ไลฟ์สไตล์
จอมพล
ขอขำสักวัน
ไทเลอร์ เจ้าของเรื่องตลกในวันนี้

ผู้เขียนมีเพื่อนเฟสบุ๊คอยู่ท่านหนึ่ง เขาชื่อว่า “ไทเลอร์” ไทเลอร์เป็นคนไทยแต่มาเรียนเมืองนอกหลายปี ดูท่าทางเขาเป็นหนุ่มหล่อมีความรู้ดี แถมยังมีหุ่นเพอร์เฟคแบบสาวๆเห็นแล้วต้องเหลียวมอง ไทเลอร์เป็นหนุ่มขยันโพสท์ข้อความลงในเฟสบุ๊ค ความเป็นคนอารมณ์ดีและสนุกสนานของเขา ถ่ายทอดออกมาจากเรื่องราวตลกๆที่เขามักจะโพสท์ลงในโปรไฟน์ของเขา ผู้เขียนนั้นเป็นแฟนประจำของไทเลอร์ ชอบอ่านเรื่องที่เขานำมาลง เรื่องตลกที่เขาโพสท์เป็นภาษาอังกฤษ ทั้งนี้ก็คงเป็นเพราะไทเลอร์ถนัดภาษาอังกฤษหรือมีเพื่อนเป็นฝรั่งเสียเป็นส่วนมาก ผู้เขียนได้นำเรื่องตลกหลายๆเรื่องที่ไทเลอร์โพสท์ในโปรไฟน์ของเขามาแปลให้แฟนๆไลฟ์สไตล์ได้ขำกันสักวัน ต้องเรียนให้ทราบก่อนว่าเรื่องบางเรื่องเกี่ยวพันกับศาสนา ผู้เขียนจึงต้องเปลี่ยนตัวละครในเรื่องบ้างเพื่อมิให้มีกระทบกระเทือนผู้อ่านที่นับถือศาสนานั้นๆ


มีแต่คุณยายเท่านั้นแหละที่รู้

อยู่มาวันหนึ่งคุณยายของฉันออกไปธุระข้างนอก คุณตาจึงมีหน้าที่ดูแลฉันแทน ตอนนั้นฉันอายุได้ประมาณสองขวบครึ่ง ใครคนนึงได้ให้ชุดน้ำชาของเล่น เป็นชุดเล็กจิ๋วสำหรับเด็กเป็นของขวัญให้ฉัน และนั่นเป็นของเล่นที่ฉันชอบมากที่สุด

คุณตากำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นและกำลังใช้สมาธิอยู่กับการอ่านหนังสือพิมพ์ภาคบ่าย ในเวลาที่ฉันนำ “ชา” ถ้วยเล็กๆ ไปเสิร์ฟให้คุณตา ซึ่งจริงๆก็เป็นแค่น้ำเปล่า หลังจากดื่มน้ำชาไปหลายต่อหลายถ้วย พร้อมกับคุณตาที่ทำหน้าทำตาว่า อื้อฮือ อร่อยจังเลย คุณยายก็กลับมาบ้าน

คุณตาบอกให้คุณยายรอในห้องนั่งเล่น และคอยดูฉันเอาชามาเสิร์ฟให้ท่าน คงเป็นเพราะนี่เป็น “สิ่งที่น่ารักที่สุด” (เด็กสองขวบเดินต้วมเตี้ยมเอาชามาเสิร์ฟ น่ารักใช่ไหมล่ะ) คุณยายก็นั่งรอ และแน่นอน ฉันค่อยๆเดินมาตามทางเดินพร้อมด้วยชาในถ้วยสำหรับคุณตา และคุณยายก็นั่งมองดูคุณตาดื่มน้ำชาจนหมด

เสร็จแล้วคุณยายก็กล่าวขึ้นว่า (อย่างที่มีแค่คุณยายเท่านั้นที่รู้) “เธอรู้บ้างไหมว่ามีแค่ที่เดียวที่หลานจะเอื้อมถึงน้ำได้ก็คือโถส้วมเท่านั้น”


