ไลฟ์สไตล์
จอมพล
ความลับที่ซ่อนอยู่ในหยดน้ำ

ในช่วงสองถึงสามเดือนที่ผ่านมานี้ ผู้เขียนได้อ่านหนังสือสามเล่มที่เปลี่ยนชีวิตของผู้เขียนไปอย่างสิ้นเชิง หนังสือที่สอนแนวคิดใหม่ที่ไม่เคยคิดมาก่อน และได้เปลี่ยนให้ผู้เขียนกลายเป็นคนใหม่และไม่เหมือนคนเดิมอีกต่อไป หนังสือที่กล่าวนี้ เล่มแรกคือ “The Hidden Messages in Water” เขียนโดยศาสตราจารย์ดอกเตอร์มาซารุ อิโมโตะ ซึ่งจะกล่าวถึงในบทความฉบับนี้ อีกสองเล่มเขียนโดยผู้เขียนท่านเดียวกันคือ “The Secret” และ “The Power” เขียนโดย รอนดา เบิร์น (Rhonda Bryn) และผู้เขียนจะได้เขียนถึงในบทความฉบับหน้า

ผู้เขียนปรารถนาที่จะแบ่งปันความรู้ที่ได้รับจากการอ่าน ตลอดจนการตริตรองและกลั่นกรองออกมา เพื่อให้บทความที่จะเขียนสองตอนต่อไปนี้ เป็นบทความที่สำคัญและมีความหมายที่สุดในชีวิตของผู้เขียน เพื่อจุดประกายความรู้ให้กับท่านผู้อ่านที่ติดตามอ่านบทความในคอลัมน์ไลฟ์สไตล์นี้ ได้ศึกษาและเข้าใจปรัชญาอันมีค่าที่สุดนี้ต่อไป

เริ่มต้นที่หนังสือ “ความลับที่ซ่อนอยู่ในหยดน้ำ” นี้ก่อน หนังสือเล่มนี้มีผู้อ่านมากมายทั่วโลกและเป็นหนังสือขายดีอันดับหนึ่งของสำนักพิมพ์ New York Times เขียนโดยดอกเตอร์มาซารุ อีโมโตะ ซึ่งท่านเป็นชาวญี่ปุ่นจบจากมหาวิทยาลัยโยโกฮามา สาขาวิชาแพทย์ทางเลือก ท่านได้เขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นจากการทดลองทางวิทยาศาสตร์ของท่าน และพิมพ์ในปี ๑๙๙๙๙ สร้างความฮือฮาให้เกิดขึ้นทั้งทางวิทยาศาสตร์และสังคมโลก สาระสำคัญของหนังสือเล่มนี้ได้เปลี่ยนชีวิตคนมากมายให้ตระหนักถึงสิ่งสำคัญที่อยู่คู่กับชีวิตของเรามาตลอดนั่นก็คือ “น้ำ” และทำให้เราได้ค้นพบความหมายสำคัญที่ซ่อนอยู่ในหยดน้ำทุกหยดจากการทดลองทางวิทยาศาสตร์ของท่าน

หนังสือเล่มนี้ได้กล่าวถึงการทดลองในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ที่ดอกเตอร์อิโมโตะได้นำเอาน้ำจากในที่ต่างๆ ทั้งในแหล่งน้ำธรรมชาติ น้ำประปา หรือน้ำที่กรองบริสุทธิ์ นำมาแช่แข็งให้กลายเป็นเกล็ดหิมะ แล้วนำมาถ่ายภาพด้วยกล้องที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อให้เห็นเกล็ดน้ำแข็งที่กอปรเป็นรูปต่างๆ ที่เรียกว่า “คริสตัล” เช่นที่เราเห็นจากเกล็ดหิมะ ทั้งนี้ก็มาจากความรู้ที่ว่าเกล็ดหิมะทุกเกล็ดไม่เหมือนกันเลย ต่างมีความสวยงามแตกต่างกันออกไป

