ไลฟ์สไตล์
จอมพล
วิธีดูแลร่างกายสำหรับคนอดนอน

ผู้เขียนเป็นคนนอนน้อย น่าจะเป็นเพราะมีงานมาก กว่าจะถึงบ้านก็ดึกดื่น แถมเมื่อถึงบ้านแล้วแทนที่จะอาบน้ำนอนเลย ก็กลับเถลไถลดูทีวีบ้าง เล่นคอมพิวเตอร์บ้างจนถึงตีหนึ่งตีสอง พอหกโมงเช้าก็ต้องตื่นแล้ว วันไหนได้นอนถึง ๗ ชั่วโมงก็จะมีความสุขมาก เพราะปกติจะนอนแค่ ๔ ถึง ๕ ชั่วโมงทุกวัน

ด้วยความที่เป็นคนนอนน้อยนี้ ทำให้เกิดปัญหากับสุขภาพอย่างร้ายแรง การนอนน้อยทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย ไม่มีเวลาที่จะซ่อมแซมสิ่งที่สึกหรอ คนนอนน้อยจะมีความดันสูง ระบบการทำงานของร่างกายบกพร่อง ง่วงหงาวหาวนอนเป็นนิจ และยังเกิดอันตรายเวลาที่ขับรถ หรือใช้เครื่องไม้เครื่องมือในการทำงาน เพราะอาจทำให้หลับในหรือเกิดความบาดเจ็บจากเครื่องมือเครื่องไม้ที่ใช้อยู่ในการทำงานได้

ผู้เขียนนั้นเคยหลับใน โชคดีที่ไม่เกิดอันตราย แต่ก็สังวรณ์อยู่เสมอว่าควรนอนให้เพียงพอกว่านี้ สิ่งที่พบในตัวก็คือ ผู้เขียนเป็นคนออกกำลังกายอย่างหักโหม แต่ร่างกายไม่ตอบสนองการออกกำลังกาย ยังอ้วนยังไงก็อ้วนเหมือนเดิม กล้ามเนื้อก็ไม่สร้างไม่แข็งแรงขึ้นเท่าที่ควร ทั้งนี้ทั้งนั้นสืบเนื่องมาจากการอดนอนทั้งสิ้น

เมื่อผู้เขียนได้อ่านบทความเรื่องของการดูแลร่างกายสำหรับคนอดนอน จึงอดไม่ได้ที่จะนำมาฝากให้พวกนกฮูกทั้งหลาย รวมทั้งตัวเองด้วยให้ได้รู้กันว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไร หากนอนไม่พอดังนี้


วิธีดูแลร่างกายสำหรับคนอดนอน

แนะนำจาก พ.ญ.ลลิตา ธีระสิริ แห่งศูนย์ธรรมชาติบำบัดบัลวี ความว่า ก่อนอื่นต้องยอมรับเสียก่อนว่าคนเราต้องนอนหลับในยามกลางคืน ไม่ใช่กลางวัน เพราะฮอร์โมนในร่างกายถูกธรรมชาติจัดสรรมาอย่างนั้น ในเวลากลางวันเมื่อมีแสงสว่าง ต่อมไพเนียล หรือต่อมเหนือสมอง จะหลั่งฮอร์โมนซีโรโตนินออกมาเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่ากระฉับ กระเฉงเพื่อกิจกรรมดำเนินในยามกลางวัน ราวๆ 4-5 โมงเย็น ตอนแสงสว่างลดลง ซีโรโตนินก็จะลดระดับลงเพื่อเตรียมให้ร่างกายได้พัก

ในขณะเดียวกันต่อมไพเนียลก็หลั่งฮอร์โมนอีกชนิดหนึ่งชื่อเมลาโตนินออกมา ระดับเมลาโตนินในร่างกายจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ง่วงนอนในกลางคืน พอถึงประมาณตี 2 เมลาโตนินจะเริ่มลดระดับลง และซีโรโตนินก็จะถูกหลั่งออกมาในยามเช้ามืด พอดีเช้าเมลาโตนินหายไป ซีโรโตนินเพิ่มขึ้นมาได้ระดับเราก็ตื่นพอดี หากอดนอนก็เท่ากับฝืนวัฏจักรของฮอร์โมนตามธรรมชาตินี้ และว่ากันว่าทำให้ร่างกายเสียสมดุลและทำให้ป่วยได้ง่าย