ชาวนาคนจีนเดินผ่านท้องนาของเขาและบังเอิญเห็นคนไทยคนหนึ่งกำลังกินน้ำจากบ่อน้ำของเขา ด้วยการวักน้ำขึ้นจากมือมือหนึ่งของเขา คนจีนจึงตะโกนบอกเป็นภาษาจีนว่า “ลื้ออย่าหลื่มน่ำจากในบ่อน่าน ฟายกาบหมูมันขี้ในนั้น”

คนไทยคนนั้นตวาดกลับทันทีว่า “ไอ้เจ๊กเอ๊ย พูดภาษาไทยสิวะ ใครจะไปเข้าใจภาษาเตี่ยมึงได้” คนจีนจึงตะโกนกลับไปว่า “ซั้ยสองมือวักน้ำซี่ จาได้หลื่มทีเดียวเยอะๆ”


มือออร์แกนของโบสถ์

มีโบสถ์เล็กๆแห่งหนึ่งในเท็กซัสที่มีนักออร์แกนสาวที่มีหน้าอกขนาดมโหฬาร หน้าอกของเธอใหญ่และกระเพื่อมไหวไปมาในเวลาที่เธอเล่นออร์แกน ซึ่งนั่นทำให้กลายเป็นจุดสนใจของบรรดาผู้ที่อยู่ในโบสถ์ ทำให้เสียสมาธิกันไปหมด

สตรีท่านหนึ่งซึ่งทำหน้าที่สำคัญในโบสถ์ได้เปรยขึ้นว่า ต้องให้นักออร์แกนนี้แก้ไขอะไรสักอย่างไม่อย่างนั้นต้องเปลี่ยนมือออร์แกนใหม่

ดังนั้นเธอจึงเข้าไปหามือออร์แกนหน้าอกภูเขาอย่างลับๆและบอกกับเธอว่า ถ้าหากเธอนำเอาผลเพอร์ซิมมอนส์ดิบมาถูกับหัวนมของเธอแล้วล่ะก้อ มันจะมีขนาดเล็กลงทีเดียว แต่ระวังอย่าไปกินเพอร์ซิมมอนส์ที่ยังดิบอยู่เพราะมันเปรี้ยวและก็ฝาด และยางของมันจะติดปากและทำให้พูดไม่ได้เลย (เพอร์ซิมมอนส์นี้ภาษาไทยเรียกว่าลูกพลับ ในบ้านเราไม่มีสดๆขาย แต่ที่อเมริกามีมาก รสชาติคล้ายละมุด แต่กรอบกว่า เวลาดิบๆฝาดและมียางมาก รับประทานไม่ได้)

สาวออร์แกนทรงโตตกลงที่จะทำตามคำแนะนำ

ในวันอาทิตย์ต่อมาบาทหลวงก็ขึ้นมาประจำบนแท่นที่ต้องพูด แล้วกล่าวงึมงัมอย่างฟังยากว่า “เอื้องอากเอดอานอี้ไอ้อ้าดอิ๊ดเอิดอึ้น อ๋ออ๊ดอานเอ้ดอึ่งอัน”(เนื่องจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ของดการเทศน์หนึ่งวัน)


ขอเรื่องของหน้าอกอีกสักเรื่อง ฮา

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีราชินีผู้เลอโฉมท่านหนึ่งมีหน้าอกสวยและมโหฬาร อัศวินนักฆ่ามังกรนามว่านิค เกิดความปรารถนาอย่างแรงกล้าต่อราชินีสาว เขารู้ว่าโทษมหันต์ที่เขาจะได้รับคือความตายหากเขาพยายามที่จะสัมผัสหน้าอกของเจ้าหล่อน แต่เขาก็อยากจะลอง

