ไลฟ์สไตล์
จอมพล
โชคลางต่างชาติ

คนไทยเป็นคนที่เชื่อโชคลางมากเป็นอันดับต้นๆของคนในโลกนี้ อันนี้น่าจะมาจากการมีนิสัยประจำชาติคือเชื่อง่ายและเชื่ออะไรตะพึดตะพือ การเป็นผู้เชื่อง่ายนี้น่าจะมาจากวลีที่พูดกันติดปากว่า “ไม่เชื่ออย่าลบหลู่” วลีนี้นี่เองกระมังที่เป็นต้นเหตุของความงมงายของคนในชาติไทยมาโดยตลอด

ในขณะที่ชาวไทยนั้นนับถือพุทธศาสนากว่า ๙๐ เปอร์เซ็นต์ และพุทธศาสนาก็เป็นศาสนาที่สอนให้เชื่อในเหตุผลและเชื่อในตนเอง คนไทยจำนวนมากกลับยังนับถือผีสางนางไม้และสิ่งประหลาดต่างๆ ด้วยความที่เกรงกลัวภัยที่จะมาถึงตนเองถ้าแสดงตนลบหลู่สิ่งที่คนอื่นเห็นว่าศักดิ์สิทธิ์ ทั้งๆที่ตัวเองนั้นก็มีความข้องใจและไม่เชื่อถือก็ยังคงนิ่งไว้ ด้วยเกรงภัยจะมาถึงตน เมื่อเป็นเสียเช่นนี้ ปัญญาจึงไม่เกิดเพราะกลัวเสียก่อนที่จะนำมาใคร่ครวญคิดถึงเหตุและผล

บางทีผู้เขียนก็อ่อนใจกับความเชื่อโชคลางงมงายของคนบางคน และในบางครั้งเมื่ออดไม่ได้ลองถามดูว่าทำไมจึงเชื่อ ก็ได้รับคำตอบแบบไม่ตรงคำถาม ส่วนมากจะพูดว่า “เขาว่ากันว่า” โดยที่ไม่รู้ว่า “เขา” ที่พูดถึงนั้นคือใครและมีความรู้มากน้อยแค่ไหน เพียงแต่เล่าต่อๆกันมา

เมื่อเร็วๆนี้ได้อ่านข่าวจากเฟสบุ๊คเพจ ของพระนพดล สิริวโส ลงข่าวเรื่องพระมองโกเลียไม่เน่า ดังนี้

“ตะลึง!ศพพระมองโกเลียไม่เน่า อายุกว่า 200 ปี นั่งท่าขัดสมาธิ

เว็บไซต์มิร์เรอร์ของอังกฤษรายงานว่า มัมมี่พระสงฆ์ถูกค้นพบในกรุงอูลานบาตอร์ ประเทศมองโกเลีย โดยถูกห่อถนอมไว้ด้วยหนังสัตว์อย่างดี

พระมองโกเลียอายุ 200 ปี

แต่จุดที่สร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้พบเห็นคือพระสงฆ์รูปนี้อยู่ในท่านั่ง สมาธิ ซึ่งจากการประเมินของผู้เชี่ยวชาญแล้ว ทำให้ทราบว่า มัมมี่ของท่านมีอายุ 200 ปี และกำลังถูกชันสูตรเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมอยู่

การค้นพบในลักษณะแปลกเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในโลก เพราะที่วัดคุณารามบนเกาะสมุย ประเทศไทย ก็มีมัมมี่ของหลวงพ่อแดงสวมแว่นกันแดดเก็บไว้ในตู้กระจกอยู่เช่นกัน โดยท่านมรณภาพไปเมื่อปี 2516 สร้างความสนใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนให้แก่นักท่องเที่ยวมาก

ภาพขวา หลวงพ่อแดง วัดคุณาราม เกาะสมุย

ขอบคุณข่าวสด”

