวเล็กเมื่อเทียบกับผลประโยชน์ที่จะสามารถนำไปช่วยเหลือครอบครัวหรือชดเชยความเสียหายจากการเสียชีวิตนั้นได้

จากการศึกษาของ Life Happens และ LIMRA ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของประกันชีวิต พบว่า 1 ใน 3 ของครอบครัวสหรัฐฯ จะเกิดปัญหาอย่างฉับพลันในการจ่ายค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตภายใน 1 เดือนหากหัวหน้าที่หาเลี้ยงครอบครัวนั้นเสียชีวิต และยังพบอีกว่ามีครอบครัว 40 เปอร์เซนต์ยังไม่ได้ซื้อประกันชีวิต และที่มากกว่านั้นที่ไม่ได้ซื้อก็เพราะว่าไม่แน่ใจว่าจะซื้อประกันประเภทไหนและซื้อในการคุ้มครองเท่าไหร่ดี ดังนั้นในเดือนกันยายนของทุกปี องค์กร Life Happens ได้จัดแคมเปญรณรงค์เกี่ยวกับเรื่องประกันชีวิตขึ้นมาเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับความสำคัญของประกันชีวิตและช่วยเหลือพวกเขาให้สามารถตัดสินใจแสวงหาความคุ้มครองที่พวกเขาจำเป็นต้องมีกันค่ะ

จากการศึกษาของ LIMRA ในปี 2019 พบว่าผู้ที่เป็นเจ้าของประกันชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่ (มีอายุเกินกว่า 18 ปี) โดยมากกว่าครึ่ง (57%) มีประกันชีวิตประเภทใดประเภทหนึ่ง คนอเมริกัน 3 ใน 10 จะมีประกันชีวิตจากที่ทำงาน แต่ 4 ใน 10 จะมีประกันชีวิตส่วนบุคคล ผู้หญิงจะเป็นเจ้าของประกันชีวิตน้อยกว่าผู้ชาย มีผู้หญิงเพียง 56% เท่านั้นที่มีประกันชีวิตในขณะที่ผู้ชายมีถึง 62% และเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 จะมีประกันชีวิตคุ้มครองเพียงแค่ 4 ใน 10 คนเท่านั้น

สำหรับเหตุผลที่คนอเมริกันซื้อประกันชีวิตนั้น ครึ่งหนึ่งบอกว่าพวกเขาต้องการใช้สิทธิ์ประโยชน์จากการคุ้มครองไปทดแทนการสูญเสียรายได้หากหัวหน้าครอบครัวเกิดเสียชีวิตไป โดยเหตุผลหลัก 3 อันดับต้นที่คนซื้อประกันคือ คุ้มครองค่าใช้จ่ายในการทำศพและค่าใช้จ่ายอื่นในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิต (91%) ช่วยชดเชยรายได้ของผู้ทำงานมีรายได้ (66%) และส่งต่อทรัพย์สินให้หรือทิ้งมรดกให้กับคนข้างหลัง (63%)

เหตุผล 3 อันดับแรกที่คนไม่ซื้อประกันชีวิต (หรือไม่ซื้อเพิ่ม) คือ ราคาแพงเกินไป (63%) ต้องเอาเงินไปใช้อย่างอื่นที่สำคัญกว่า (61%) และมีการคุ้มครองอยู่แล้ว (52%) โดยกลุ่มโดยเฉพาะกลุ่มคนอายุน้อยหรือที่เรียกว่ามิลลิเนียลเป็นกลุ่มที่น่าจะประเมินราคาของประกันชีวิตแบบเทอมเอาไว้สูงเกินจริงมากกว่ากลุ่มอื่น โดย 4 ใน 10 คนคาดว่าประกันชีวิตแบบเทอมที่คุ้มครอง 250,000 เหรียญสำหรับคนอายุ 30 ปีที่สุขภาพดีนั้นจะต้องจ่ายเบี้ยประกันอย่างน้อย 1,000 เหรียญต่อปี (ทั้งที่ความจริงแล้วค่าเฉลี่ยเบี้ยประกันเพียงแค่ปีละ 160 เหรียญเท่านั้นเอง)

“ข้อมูลไม่เคยโกหก (Facts don’t lie)” เพราะฉะนั้นหลังอ่านข้อมูลที่เขาไปศึกษากันมาแล้ว ทางผู้เขียนก็ขอสนับสนุนให้ท่านผู้อ่านเล็งเห็นถึงความสำคัญของประกันชีวิต รวมทั้งควรจะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ น่าเชื่อถือและมีใบอนุญาตในการขายประกันชีวิตเท่านั้นเพื่อจะได้ทราบว่าท่านควรจะต้องทำประกันประเภทไหนเท่าไหร่อย่างถูกต้อง แต่หากท่านยังอ้อยอิ่งตัดสินใจไม่ได้หรือรอเวลาก็เท่ากับท่านทิ้งคนที่พึ่งพาอาศัยท่านอยู่ในความเสี่ยงที่จะต้องสูญเสียสภาพการเงินของครอบครัวนอกเหนือไปจากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก เราควรจะคิดแบบ ”ปลอดภัยกันไว้ก่อนดีกว่าจะต้องเสียใจภายหลัง” แบบที่ฝรั่งเขาบอกว่า “Better safe than sorry” นะคะ ส่วนท่านที่ไม่ได้มีภาระความรับผิดชอบกับใครการซื้อประกันชีวิตก็มีข้อดีคือสามารถช่วยสร้างมรดกไว้ให้กับคนที่ท่านรักที่มีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุดด้วยเช่นกันค่ะ

บทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปไม่ใช่เป็นการให้คำแนะนำ หากท่านมีข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับเนื้อหาในบทความ อยากจะถามคำถามในกรณีส่วนตัวท่านสามารถโทร.มาสอบถามกับผู้เขียนได้ที่เบอร์ (850)598-1709 หรือจะอีเมลมาหาผู้เขียนที่ walaipank@gmail.com ก็ได้ค่ะ หากผู้เขียนไม่ได้รับสายก็ฝากข้อความไว้ได้ จะติดต่อท่านกลับไปภายหลัง

อ้างอิง: https://www.limra.com/globalassets/limra/newsroom/fact-tank/fact-sheets/limras-facts-about-life-2019.pdf


วลัยพรรณ เกษทอง

30 สิงหาคม 2562