อยู่มาวันหนึ่งเขาได้เผยความลับในราคะของเขาต่อเพื่อนร่วมงาน โฮราทิโอ ซึ่งเป็นหัวหน้าแพทย์ประจำพระราชวัง โฮราทิโอนั่งคิดและบอกกับนิคว่าเขาสามารถจะทำให้นิคสมความปรารถนาได้ แต่ต้องจ่ายให้เขาหนึ่งพันเหรียญทอง

อย่างไม่ต้องคิด นิคตกลงยอมรับเงื่อนไขนั้น

ในวันต่อมา โฮราทิโอได้นำผงแป้งคันมาโรยเอาไว้ในยกทรงของราชินีตอนที่เธอกำลังอาบน้ำ ไม่นานหลังจากที่เธอแต่งตัวเสร็จ ความคันก็ทวีขึ้นอย่างมาก หมอหลวงจึงถูกเรียกตัวมารักษาโดยด่วน โอราทิโอได้ทูลต่อพระราชาและพระราชินีว่า จะต้องใช้น้ำลายพิเศษที่นำมาทาเคล้าคลึงเป็นเวลาสี่ชั่วโมง จึงจะหายคันได้ และหลังจากการทดสอบน้ำลายของประชาชนในอาณาจักรนี้ทั้งหมดแล้ว มีเพียงน้ำลายของนิคเท่านั้นที่จะรักษาอาการนี้ได้

พระราชาตกลงให้ทำตามเพื่อช่วยพระราชินี นิคถูกตามตัวมาโดยด่วน โฮราทิโอได้ยื่นยาแก้พิษผงคันให้นิคเพื่อให้เขาอมไว้ในปาก และหลังจากสี่ชั่วโมงอันหรรษาของนิคที่ได้เชยชมกับการลิ้มรสหน้าอกขนาดมหึมาของราชินีผู้เลอโฉม ความคันของราชินีหายเป็นปลิดทิ้ง และนิคก็ได้สมความปรารถนาและถูกยกย่องจากราชาและราชินีเป็นวีรบุรุษ

เมื่อกลับมาถึงบ้านพัก นิคก็พบโอราทิโอคอยอยู่พร้อมกับขอให้เขาจ่ายหนึ่งพันเหรียญทองค่าจ้าง เพราะเขาได้สมความปรารถนาแล้ว แต่นิคกลับไม่สนใจเพราะรู้ว่าถึงอย่างไรเสียโฮราทิโอก็ไม่สามารถไปฟ้องพระราชาได้ แถมยังหัวเราะใส่หน้าโฮราทิโอเสียอีก

ในวันต่อมา โฮราทิโอได้ใส่ผงคันจำนวนมากลงในกางเกงในของพระราชา พระราชาจึงให้ตามนิคมาโดยด่วน


บางทีผู้หญิงก็ถึงคราวที่จะต้องเชื่อใจสามีของเธอบ้าง

ภรรยากลับมาบ้านตอนดึกมากแล้วและก็ค่อยๆย่องเปิดประตูห้องนอนเบาๆ ใต้ผ้าห่มเธอมองเห็นขาสี่ขาแทนที่จะเป็นสองขา เธอปราดไปคว้าไม้เบสบอลและเริ่มตีอย่างสุดแรงอย่างไม่หยุดยั้ง เมื่อเธอพอใจแล้ว เธอก็เดินไปที่ครัวเพื่อที่จะดื่มน้ำ เมื่อเธอเข้าไปในครัวนั้นก็เห็นสามีนั่งอยู่ เขากำลังอ่านแม็กกาซีน พลางกล่าวว่า “ ที่รัก” “พ่อแม่ของเธอมาเยี่ยมเธอน่ะ, ฉันก็เลยให้พวกเขานอนในห้องนอนเรา เธอทักทายพ่อแม่เธอรึยัง”


