ไลฟ์สไตล์
จอมพล
The Best Is Yet To Come

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาเล่นเอาใจหายใจคว่ำลุ้นกันจนตัวโก่งโดยเฉพาะเมื่อใกล้เวลาปิดหีบเลือกตั้งและเริ่มทยอยนับคะแนน ผู้เขียนนั้นต้องทำงานดึก ในมือก็ถือโทรศัพท์มือถือคอยเช็คผลเลือกตั้งอยู่ตลอด บรรดาเพื่อนๆที่ไม่ต้องทำงานหรือเลิกงานแล้วต่างก็นั่งลุ้นกันอยู่หน้าจอทีวี ส่งข้อความกันเข้ามาเป็นระยะๆ ยิ่งช่วงที่ลุ้นเขตเลือกตั้งที่เรียกว่าเป็น Swing State คือไม่แน่นอนว่ารัฐนั้นผลจะออกมาข้างไหน ยิ่งทำให้ลุ้นกันจนหลังเย็นวาบๆ ตอนที่ผู้เขียนเดินไปซื้ออาหารที่ Whole Food ได้ยินใครก็ไม่รู้ตะโกนขึ้นมาว่า รอมนี่ได้ฟลอริดาแล้ว ถึงกับเข่าอ่อน เรียกว่าใจคอหายกันไปหมด นึกถึงตอนนี้ที่รู้ผลแล้วอยากจะกลับไปตีปากให้เข็ดในฐานที่ปากเสียทำเอาใจหายใจคว่ำหมด

ถึงเวลาประมาณสี่ทุ่มที่ผลออกมาแน่นอนว่า บารัค โอบามา ชนะไป ๓๐๓ ต่อ ๒๐๖ ในการเลือกตั้งแบบ Electoral Vote และแถมยังชนะคะแนน Popular Vote 61122638 ต่อ 58130991 หลังจากที่เคยคาดกันมาก่อนว่ารอมนี่จะได้ชัยชนะในแบบป๊อปปูล่าโวท เรียกว่าโอบามาได้ชัยชนะทั้งสองประเภท อย่างไรก็ตามการเลือกตั้งครั้งนี้ก็นับว่าสูสีและดุเด็ดยิ่งกว่าการเลือกตั้งครั้งไหนๆ ต่างกันแค่ ๒ เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

ในเวลาที่ขับรถกลับบ้าน ผู้เขียนก็ได้เปิดวิทยุฟังประธานาธิบดีบารัค โอบามากล่าวสุนทรพจน์ในการที่ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งที่เรียกว่า Victory Speech ความยาวประมาณ ๒๐ นาที โอบามาเป็นนักพูดชั้นเยี่ยม เสียงของเขาทรงพลัง ฟังชัดเจน มีอารมณ์ขัน หนักแน่น ชาญฉลาด โน้มน้าว ให้กำลังใจ สะเทือนใจ ซึ้งใจ และปลุกใจให้ฮึกเหิม เรียกว่าเมื่อได้ฟังแล้วก็ให้ขนลุกซู่ไปทั้งตัว ขนาดว่าไม่ได้เป็นคนอเมริกันโดยกำเนิดแต่ก็อดกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ถึงกับต้องจอดรถขับต่อไม่ได้เพราะมองถนนไม่เห็น

วลีทองที่เขาพูดตอนหนึ่งที่กลายมาเป็นประโยคประวัติศาสตร์ของคำกล่าวปราศัยในชัยชนะครั้งนี้คือตอนที่เขากล่าวว่า


“ Tonight, in this election, you, the American people, reminded us that while our road has been hard, while our journey has been long, we have picked ourselves up, we have fought our way back, and we know in our hearts that for the United States of America, the best is yet to come. “

“คืนนี้,ในการเลือกตั้งครั้งนี้, ท่าน, ชาวอเมริกันทั้งปวง, ได้ย้ำเตือนให้รู้ว่าในขณะทางนั้นลำบาก ในขณะที่การเดินทางมันแสนจะยาวไกล, เราก็ได้พยุงตัวเองให้ขึ้นมาได้, เราได้ต่อสู้เพื่อให้ได้กลับมา, และเราก็รู้ด้วยหัวใจของเราเพื่อประเทศสหรัฐอเมริกาว่า, สิ่งที่ดีที่สุดนั้นยังมาไม่ถึง”