ทางแก้หากต้องอดนอน มีดังนี้
1.กินอาหารที่อุดมด้วยวิตามินบีและซี เพราะเวลาอดนอนระดับฮอร์โมนจากต่อมไพเนียลปั่นป่วน ทำให้เกิดความเครียดแบบลึกๆ จึงต้องแก้ด้วยวิตามินคลายเครียดประเภทบีและซีปริมาณมาก ดังนั้นในระยะนี้ต้องกินข้าวกล้อง กินผัก ผลไม้ กินน้ำผลไม้คั้นสด น้ำส้มคั้นสดๆ หากกินอาหารประเภทดังกล่าวไม่ได้ ให้ใช้วิตามินบี 100 วันละ 1 เม็ด และกินวิตามินซี 1,000 ม.ก. วันละ 2 เม็ด หลังอาหารเช้า

2.ถึงกลางคืนจำเป็นต้องเติมพลังงานให้กับตัวเอง เพราะส่วนอาหารที่เรากินเข้าไปจะใช้ได้ประมาณ 6 ช.ม.เท่านั้น หากกินอาหารเย็น 6 โมง ถึงเที่ยงคืนพลังงานก็หมดแล้ว จะต้องเติมอาหารที่ให้พลังงานเข้าไป ทั้งนี้ ควรเป็นอาหารที่ย่อยง่ายประเภทข้าวต้ม โจ๊ก น้ำข้าว ธัญพืช จะดีกว่าอาหารที่มีไขมันสูงอย่างนมวัว หรือเครื่องดื่มประเภทโกโก้ หรือมอลต์ เนื่องจากเวลาที่จะนอนมีน้อยอยู่แล้วไม่ควรกวนกระเพาะให้ย่อยอะไรที่ย่อยยาก เพราะจะทำให้หลับไม่สนิทดีนัก และมีอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรตที่ทำให้หลับง่ายกว่า เช่น ข้าวเหนียว กล้วย หากเลือกกินยามดึกได้จะทำให้นอนเร็วกว่า

3.ควรนอนทันทีหลังจากเสร็จจากดูบอล หรือดูหนังสือ ไม่ควรเสียเวลาออกไปหาข้าวต้มรอบดึกกินนอกบ้านเพราะจะยิ่งมีเวลานอนน้อย และควรระลึกไว้ว่าน่าจะมีเวลานอนติดกันประมาณ 4 ชั่วโมง สุขภาพจึงจะไม่เสื่อมทรุดในระยะนี้ ถ้าต้องนอนตี 3 ก็แปลว่าควรจะตื่นตอน 7 โมงเช้าจึงจะดี

4.ไม่ควรแก้ง่วงด้วยการดื่มกาแฟ หรือชา เพราะกาแฟมีฤทธิ์ 6-8 ชั่วโมง หากกินกาแฟตอน 4 ทุ่มก็แปลว่าจะหลับได้เอาตอนตี 4 ซึ่งจะทำให้เวลาพักผ่อนไม่พอ หากง่วงก็ควรงีบหลับก่อนแล้วค่อยตื่นมาดูหนังสือหรือดูโทรทัศน์เอาตอนดึก

5.ตื่นเช้าหลังจากอดนอน ควรกระตุ้นตนเองให้กระปรี้กระเปร่าด้วยวิตามินดังที่ได้กล่าวแล้ว หรือจะใช้โสมกินร่วมด้วยก็ดีกว่าดื่มกาแฟ เพราะการใช้วิตามินกับโสมจะทำให้สมองปลอดโปร่งกว่ากินกาแฟ ข้อมูลจาก

http://forum.sanook.com

ยังพอมีเนื้อที่เหลือผู้เขียนจึงขอนำเรื่องผักผลไม้ ๗ ชนิดที่พิชิตความชรามาฝากดังนี้

ถ้าพูดถึงความแก่ ทุกคนต้องประสบ เพียงแต่จะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง ขึ้นอยู่กับว่า ใครที่ดูแลตัวเองก็ย่อมได้เปรียบคือ มีสุขภาพดี ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย โดยเฉพาะ ผู้หญิงที่มีผิวพรรณเปล่งปลั่งอยู่เสมอ ย่อมเป็นที่ต้องตาต้องใจใครหลายๆ คน วันนี้เลยถือโอกาสนำผัก ผลไม้ 7 อย่าง ที่ช่วยดูแลผิวพรรณและสุขภาพที่ดี ได้อย่างง่ายๆ มาบอกกัน เริ่มที่