ไบเบิ้ลของแม่

พี่น้องชายล้วนสี่คนจากบ้านไปเพื่อเรียนต่อมหาวิทยาลัย และพวกเขาก็กลับมาด้วยความสำเร็จ เขาเป็นหมอ เป็นทนายความและมีเงินร่ำรวยกันมาก หลายปีต่อมา พวกเขามาทานอาหารเย็นด้วยกันและคุยกันว่า ต้องการจะหาของขวัญคริสต์มาสที่ดีที่สุดแก่แม่ผู้ชราซึ่งใช้ชีวิตอยู่ในเมืองที่ห่างไกลจากเมืองที่พวกเขาอยู่

ลูกคนที่หนึ่งกล่าวว่า “ฉันจะสร้างบ้านหลังใหญ่ให้แม่ใหม่”

ลูกคนที่สองกล่าวว่า “ฉันจะใช้เงินแสนเหรียญสร้างโฮมเธียร์เตอร์ในบ้านนั้น”

ลูกคนที่สามกล่าวว่า “ฉันจะให้คนขายรถเอารถเบ๊นซ์ SL600 ล่าสุดไปส่งให้แม่”

ส่วนลูกคนที่สี่คนสุดท้ายกล่าวว่า “พี่ๆก็รู้ว่าแม่น่ะชอบอ่านพระคัมภีร์ไบเบิ้ลมากแค่ไหน และก็รู้กันอยู่ว่าท่านน่ะอ่านไม่ได้ เพราะตาไม่ดี

ฉันได้ไปพบนักเทศน์ที่เล่าให้ฉันฟังถึงเรื่องนกแก้วที่สามารถท่องพระคัมภีร์ได้ทั้งแล่ม นักเทศน์นี้ใช้เวลาถึง ๑๒ ปีที่จะสอนนกตัวนี้ และฉันก็ต้องสาบานที่จะบริจาคเงินให้กับโบสถ์ปีละ ๑๐๐,๐๐๐ เหรียญเป็นเวลายี่สิบปี เพื่อที่จะซื้อเจ้านกแก้วนี้มาให้แม่ ตอนนี้เพียงแค่แม่บอกว่าอยากจะฟังบทไหนเจ้านกแก้วก็จะเทศน์ให้ฟังได้ พี่ๆทุกคนต่างก็ประทับใจในของขวัญของน้องสุดท้อง

หลังจากคริสต์มาสผ่านไป แม่ได้ส่งจดหมายขอบคุณมาให้ เธอเขียนว่า “มิลตัน บ้านที่เธอสร้างให้แม่น่ะใหญ่เกินไป ฉันน่ะอยู่แค่ห้องเดียว แต่ต้องทำความสะอาดบ้านทั้งหลัง ถึงอย่างไรก็ขอบใจละกัน”

“มาร์วิน ฉันน่ะแก่เกินไปที่จะออกไปไหน ฉันอยู่แต่บ้าน แล้วก็ให้คนส่งของเอาพวกของกินของใช้มาส่ง ฉันไม่มีโอกาสได้ใช้รถเบ๊นซ์ของเธอเลย เธอใจดีมากขอบใจนะ”

“ไมเคิล เธอให้โฮมเธียร์เตอร์ราคาแพงพร้อมด้วยเครื่องเสียงแบบดัลบี้ นี่จุดคนได้ถึง ๕๐ คนทีเดียว แต่เพื่อนๆของฉันก็เสียชีวิตหมดแล้ว หูฉันก็ไม่ดีและตาก็เกือบมองไม่เห็นแล้ว ฉันก็เลยไม่ได้ใช้ ขอบใจที่ให้มาก็แล้วกันนะ”

สุดท้ายมัลวินที่รักที่สุด เธอเป็นลูกชายคนเดียวที่มีความคิดและใส่ใจในของขวัญที่ให้แม่มา เจ้าไก่นั้นอร่อยมากทีเดียว ขอบใจนะ”