วลีที่กล่าวว่า “ The Best Is Yet to Come” นั้นเป็นวลีที่คนอเมริกันได้ยินบ่อยๆ ทั้งนี้ก็เนื่องจากเป็นชื่อเพลงที่โด่งดังประพันธ์ขึ้นเมื่อปี ๑๙๕๙ เขียนโดย แคโรลิน เลห์ ซึ่งมีนักร้องคลาสสิคที่ทำให้เพลงนี้เป็นที่รู้จักคือ แฟรงค์ ซินาตร้า ผู้ซึ่งบันทึกเสียงในอัลบั้มของเขาในปี ๑๙๖๔ และเพลงนี้เป็นเพลงที่ซินาตร้าร้องเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเสียชีวิต และประโยคที่ว่า “สิ่งที่ดีที่สุดยังมาไม่ถึง” นั้นก็ได้รับการสลักไว้ที่หลุมศพของเขาด้วย

เพลง The Best Is Yet to Come แต่งเป็นลักษณะบิ๊กแบนด์แจ๊ส โดยเป็นเพลงรักกินใจให้ความรู้สึกเหมือนชายหนุ่มกำลังหว่านล้อมหญิงสาวให้ปลงใจเสียกับเขา เพราะเขาจะทำให้เธอมีความสุข

Come the day that your mine
Im gonna teach you to fly
Weve only tasted the wine
Were gonna drain that cup dry

Wait till your charms are right, for the arms to surround
You think youve flown before, but you aint left the ground

Wait till you're locked in my embrace
Wait till I hold you near
Wait till you see that sunshine place
There aint nothin like it here

The best is yet to come, and wont that be fine
The best is yet to come, come the day that your mine

เมื่อวันที่เธอเป็นของฉัน ฉันจะสอนให้เธอโบยบิน
ตอนเนี้ยเราแค่ลองจิบไวน์ แต่เราจะดื่มมันจนแก้วแห้งเหือดเลยทีเดียว
รอจนเวทย์มนต์ขลัง เพื่อให้ได้อ้อมแขนในอ้อมกอด
เธอคิดว่าเธอเคยโบยบินมาก่อน แต่จริงแล้วเธอยังไม่เคยลอยขึ้นจากพื้นเลย
รอจนเธออยู่ในตระกองกอดของฉัน รอจนฉันได้กอดเธอใกล้
รอจนเธอได้เห็นดินแดนแห่งแสงตะวัน ไม่มีที่ไหนเหมือนที่นั่นหรอก
สิ่งที่ดีที่สุดยังมาไม่ถึง ถึงจะเคยชินว่าดีเถอะ
สิ่งที่ดีที่สุดยังมาไม่ถึง รอให้ถึงวันที่เธอเป็นของฉันก่อนเถิด

เมื่อโอบามาเลือกเอาวลี The Best Is Yet to Come มาใช้จึงเหมาะเจาะกับความรู้สึกที่ว่า ชาวอเมริกันได้ไว้วางใจให้เขามาทำงานครั้งหนึ่งแล้ว และเขาก็กำลังพยายามจะทำให้สัญญาของเขาเป็นผล เมื่อเขาได้ต่อเวลาเพื่อจะได้มีเวลาพอที่จะนำอเมริกาไปสู่ความรุ่งโรจน์อีกครั้ง “สิ่งที่ดีที่สุดยังมาไม่ถึง” จึงกลายเป็นวลีที่ให้ความหวังในความริบหรี่ของเศรษฐกิจที่แสนจะตกต่ำ ในความมืดมิดของประชาชาติ ได้ทอแสงประกายขึ้นมาอีกครั้ง


And I saw just the other day, in Mentor, Ohio, where a father told the story of his 8-year-old daughter, whose long battle with leukemia nearly cost their family everything had it not been for health care reform passing just a few months before the insurance company was about to stop paying for her care.

I had an opportunity to not just talk to the father, but meet this incredible daughter of his. And when he spoke to the crowd listening to that father's story, every parent in that room had tears in their eyes, because we knew that little girl could be our own.