ความจริงนั้นข่าวนี้ก็เป็นข่าวธรรมดาที่อ่านผ่านๆไป แต่เมื่อผู้เขียนลองเลื่อนดูคอมเม้นต์ข้างล่างของคนจำนวนมาก ต้องบอกว่ามากกว่าร้อยคนขึ้นไปที่ให้ความเห็นต่อข่าวนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นไปในทางเดียวกันหมด กว่าแปดสิบคนที่ออกความเห็นตรงกันสั้นๆว่า “สาธุ” “ขอให้โชคดี” และมีมากที่ “ขอให้ถูกหวย” หรือ “ขอให้รวย” ผู้เขียนจึงมานั่งคิดว่า คนที่เขียนเหล่านี้ คิดอะไรอยู่ การได้ยินข่าวพระเป็นมัมมี่ ไม่เน่าไม่เปื่อยนี้จะมีความอัศจรรย์สามารถดลบันดาลให้เราร่ำรวยหรือถูกหวยได้กระนั้นหรือ ถ้าหากเป็นได้จริง ทำไมจึงเป็นได้และเป็นไปได้เพราะอะไร

นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆของความเชื่อความงมงายของคนไทยจำนวนมากที่เห็นๆกันอยู่ นอกไปจากความเชื่อโชคเชื่อลางที่มีมากมายเหลือเกิน เช่น ห้ามตัดผมวันพุธ ห้ามตัดเล็บกลางคืน ห้ามร้องเพลงเวลาทำครัว หรือห้ามผู้หญิงมีครรภ์ไปงานศพ มีเหตุมีผลบ้าง ไม่มีเหตุผลบ้างสลับกันไป

อย่างไรก็ตามนั้นไม่ใช่คนไทยแต่ชาติเดียวที่มีความเชื่อโชคลางแปลกๆ ลองมาดูชาติอื่นๆกันบ้าง อ่านขำๆจะได้รู้ว่า คนชาติอื่นเขาก็เชื่อโชคลางเหมือนกัน

• คนในประเทศสเปนเชื่อว่าวันอังคารที่ ๑๓ เป็นวันซวยไม่ใช่วันศุกร์ที่ ๑๓ ทั้งนี้วันอังคารซึ่งเขียนเป็นภาษาสเปนเขียนว่า “Martes” ซึ่งมาจากคำว่า “Mars” ในยุคกลางเป็นคำที่ใช้เรียก”little evil” หรือปีศาจน้อย

• ในประเทศจีน เลข ๔ เป็นเลขอัปมงคลเพราะเสียงพ้องกับคำว่า ตาย ตึกบางตึกในประเทศจีนจึงไม่มีชั้นสี่

• ในประเทศอียิปต์ นกฮูกถือเป็นสัตว์อัปมงคล เพราะชาวอียิปต์เชื่อว่ามันจะนำข่าวร้ายมาให้กับผู้ที่พบมัน

• ในประเทศรัสเซีย เชื่อกันว่า การถือถังน้ำเปล่าๆ หรือเห็นคนถือถังน้ำเปล่าๆที่ไม่มีน้ำหรือสิ่งของอยู่ในนั้นเป็นอัปมงคล เนื่องจากในสมัยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่สองนั้น พระองค์ถูกลอบปลงพระชนม์จากคนที่ถือถังน้ำเปล่าๆ

• ในประเทศรวันดา สตรีจะถูกสอนไม่ให้กินเนื้อแพะเพราะจะทำให้หน้ามีขน

• ในประเทศฟินแลนด์ ถ้าหากฆ่าแมงมุม อีกวันหนึ่งฝนจะตก

• ในประเทศซีเนกัล ถ้าหากมีแผนการณ์จะเดินทางไปไหนหรือหยุดพักร้อน หรือจะย้ายบ้าน ห้ามบอกใครเด็ดขาดมิฉะนั้นจะไม่ได้ทำตามที่วางแผนไว้

• ในประเทศมาเลเซีย ถ้านั่งบนหมอนที่ใช้หนุนหัว จะทำให้ถูกน้ำร้อนลวกก้นหรือทำให้ก้นเป็นแผลเจ็บปวดทรมาน