รักลูกนะ
จากแม่

ชีวิตคู่ต้องรู้จักแบ่งปัน

ชายชราได้สั่งออร์เดอร์แฮมเบอร์เกอร์มาหนึ่งที่ เฟร้นซ์ฟรายและน้ำดื่มหนึ่งที่ เขาได้แกะห่อกระดาษแฮมเบอร์เกอร์ออกอย่างระมัดระวัง ตัดมันออกเป็นครึ่ง วางครึ่งหนึ่งไว้หน้าภรรยา จากนั้นเขาก็ค่อยๆนับจำนวนเฟร้นซ์ฟราย แบ่งออกครึ่งหนึ่งแล้ววางครึ่งหนึ่งหน้าภรรยา เขายกน้ำขึ้นดื่มหนึ่งครั้ง และภรรยาของเขาก็ยกน้ำแก้วเดียวกันนั้นอีกหนึ่งอึกเช่นกัน จากนั้นก็วางแก้วน้ำไว้ตรงกลางระหว่างคนทั้งสอง จากนั้นเขาก็เริ่มกินแฮมเบอร์เกอร์ครึ่งหนึ่งของเขา คนรอบๆมองมาและก็ซุบซิบกัน อย่างเห็นได้ชัดว่าคิดอะไรกันอยู่ “ดูซิคนแก่คู่นั้น ไม่มีเงินซื้ออาหารพอสำหรับสองคน”

หลังจากที่ชายชราเริ่มกินมันฝรั่งทอด ชายหนุ่มผู้หนึ่งได้เดินมาที่โต๊ะและเอ่ยอย่างสุภาพโดยขออนุญาตซื้อแฮมเบอร์เกอร์อีกที่หนึ่งให้ทั้งคู่ ชายชรากล่าวว่าไม่เป็นไร พวกเขาเคยชินกับการแบ่งปันทุกสิ่งทุกอย่าง คนรอบๆนั้นสังเกตเห็นว่าสุภาพสตรีชรายังไม่ได้ทานส่วนของเธอ เธอเพียงนั่งและมองสามีกินอาหารและบางครั้งก็ยกน้ำดื่มขึ้นจิบ และอีกครั้งที่ชายหนุ่มเดินมาที่โต๊ะพร้อมกับร้องขอให้เขาได้มีโอกาสซื้ออาหารอีกชุดหนึ่งให้แก่พวกเขา ครั้งนี้สุภาพสตรีชรากล่าวว่า “ไม่ต้องหรอกคุณ เราเคยชินที่จะแบ่งปันทุกสิ่งอยู่แล้ว” และในที่สุดชายชราก็รับประทานเสร็จ และใช้กระดาษแน็บกินส์เช็ดหน้าอย่างช้าๆ ชายหนุ่มอีกครั้งเดินมาที่หญิงชราซึ่งยังไม่ได้กินเลยแม้แต่คำเดียวพร้อมกับถามว่า “แล้วคุณยายรออะไรอยู่ครับ”

เธอตอบว่า ยายรอฟันอยู่


บทเรียนจากอีกาตายแล้ว

นักเรียนปีหนึ่งของโรงเรียนเพอร์ดิว เว็ท กำลังสนอกสนใจอยู่กับคลาสอนาโตมีที่กำลังศึกษาเรื่องของอีกาตายแล้ว พวกเขาล้อมรอบโต๊ะผ่าตัดและมีอีกาตายแล้วห่มด้วยผ้าขาว อาจารย์เริ่มสอนด้วยการบอกว่า “การเป็นสัตวแพทย์นั้น มีความจำเป็นที่สำคัญอยู่สองข้อในคุณสมบัติของการเป็นสัตวแพทย์ ข้อหนึ่งคือจะต้องไม่รังเกียจทุกสิ่งที่เกี่ยวกับร่างกายของสัตว์” ว่าแล้วอาจารย์ก็แสดงเป็นตัวอย่างด้วยการเปิดผ้าคลุมอีกาออก แยงนิ้วเข้าไปในก้นของอีกา ดึงออกมาแล้วก็เอานิ้วใส่เข้าไปในปาก “เอ้าทุกคนทำเหมือนกัน”