ดร.อิโมโตะได้เริ่มต้นด้วยการแช่แข็งน้ำจากแหล่งต่างๆ ๕๐ ที่นำมาแช่แข็งในอุณหภูมิลบยี่สิบองศาเซลเซียส เป็นเวลา ๓ ชั่วโมง และพบว่าคริสตัลที่เกิดขึ้นนั้นไม่เหมือนกันเลย บางเกล็ดก็ใสและสวย บางเกล็ดก็ไม่เป็นคริสตัลเลยด้วยซ้ำ ท่านกล่าวว่าน้ำที่มาจากกรุงโตเกียวนั้นแย่ที่สุดเพราะไม่มีการกลายเป็นคริสตัลเลย เพราะเป็นน้ำก๊อกซึ่งมีคลอรีนผสมอยู่และได้ทำลายโครงสร้างของน้ำธรรมชาติไปหมด น้ำที่มาจากแหล่งน้ำธรรมชาติไม่ว่าจะมาจากที่ไหน น้ำพุใต้ดิน แหล่งน้ำธรรมชาติใต้ดิน หิมะและผลึกน้ำแข็งที่ละลาย น้ำจากต้นน้ำของแม่น้ำ ล้วนแล้วแต่กลายเป็นคริสตัลทั้งสิ้น

จากนั้นนักวิทยาศาสตร์ท่านหนึ่งที่ทำงานกับท่านได้เกิดความคิดขึ้นว่า “ถ้าเราลองนำน้ำไปวางไว้ในที่ๆมีเสียงเพลงดูสิว่าน้ำจะเป็นอย่างไร” ท่านจึงได้นำน้ำไปใส่ขวดตั้งไว้ระหว่างลำโพงทั้งสองข้าง เปิดเพลงในระดับความดังที่คนปรกติฟังเพลง โดยน้ำที่ได้มานั้นมาจากน้ำกลั่นที่ซื้อมาจากร้านขายยา ซึ่งแน่นอนว่าเป็นน้ำสะอาดที่ไม่มีพลังงานใดๆอยู่เพราะกลั่นออกมาแล้ว เริ่มต้นการทดลองเขาได้นำเพลงของบีโธเฟน (Beethoven’s Pastoral Symphony) ซึ่งได้คริสตัลที่มีความงดงามและมีรูปทรงที่สวย Mozart’s 40th Symphony สร้างคริสตัลที่บอบบางและสง่างาม Chopin’s Etude in E ได้คริสตัลที่สวยงามอย่างบอกไม่ถูก

เพลงคลาสสิคทั้งหมดนั้นสร้างให้คริสตัลสวยงามและในทางตรงกันข้ามเขาได้ทดลองเปิดเพลงฮาร์ดร๊อค (Metal Music) ซึ่งทำให้คริสตัลแตกสลายและไม่มีรูปร่างเลย

หลังจากนั้นเขาได้ทดลองเขียนถ้อยคำลงในกระดาษและนำไปแปะไว้ที่ขวดน้ำ ถ้อยคำที่ว่าอย่างเช่น “ขอบคุณ” หรือ “ไอ้โง่” ปรากฏว่าคำที่มีความหมายดีได้เปลี่ยนให้น้ำเป็นคริสตัลที่สวยงาม แต่ในทางกลับกันน้ำที่ถูกแปะด้วยข้อความที่เป็นลบกลับไม่มีรูปร่างและแตกไม่เป็นคริสตัลเลย

จากการทดลองนี้ได้เกิดปรากฏการณ์ที่เป็นที่ฮือฮาหลังจากการพิมพ์รูปคริสตัลต่างๆนี้ออกไป ทั้งนี้ก็เป็นเพราะว่านี่คงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เราสามารถจะพิสูจน์ได้ว่า น้ำนั้นมีคุณสมบัติในการซึมซับพลังงานรอบตัวและแปรเปลี่ยนไปตามพลังงานนั้นไม่ว่าจะเป็นลบหรือบวกก็ตาม

แล้วท่านผู้อ่านคงจะสงสัยว่าแล้วทำไมมันจึงเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ นั่นก็เป็นเพราะเราคงรู้อยู่แล้วว่าร่างกายของมนุษย์นั้นประกอบไปด้วยน้ำถึง ๗๐ เปอร์เซ็นต์ เมื่อเราเกิดชีวิตและเป็นตัวอ่อน ( Fetuses) เราเป็นน้ำ ๙๙ เปอร์เซ็นต์ เมื่อเราเกิดเราเป็นน้ำ ๙๐ เปอร์เซ็น เมื่อเราโตขึ้นเราเหลือน้ำ ๗๐ เปอร์เซ็นต์ และเมื่อเราแก่เราเป็นน้ำ ๕๐ เปอร์เซ็นต์ พูดง่ายๆว่าตลอดชีวิตของมนุษย์นั้นเราก็คือน้ำนั่นเอง

