ไลฟ์สไตล์
จอมพล
แบคทีเรีย...กินเนื้อมนุษย์
ไอมี่ โค้ปแลนด์

ไอมี่ โค้ปแลนด์ อายุ ๒๔ ปี เธอเป็นสาวน้อยงดงามจากจอร์เจีย ไอมี่ไปเที่ยวเล่นกับเพื่อน ด้วยการไปพายเรือคายัคในแม่น้ำ ลิตเติ้ล ทอลลาพูซ่า และมีการเล่น Zip-linning ซิปไลน์ นี้เป็นการละเล่นชนิดหนึ่ง ผู้เล่นจะขึ้นไปบนที่สูง อาจจะเป็นต้นไม้ หรือหน้าผา แล้วก็โหนตัวรูดลงมาตามสลิงที่ขึงไว้อีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งมักจะเป็นที่ๆต่ำกว่า โดยตัวของผู้เล่นนั้นผูกไว้กับเข็มขัดที่ห้อยบนราวสลิง แต่ซิปไลน์นิ่งที่ไอมี่ไปเล่นนี้เป็นซิปไลน์ทำเอง ซึ่งไม่แข็งแรงพอ เมื่อสลิงขาดตัวเธอก็กระแทกครูดไปกับก้อนหิน ทำให้ขาข้างหนึ่งของเธอนั้นเกิดเป็นแผลลึก ตามรายงานข่าวไม่ได้บอกว่าหลังจากนั้นเธอตกลงไปในแม่น้ำนั้นหรือไม่ แต่ที่แน่ๆเธอได้รับบาดเจ็บและถูกนำส่งโรงพยาบาล ความจริงอาการของเธอนั้นก็ไม่ได้ร้ายแรงมากนัก เป็นเพียงแผลขนาดยาวที่เย็บไว้ด้วยลวดสแต็ปเปิล ๒๒ ตัว แพทย์ให้เธอกลับบ้านพร้อมกับยาแก้ปวด แต่ความเจ็บปวดแผลนั้นไม่หยุดเธอกลับปวดมากขึ้นและกลับมาโรงพยาบาลอีกครั้ง โดยแพทย์ให้ยาต่อต้านปฏิชีวนะแก่เธอ แผลนั้นเกิดอาการลุกลามไปทั่วและเกิดอาการเน่าเฟะอย่างน่าตกใจ ทุกวินาทีที่ผ่านไปดูเหมือนขาของเธอจะถูกกัดกินด้วยเชื้อโรคชนิดหนึ่งจนในที่สุด แพทย์ต้องตัดขาของเธอข้างซ้ายของเธอออก

ในขณะนี้ไอมี่ยังอยู่ในห้องไอซียูของโรงพยาบาลออกุสต้า ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ เธอจึงพูดไม่ได้ และเธอยังไม่รู้ว่าหมอได้ตัดขาข้างซ้ายของเธอออกไปแล้วรวมทั้งนิ้วมือของเธอด้วย ในวันที่ผู้เขียนเขียนต้นฉบับนี้คือวันพุธที่ ๑๖ พฤษภาคม อาการของเธอดีขึ้นมากถึงแม้ยังพูดไม่ได้แต่กำลังใจดีขึ้นมาก อาทิตย์ที่แล้วหมอไม่แน่ใจว่าเธอจะรอดชีวิต

สิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอคือเชื้อโรคร้ายแรงที่มีชื่อเล่นว่า “Flesh-eating bacteria” หรือแปลเป็นไทยได้ว่า “แบคทีเรียกินเนื้อมนุษย์” ชื่อจริงของมันคือ “Necrotizing fasciitis” เจ้าแบคทีเรียชนิดนี้ พบได้ยากแต่ถ้าหากติดเชื้อแล้ว โอกาสที่จะเสียชีวิตสูงถึง๗๓ เปอร์เซ็นต์ อาการของโรคที่เกิดขึ้นคือจะเกิดอาการติดเชื้อจากบาดแผลที่เปิดลึกใต้ชั้นผิวหนังและแบคทีเรียจะเติบโตอย่างรวดเร็ว ปัญหาของแบคทีเรียนี้คือมันจะเติบโตในพังผืด (Fascia) ซึ่งอยู่ลึกลงไปในชั้นใต้ผิวหนังและอยู่ระหว่างไขมัน เมื่อมันเติบโตมันจะคายพิษ (Toxin) ออกมา ซึ่งเจ้าพิษนี้เองที่ทำลายเนื้อเยื่อของมนุษย์ ผู้เขียนระมัดระวังที่จะไม่ลงรูปของอาการที่เกิดขึ้นเพราะดูแล้วน่าสยดสยองและน่าหวาดกลัว ไม่เป็นที่น่าดูนัก จึงเพียงแต่บรรยายให้เห็นภาพเท่านั้น แต่หากท่านผู้อ่านได้เห็นภาพแล้วจะพบว่าทำไมหมอจึงต้องตัดอวัยวะส่วนนั้นๆออก ซึ่งผู้ป่วยส่วนมากจะเป็นตามบริเวณแขน ขา หรือใบหน้า ตลอดจนหน้าท้อง การตัดเนื้อออกก็เพื่อป้องกันไม่ให้แบคทีเรียลุกลามไป