ทุกคนเกิดความขยะแขยงและหลังจากสองจิตสองใจอยู่หลายนาที พวกเขาก็ตัดใจเอานิ้วแยงเข้าไปในก้นของอีกาและเอามาดูดในปาก

หลังจากที่ทุกคนเสร็จภาระกิจอันน่าสยดสยองนี้แล้ว อาจารย์ก็มองมาที่พวกเขาและกล่าวว่า “ข้อสองซึ่งสำคัญมากที่สุดคือการดูให้ถ้วนถี่ ฉันใส่นิ้วกลางเข้าไปในก้นอีกาแต่ฉันดูดนิ้วชี้ ตอนนี้ฟังให้ดีนะ ชีวิตนี้ลำบากจะบอกให้แต่จะยิ่งลำบากมากขึ้นถ้าโง่


ถั่วแสนอร่อย

ชายหนุ่มมีเดทกับหญิงสาว และนัดกันว่าเขาจะมารับเธอตอนหกโมงตรง เขามาถึงบ้านเจ้าหล่อนสิบนาทีก่อนหกโมง ตรงไปกดกริ่งประตูที่บ้าน หญิงสาวก็วิ่งออกมารับ พลางบอกกับเขาว่า ขอเวลาแต่งตัวอีกสักประเดี๋ยวหนึ่ง จากนั้นก็พาเขาไปที่ห้องนั่งเล่น ซึ่งมีคุณยายแก่ๆของเธอนั่งดูทีวีอยู่อย่างเกียจคร้าน เธอบอกให้เขานั่งรอและนั่งคุยกับคุณยายถ้าหากเหงา จากนั้นก็วิ่งกลับขึ้นไปแต่งตัวต่อ ชายหนุ่มนั่งอย่างเก้อเขิน ยายแก่นั่นนั่งมองเขาไม่วางตา เขาเห็นจานวางอยู่บนโต๊ะ ในนั้นมีถั่วอยู่จำนวนหนึ่ง เขาจึงหยิบถั่วใส่ปากอย่างเขินๆ พลางหาเรื่องมาคุยกับคุณยาย “คุณยายทานถั่วไหมครับ” พูดพลางเลื่อนจานถั่วไปใกล้ ยายแก่มองเขาเหมือนเดิมไม่พูดอะไรได้แต่ส่ายหน้าช้าๆ ตาเมินกลับไปดูทีวีต่อ

ชายหนุ่มเก้อ พลางหยิบถั่วในจานมากินต่อ จริงๆแล้วมันอร่อยทีเดียว หวานปะแล่มๆและมันๆไม่หยอก ตลอดเวลาที่รอสาวเจ้า เขากินถั่วจนหมดจาน

หญิงสาวเดินกลับมาอย่างสวยพริ้ง ถามเขาว่า “รอนานไหม เบื่อรึเปล่าคะ” เขายิ้มและตอบว่า “ไม่หรอกครับแต่ผมกินถั่วบนโต๊ะนี้หมดเลย เพราะอร่อยมากซื้อที่ไหนครับ” หญิงสาวทำหน้าพิกล พลางตอบเบาๆว่า “ไม่ได้ซื้อหรอกค่ะ คุณยายทานช๊อคโกแล็ตเคลือบถั่วแต่ท่านเคี้ยวถั่วไม่ได้ ก็เลยคายถั่วใส่จานเอาไว้น่ะค่ะ”


เรื่องสุดท้ายนี้ไม่ใช่เรื่องขำขันแต่เห็นว่าเขียนได้ดีจึงนำมารวมไว้ด้วยกันดังนี้ พระเจ้าอาร์เธอร์กับนางแม่มด