And I know that every American wants her future to be just as bright. That's who we are. That's the country I'm so proud to lead as your president

อีกวันหนึ่งที่เมนเทอร์ โอไฮโอ ผมได้พบกับพ่อคนหนึ่งที่ได้เล่าเรื่องของลูกสาวซึ่งเขา ได้ต่อสู้กับโรคโลหิตจาง (ลิวคีเมียร์)ของเธอมาเป็นเวลานาน โดยที่โรคนั้นเกือบจะทำให้ครอบครัวต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาจนสิ้นเนื้อประดาตัว หากไม่เป็นเพราะการแก้ไขเรื่องของการประกันสุขภาพที่เพิ่งผ่านกฏหมายไปนั้นแค่สองสามเดือนก่อนที่บริษัทประกันจะหยุดจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับลูกสาวของเขา

ผมได้มีโอกาสไม่ใช่แค่ได้พูดคุยกับพ่อคนนั้น แต่ได้พบลูกสาวที่เหลือเชื่อของเขา และเมื่อเขาได้ขึ้นไปพูดต่อหน้าคนทั้งหลายที่กำลังฟังอยู่ในฐานะเรื่องราวจากหัวใจของพ่อคนหนึ่ง พ่อแม่ทุกคนที่อยู่ในห้องนั้นก็น้ำตาคลอ เพราะเรารู้ดีว่าลูกสาวตัวเล็กๆนั้นอาจจะเป็นลูกสาวเราบ้างก็เป็นไปได้

และผมรู้ว่าคนอเมริกันทุกคนต้องการให้อนาคตของเธอใสสว่าง นั่นคือสิ่งที่เราเป็น นั่นคือประเทศที่ผมภาคภูมิใจที่จะนำทางประเทศนี้ในฐานะของประธานาธิบดี

การใช้คำพูดของเขา การเลือกถ้อยคำ การจัดวาง การใช้เสียง ตลอดจนการมองกวาดตาไป เป็นคำกล่าวสุนทรพจน์ที่ทรงพลังและสะกดจิตคนฟังอย่างเหลือเชื่อ โอบามาเน้นให้คนอเมริกันเชื่อ และมีความหวังว่าเราจะผงาดขึ้นอีกครั้ง หลังจากยุคเศรษฐกิจตกต่ำสูงสุด ไม่ให้เราหมดความหวัง สุนทรพจน์ช่วงหนึ่งที่เขาพูดแทงลึกเข้าไปในหัวใจว่า

I have always believed that hope is that stubborn thing inside us that insists, despite all the evidence to the contrary, that something better awaits us so long as we have the courage to keep reaching, to keep working, to keep fighting.

ผมเชื่ออยู่เสมอว่า “ความหวัง” เป็นความรู้สึกที่ดื้อรั้นที่อยู่ในใจของเรา ถึงแม้ว่าอะไรก็แล้วแต่มันจะดูเหมือนว่าอยู่ตรงข้ามกับสิ่งที่เราหวังไว้ก็ตาม เราก็รู้ว่าสิ่งที่ดีกว่านี้ยังคงรอเราอยู่นานแสนนานที่เราต้องบากบั่นที่จะเอื้อมขึ้นไป สร้างงานต่อไป และสู้ต่อไป

America, I believe we can build on the progress we've made and continue to fight for new jobs and new opportunity and new security for the middle class. I believe we can keep the promise of our founders, the idea that if you're willing to work hard, it doesn't matter who you are or where you come from or what you look like or where you love. It doesn't matter whether you're black or white or Hispanic or Asian or Native American or young or old or rich or poor, able, disabled, gay or straight, you can make it here in America if you're willing to try.

I believe we can seize this future together because we are not as divided as our politics suggests. We're not as cynical as the pundits believe. We are greater than the sum of our individual ambitions, and we remain more than a collection of red states and blue states. We are and forever will be the United States of America.

And together with your help and God's grace we will continue our journey forward and remind the world just why it is that we live in the greatest nation on Earth.

Thank you, America. God bless you. God bless these United States.