• ในประเทศฝรั่งเศส เชื่อกันว่าถ้าเหยียบขี้หมาด้วยเท้าซ้ายจะโชคดี เท้าขวาจะซวย

• ในประเทศตุรกี ถ้าหากเคี้ยวหมากฝรั่งในเวลากลางคืน จะเสมือนเคี้ยวเนื้อเน่าของคนตาย

• ในประเทศเยอรมัน หากเราชนแก้วในงานเลี้ยงด้วยน้ำเปล่า จะเสมือนเป็นการแช่งให้คนในที่นั้นทุกคนตาย

• ในประเทศเกาหลีใต้ ห้ามเปิดพัดลมในห้องที่ปิดหน้าต่างทึบ เพราะจะทำให้เป็นโรคไหลตาย คือหลับตายไปเลย

• ในประเทศบราซิล ห้ามทำกระเป๋าตังค์ตกบนพื้นหรือวางบนพื้นเพราะจะทำให้จนไปตลอดชีวิต

• ในประเทศเดนมาร์ค หากบ้านไหนทำงานกระเบื้องแตก เขาจะไม่ทิ้งแต่จะเก็บสะสมไว้จนถึงวันส่งท้ายปีเก่า เพื่อจะนำไปขว้างใส่เพื่อนบ้าน การทำเช่นนี้เป็นการอวยพรปีใหม่ให้เขาโชคดี ถ้าทำที่เมืองไทยมีสิทธิตายได้

• ในประเทศทางอเมริกาเหนือ ห้ามเหยียบบนรอยแตกบนทางเท้า เพราะจะทำให้แม่ของตนปวดหลัง

• ในประเทศโปรตุเกส ห้ามเดินถอยหลัง ถือว่าจะโชคร้ายเพราะเป็นการเปิดทางให้ภูติผีตามรอยมาเข้าสิงได้

• ในประเทศอียิปต์ (อีกครั้ง) ห้ามอ้าขากรรไกรทิ้งเอาไว้เพราะจะเหมือนเป็นการตัดวิญญานในอากาศ จะทำให้ภูตผีโกรธเคือง

• ในประเทศบัลแกเรีย ถ้านกขี้ใส่จะโชคดี

• ในประเทศอิตาลี วันศุกร์ที่ ๑๗ เป็นวันโชคร้ายเพราะตัวเลขโรมัน XVII สามารถจะกลับกันเป็น VIXI ในภาษาลาตินซึ่งแปลว่า “ My life is over” (ชีวิตฉันจบสิ้น)

• ในประเทศสเปน ห้ามเดินเข้าห้องด้วยเท้าซ้าย จะโชคร้าย

• ในประเทศอินเดีย ห้ามสระผมหรือตัดผมในวันพฤหัสบดี หรือวันเสาร์ และจะยิ่งแย่ไปกว่านั้นถ้าตัดเล็บวันอังคารหรือวันเสาร์ หรือตัดเล็บตอนกลางคืน

• ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ห้ามร้องเพลงในระหว่างอาหารเย็น เพราะเหมือนกับร้องเพลงเชิญปีศาจและจำทำให้โชคร้าย นอกจากนี้ห้ามให้เพื่อนบ้านขอยืมเกลือเพราะจะโชคร้ายอย่างแรง

• ในประเทศไนจีเรีย ห้ามจูบเด็กทารกที่ปากเพราะจะทำให้เด็กโตขึ้นน้ำลายไหลตลอด

• ในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะรัฐเวอร์ม้อนต์ บ้านไร่ส่วนมากในศตวรรษที่ ๑๙ จะทำหน้าต่างใต้หลังคาเอียงๆเพื่อไม่ให้แม่มดบินเข้าออกได้ ปัจจุบันยังมีอยู่

หน้าต่างเอียงกันแม่มดในเวอร์มอนต์

นำมาเล่าสู่กันฟังสนุกๆ จะได้รู้ว่าไม่ใช่แค่คนไทยเท่านั้นที่เชื่ออะไรตะพึดตะพือ คนในโลกนี้เขาก็มีความเชื่อโชคลางแบบแปลกๆเช่นเดียวกันครับ