พระเจ้าอาร์เธอร์ในวัยหนุ่มทรงถูกซุ่มโจมตีและถูกจับเป็นตัวประกันจากราชวงค์อื่นในอาณาจักรข้างเคียง พระราชาแห่งอาณาจักรนั้นต้องการจะสังหารพระองค์เสียแต่ลังเลด้วยเห็นแก่ความฉลาดหลักแหลมและความเยาว์วัยของพระเจ้าอาเธอร์ พระราชาจึงทรงให้อิสรภาพแก่พระเจ้าอาร์เธอร์ แต่มีข้อแม้ว่าภายในหนึ่งปี พระองค์จะต้องทรงตอบคำถามที่แสนยากคำถามหนึ่งให้ได้ หากพ้นหนึ่งปีแล้วไม่ทรงรู้คำตอบ พระองค์จะต้องถึงแก่ความตาย

คำถามนั้นก็คือ “อะไรคือสิ่งที่ผู้หญิงต้องการอย่างแท้จริง” ด้วยคำถามที่ชวนให้งุนงง แม้แต่ชายผู้รอบรู้ที่สุด หรืออาร์เธอร์ในวัยหนุ่ม ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะหาคำตอบ แต่เนื่องจากการเลือกตอบคำถามนั้นดีกว่าต้องยอมตาย พระองค์จึงยอมรับข้อตกลงต่อพระราชาว่าจะตอบคำถามให้ได้ภายในหนึ่งปี

พระองค์เสด็จกลับอาณาจักรของพระองค์และเริ่มต้นถามผู้คนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหญิง พระ หรือคนฉลาดทั้งหลาย หรือกระทั่งตลกในราชสำนัก พระองค์ทรงพูดกับทุกคน แต่ก็ไม่มีใครให้คำตอบที่น่าพึงพอใจแก่พระองค์เลย

คนหลายคนได้แนะนำให้พระองค์ไปปรึกษากับนางแม่มดแก่ และพากันกล่าวว่านางแม่มดเป็นคนเดียวที่รู้คำตอบ แต่ทว่าค่าจ้างในการตอบคำถามนั้นจะต้องมีราคาสูง เพราะนางแม่มดมีชื่อเสียงเป็นที่โจษจันไปตลอดทั่วราชอาณาจักรถึงเรื่องที่นางคิดราคาค่าคำตอบแพงอย่างเหลือหลาย

จนถึงวันสุดท้ายและอาร์เธอร์ก็ไม่มีทางเลือกอื่น จึงต้องจำใจไปหานางแม่มดแก่ เจ้าหล่อนตกลงที่จะตอบคำถาม แต่อาร์เธอร์ต้องตกลงเงื่อนไขค่าจ้างของเธอก่อน

นางแม่มดแก่ต้องการที่จะแต่งงานกับเซอร์แลนเซล็อต อัศวินโต๊ะกลมคนกล้าที่มีชื่อเสียงและเป็นเพื่อนสนิทของอาร์เธอร์

พระเจ้าอาร์เธอร์ทรงหวั่นวิตก นางแม่มดแก่ทั้งหลังค่อม หน้าตาน่าสะพรึงกลัว มีฟันเพียงแค่ซี่เดียว เหม็นเหมือนขยะ ทำเสียงน่าขยะแขยง และอื่นๆอีกมาก พระองค์ไม่เคยพบเคยเห็นสิ่งมีชีวิตอะไรที่น่าหวาดกลัวเท่านี้มาก่อนในชีวิต

พระองค์ปฏิเสธที่จะบังคับเพื่อนให้แต่งงานกับเธอและต้องมาอดทนอยู่กับภาระอันเลวร้ายนี้ แต่แลนซล็อตซึ่งได้ทราบเรื่องได้กล่าวกับพระองค์ว่า