และเมื่อเขาได้พูดมาถึงช่วงสุดท้ายด้วยเสียงที่เข้มแข็ง ทรงพลัง ที่ทำให้คนฟังซาบซึ้งและขนลุกตรงที่ว่า

อเมริกา ผมเชื่อว่าเราสามารถที่จะสร้างความก้าวหน้าแก่สิ่งที่เราได้ทำขึ้นมาและสู้ต่อไปเพื่องานใหม่ๆ โอกาสใหม่ๆ และความรู้สึกว่าเราปลอดภัยขึ้นมาใหม่สำหรับคนชั้นกลาง ผมเชื่อว่าเราจะสามารถที่จะให้สัญญาแก่บรรพบุรุษผู้สร้างประเทศขึ้นมา ด้วยความคิดที่ว่าเราจะยินดีที่จะทำงานหนัก ไม่จำเป็นว่าคุณจะเป็นใคร หรือคุณมาจากไหน หรือคุณหน้าตาเป็นอย่างไร หรือคุณรักที่ไหน มันไม่สำคัญว่าคุณจะเป็นคนผิวดำ หรือเป็นคนขาว หรือเป็นคนลาตินอเมริกัน หรือเป็นคนเอเชี่ยน หรือเป็นอินเดียนแดง หรือว่าจะเด็ก จะแก่ รวยหรือว่าจน มีความสามารถ หรือไร้ความสามารถ จะเป็นสเตรทหรือเป็นเกย์ คุณก็จะสามารถสร้างมันขึ้นมาได้ที่นี่ที่อเมริกานี้ ถ้าหากว่าคุณยินดีที่จะพยายาม

(พูดมาถึงตรงนี้ น้ำตาคนที่อพยพเข้ามาอาศัยใบบุญอเมริกาอยู่ก็อดกลั้นไม่ได้ เพราะมันคือความจริงอย่างยิ่งที่ดินแดนแห่งนี้ยินยอมที่จะให้เรามาสร้างความหวัง สร้างอนาคต และยืนหยัดอย่างเท่าเทียมและมีศักดิ์ศรีไม่ต่างอะไรไปจากคนที่เกิดบนแผ่นดินนี้สักนิดเดียว)

ผมเชื่อว่าเราควรจะฉวยโอกาสแห่งอนาคตนี้ด้วยกัน เพราะว่าเราไม่ได้แบ่งแยกกันอย่างที่การเมืองได้แบ่งเราออก เราไม่ได้เป็นแค่พวกที่ชอบเยาะเย้ยถากถางอย่างที่นักวิจารณ์การเมืองชอบคิดว่าเราเป็นอย่างนั้น เรานั้นยิ่งใหญ่กว่าแค่กลุ่มคนที่มีแต่ความทะเยอทะยาน และเราเป็นยิ่งไปเสียกว่าแค่การรวบรวมรัฐสีแดงและรัฐสีน้ำเงินเข้าด้วยกัน เราเป็นและเป็นอยู่ชั่วนิรันดร์คือสหรัฐอเมริกา

และพวกเราร่วมกันด้วยการช่วยเหลือตัวเองและพระผู้เป็นเจ้าทรงโปรด เราจะเดินทางต่อไปข้างหน้าและบอกให้โลกรู้ว่าทำไม ว่าที่ๆเราอยู่นี้คือชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้

ขอบคุณ, อเมริกา, ของพระเจ้าทรงอวยพร ท่านและสหรัฐอเมริกา

คำปราศัยอันทรงพลัง เต็มไปด้วยน้ำหนัก ความหวัง ความปลุกใจ การให้กำลังใจ ความเป็นสุภาพบุรุษ เมื่อเป็นผู้ชนะก็ไม่เยาะเย้ยผู้แพ้ แต่สร้างมิตรให้เกิดการปรองดอง

ผู้นำที่คนทั้งประเทศภูมิใจ มองเขาด้วยความชื่นชม และด้วยความรักและความหวังเต็มหัวใจ

ย้อนกลับไปมองประเทศแม่ ประเทศเกิด ประเทศที่เราจากมาด้วยสายตาที่เป็นห่วง เลือดที่ยังเป็นไทย ที่ใจหายที่ไม่รู้ว่าคนในแผ่นดินกำลังทำอะไรกันอยู่ คนทั้งแผ่นดินที่เลือกขึ้นมาแล้วว่าต้องเป็นผู้นำที่ภาคภูมิกลายเป็นแค่ใครคนหนึ่งที่เมื่อฟังคำปราศัยก็ต้องหลับตาขนลุกซู่ด้วยความอับอาย ถอนใจด้วยความเหนื่อยล้า เศร้าใจที่เราเลือกมาได้แค่นี้ ประเทศจึงเป็นอย่างนี้ อนาคตของเราจึงไปได้แค่นี้ อนิจจาประเทศไทย