1. ลูกพรุน ซึ่งอุดมไปด้วยโปรแตสเซียม เหล็ก และไฟเบอร์ ช่วยให้ผิวพรรณมีเลือดฝาด ผู้หญิงที่อายุ 25 ปีขึ้นไป ร่างกายจะเริ่มเสื่อมโทรมไขมันเริ่มสะสมตามที่ต่างๆ ใบหน้าเริ่มหมองคล้ำ ผิวพรรณซีดโทรม ถ้าลองหันมากินลูกพรุนสดๆ ดูบ้าง จะทำให้ริมฝีปากแดงสด แก้มแดงระเรื่อดูเป็นสาวสุขภาพดี มีเลือดฝาด

2. ถั่ว ถ้าอยากมีหุ่นเพรียวสวย โดยไม่มีไขมันสะสมตามขอบเอว “ถั่ว” ช่วยคุณได้ เพราะถั่วเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน เหล็ก และวิตามินบีแถมยังมีไฟเบอร์ ซึ่งจะช่วยเคลือบผิวกระเพาะทำให้รู้สึกอิ่มเร็วและอิ่มนาน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดความอ้วนเป็นอย่างยิ่ง

3. บรอคโคลี่ เป็นแหล่งซีลีเนียมตามธรรมชาติ ที่เหมาะสำหรับคุณผู้หญิงเป็นอย่างมาก เพราะจะช่วยบำรุงผิวพรรณ เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวหนังจึงทำให้ดูนุ่มนวลอ่อนวัยขึ้น

4. กล้วยไข่ มีสารต้านอนุมูลอิสระคือ เบต้าแคโรทีน ซึ่งเมื่ออายุเกิน 22 ปีไปแล้ว การเจริญเติบโตของร่างกายจะเริ่มหยุดชะงัก พร้อมส่วนต่างๆ ของร่างกายก็เริ่มเสื่อมลง เซลล์ร่างกายจะผลิตอนุมูลอิสระมากขึ้น ขณะที่ ความสามารถในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายก็ลดลงเรื่อยๆ พร้อมกันนั้นความสามารถในการกำจัดอนุมูลอิสระก็ลดลง กลยุทธ์ที่จะสู้กับความแก่ชราคือ ต้องรับประทานอาหารที่มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ ให้มากๆ ซึ่งกล้วยไข่ 1 ขีด มีสารเบต้าแคโรทีนถึง 492 มิลลิกรัม

5. ฝรั่ง วิตามินซีก็เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ ในฝรั่ง 1 ขีด มีวิตามินสูงถึง 180 มิลลิกรัม วิตามินซีมีบทบาทในการสร้างคอลลาเจน ซึ่งทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าเต่งตึง ไม่แก่ก่อนวัย

6. แอปเปิ้ล หากวันไหนคุณหิวจนตาลาย แต่ยังไม่ถึงเวลาอาหาร ลองรับประทานแอปเปิ้ลสักลูกจะช่วยลดความหิวได้ เพราะในแอปเปิ้ลมีแป้งและน้ำตาลในรูปของโมเลกุลเดี่ยวถึง 75% ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมน้ำตาลพิเศษชนิดนี้ได้รวดเร็ว และนำไปใช้ประโยชน์ได้ในเวลาไม่เกิน 10 นาที จึงไม่รู้สึกหงุดหงิดหรืออ่อนเพลีย หากรับประทาน 2-3 ผล/วัน จะช่วยลดคอเลสเตอรอลในกระแสเลือดได้ ผลการวิจัยชี้ว่า เมื่อกรดในทางเดินอาหารย่อยสลายไขมัน และแยกคอเลสเตอรอลออกมาเสร็จสิ้นแล้ว เพคติน (เส้นใยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ) จากแอปเปิ้ล จะไปคอยดักจับคอเลสเตอรอลเหล่านั้น และพาไปทิ้งก่อนที่จะถูกดูดกลับเข้าร่างกายอีก

7. ส้ม เป็นแหล่งวิตามิน เกลือแร่ และเส้นใยธรรมชาติ การรับประทานส้มโดยไม่คายกากจะช่วยควบคุมน้ำหนักได้อีกวิธีหนึ่ง เพราะจะทำให้รู้สึกอิ่มท้องเร็ว เป็นประโยชน์สำหรับคนต้องการลดน้ำหนักได้อย่างดีทีเดียว ข้อมูลจาก http://www.healthcorners.com