ไม่มีอะไรจะยิ่งใหญ่ไปกว่าการเสียสละเพื่อแลกกับชีวิตของพระเจ้าอาเธอร์อีกแล้ว และนั่นเป็นหน้าที่ของอัศวินโต๊ะกลมไม่ใช่หรือ

สัญญาของการแต่งงานจึงเกิดขึ้น และนางแม่มดได้เฉลยคำตอบของคำถามที่ว่า อะไรคือสิ่งที่สตรีปรารถนามากที่สุด หล่อนตอบว่า สิ่งนั้นก็คือการที่สตรีจะได้ตัดสินใจในชีวิตของเธอเอง ทุกคนในอาณาจักรรู้ดีว่านางแม่มดได้เปล่งวาจาอันเป็นสัจแล้วและชีวิตของพระเจ้าอาเธอร์ก็จะได้ถูกปลดปล่อยอย่างแน่นอน

ความจริงก็เป็นเช่นนั้น พระราชาแห่งอาณาจักรนั้นได้ยกชีวิตพระเจ้าอาเธอร์ให้ และแลนซล็อตก็ต้องแต่งงานกับนางแม่มด ในงานแต่งงานที่ใหญ่โต

เมื่อถึงชั่วโมงของการฮันนีมูน แลนซล็อตแทบจะฆ่าตัวตายที่จะต้องเข้าไปในห้องสองต่อสองกับนางแม่มด แต่เขาก็เข้าไปในห้องนอน สิ่งที่เขาเห็นอยู่เบื้องหน้าหาใช่นางแม่มดแก่เน่าเหม็นแต่อย่างใดไม่ กลับกลายเป็นสาวสวยสพร่างอย่างที่เขาไม่เคยเห็นใครงดงามเช่นนี้มาก่อน แลนซล็อตเอ่ยถามอย่างงงงวยว่าเกิดอะไรขึ้น

หญิงผู้เลอโฉมกล่าวว่า เพราะท่านมีเมตตาต่อข้าในเวลาที่ข้าปรากฏกายเป็นนางแม่มด ต่อจากนี้ข้าจะปรากฏตัวน่าเกลียดน่ากลัวครึ่งเวลา และเป็นสาวงามอีกครึ่งหนึ่ง

สาวงามถามต่ออีกว่า แล้วท่านล่ะปรารถนาจะให้ข้าเป็นสาวสวยยามกลางวันหรือยามราตรี แลนสล็อตครุ่นคิดอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถ้าหากให้เธอสวยงามยามกลางวัน เขาก็จะได้ควงไปให้เพื่อนๆเห็นได้ แต่ตอนกลางคืนที่ต้องอยู่กับนางแม่มดแก่สองต่อสอง หรือว่าจะให้เป็นนางแม่มดตอนกลางวันแล้วเป็นหญิงสวยตอนกลางคืนที่เขาจะมีความสุขกับนางได้ จะเลือกอย่างไรดี


ถ้าหากเป็นคุณ คุณจะเลือกอะไร
สิ่งที่แลนซล็อตเลือกเป็นคำตอบอยู่ข้างล่าง
แต่อยากให้คุณเลือกดูก่อน
เอาล่ะ

อัศวินแลนซล็อตกล่าวว่า เขาจะให้เธอเลือกทางเดินชีวิตของเธอเอง

เมื่อได้ยินดังนั้น

นางแม่มดก็กล่าวว่านางจะเลือกเป็นหญิงสาวสวยตลอดเวลาเพราะเห็นอยู่แล้วว่าอัศวินแลนซล็อตให้เกียรติแก่เธอเพียงพอที่จะให้เธอเลือกทางเดินชีวิตของเธอเอง

เรื่องนี้สอนอะไรให้คุณบ้าง

สิ่งที่สอนคุณก็คือ ถ้าคุณไม่ให้ผู้หญิงเลือกทางเดินชีวิตของเธอเอง นั่นแหละสิ่งเลวร้ายจะเกิดขึ้น