รูปทางซ้ายเป็นเกล็ดน้ำแข็งที่ทำมาจากน้ำที่สกปรก ส่วนรูปทางขวาจากน้ำแหล่งเดิมแต่นำไปอำนวยพรโดยดร.อีโมโต เราจึงเห็นได้ว่าเรานั้นสามารถที่จะประทานพรให้กับตัวเราและโลกนี้เช่นเดียวกัน

ดร.อิโมโต ได้เขียนไว้ว่าท่านจำได้ถึงภาพถ่ายที่สวยงามที่สุดคือน้ำที่ถูกนำไปรับพลังงานจากคำว่า “ความรักและความกตัญญู” (Love and Gratitude) ซึ่งสร้างคริสตัลที่สวยงามและบอบบางอย่างบอกไม่ถูก ท่านกล่าวว่าในภาษาญี่ปุ่นนั้นถ้อยคำมีพลังงานเรียกกันว่า “โคโตดามะ” หมายถึง พลังงานแห่งถ้อยคำ เราจะเห็นได้ว่าพลังงานนั้นสามารถเปลี่ยนจิตวิญญานได้ แล้วในเมื่อมนุษย์เรานั้นประกอบไปด้วยน้ำถึง ๗๐ เปอร์เซ็นต์ นั่นก็หมายความว่าหากเราหล่อหลอมชีวิตเราด้วยพลังงานอันเป็นพลังแห่งความดีงาม พูดดีและคิดดี น้ำในตัวเราก็จะเปลี่ยนเราให้เป็นเช่นนั้นไปด้วย

ด้วยความรู้นี้เองทำให้ผู้เขียนเกิดความกระจ่างแจ้งทางปัญญาว่า สำหรับคนไทยเราผู้ใหญ่ท่านมักจะเตือนว่า “อย่าพูดในทางที่ไม่มี มันจะเป็นไปตามปาก” เมื่อเราเป็นเด็กเราก็คงจะเห็นว่าแล้วมันจะเป็นไปตามปากได้อย่างไร บัดนี้การทดลองทางวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์ให้ท่านเห็นแล้วว่า ตัว เราสามารถเปลี่ยนไปตามความคิด ถ้อยคำและสิ่งแวดล้อมที่เราอยู่ได้จริงๆ

ผู้เขียนเคยมีความคิดว่า การทำน้ำมนต์ของพระสงฆ์และมีการประพรมน้ำพระพุทธมนต์เป็นเรื่องไร้สาระ จะทำให้เราโชคดีหรือมีความสุขได้อย่างไร ก็เห็นจะต้องยอมรับว่าเป็นจริงได้ ตลอดจนการสวดมนต์หรือการระลึกถึงแต่ความดีงามและบุญกุศล ต่างๆเหล่านี้จะสามารถอำนวยพรและเปลี่ยนชีวิตของเราให้งดงามด้วยน้ำที่มีคุณสมบัติถ่ายทอดและเปลี่ยนแปลงไปตามพลังงานที่หล่อหลอมได้อย่างน่าอัศจรรย์

ผู้เขียนปรารถนาให้ท่านผู้อ่านได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ที่ได้เปลี่ยนชีวิตของผู้เขียนให้คิดแต่สิ่งที่ดี พูดแต่ในสิ่งที่ดี และทำแต่ในสิ่งที่ดี เพราะผู้เขียนต้องการให้ชีวิตของตนงดงามเช่นคริสตัลที่ถูกประทานพรแล้ว

หนังสือเล่มนี้ได้เตรียมพร้อมให้ผู้เขียนได้รู้ถึงความลับแห่งชีวิตและพลังที่จะสามารถเปลี่ยนชีวิตของตนด้วยการอ่านหนังสืออีกสองเล่มตามมา ที่จะกล่าวถึงในฉบับหน้าต่อไป

ถ้อยคำแห่งรักและการให้กำลังใจนั้นสร้างดุลยภาพและบริสุทธ์เช่นเกล็ดหิมะ