แบคทีเรียชนิดนี้เมื่อติดเชื้อแล้วจะเหมือนแข่งกับเวลาทุกนาทีของชีวิต ผู้ป่วยจะต้องได้รับยาปฏิชีวนะที่มีฤทธิ์แรงมากที่สุดให้ทันท่วงที ความรวดเร็วของเชื้อโรคที่แบ่งตัวนี้เร็วมากจนสามารถมองเห็นด้วยตา น่าสยดสยองที่เห็นผิวหนังของเรากลายเป็นสีม่วงและปริออกทุกนาที สาเหตุสำคัญที่การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะไม่ได้ผลเต็มร้อยก็เนื่องจากเชื้อโรคนี้ดื้อยาและเติบโตในบริเวณที่มีออกซิเจนน้อยคือใต้ผิวหนังชั้นลึก และมีการไหลเวียนของเลือดต่ำ ยาที่รับเข้าทางเส้นเลือดจึงเข้าไปทำลายเชื้อไม่ได้ ต้องตัดอวัยวะนั้นออกในทันที

แบคทีเรียชนิดนี้มีอยู่ในทุกๆที่ โดยเฉพาะในแหล่งน้ำที่นิ่ง ที่ซึ่งมีซากสัตว์ไม่ว่าจะเป็นสัตว์น้ำหรือสัตว์บกตายอยู่ในน้ำนั้น แบคทีเรียชนิดนี้มีหลายเผ่าพันธุ์มีทั้งชนิดร้ายแรงมากและร้ายแรงน้อย อาการที่เกิดขึ้นก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของผู้ที่รับเชื้อ หากเป็นผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง ร่างกายก็จะต่อต้านแบคทีเรียได้ดี ในผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน โรคมะเร็ง หรือโรคอื่นๆที่ร่างกายมีภูมิต้านทานโรคต่ำ คนเหล่านี้จะติดเชื้อรุนแรงได้ง่าย ในรายของไอมี่ เธอมีสุขภาพแข็งแรงดี แต่เนื่องจากผิวหนังเปิดและมีเชื้อเข้าไปมาก รวมทั้งเชื้อชนิดที่เธอได้รับเป็นเชื้อชนิดรุนแรงที่มีชื่อว่า Aeromonas Hydrophila ซึ่งเป็นเชื้อที่ไม่ค่อยได้รับรายงานว่ามีผู้ติดเชื้อชนิดนี้มากนัก

และตามที่ได้กล่าวมาแล้วแบคทีเรียชนิดนี้มีอยู่ในทุกหนทุกแห่ง ไม่ใช่เฉพาะในแหล่งน้ำจืดเท่านั้น เท่าที่ผู้เขียนได้ค้นคว้าก็พบว่ามีผู้ป่วยมากมายที่ต้องตัดอวัยวะทิ้ง หรือเสียชีวิตจากการติดเชื้อในที่ต่างๆกัน เช่นในทะเล ซึ่งมีปริมาณน้ำมากและไหลเวียนก็มีเชื้อนี้เช่นเดียวกัน บนบกหรือตามสถานที่ต่างๆก็มีแบคทีเรียชนิดนี้อาศัยอยู่ ฉะนั้นวิธีป้องกันและปฐมพยาบาลเบื้องต้นก็คือ เมื่อเราพบบาดแผล ไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม ให้รีบล้างด้วยน้ำสะอาดและสบู่หลายๆครั้ง จากนั้นให้ใส่ยาแอนตี้ไบโอติคเพื่อฆ่าเชื้อโรคทันที บาดแผลที่มีโอกาสติดเชื้อได้สูงนั้น มักจะเป็นแผลที่ลึกลงไปกว่าชั้นผิวหนังชั้นนอก เช่นการเหยียบตะปู การโดนมีดบาดลึก หรือกระจก เศษแก้วบาดลึกนั้นจะมีโอกาสติดเชื้อแบคทีเรียกินเนื้อมนุษย์นี้มาก

อย่างไรก็ตามเราไม่ควรจะตระหนกตกใจหรือแตกตื่นกับเชื้อแบคทีเรียนี้ให้มากนัก เพราะ The National Institute of Heath หรือ สถาบันสุขอนามัยแห่งสหรัฐอเมริกา อ้างอิงจาก CDC’s Division of Bacterial and Mycotic Diseases ได้จัดเชื้อ Necrotizing fasciitis เป็นเชื้อโรคที่อยู่ในระดับ “rare disease” คือเกิดขึ้นได้ยาก ปีหนึ่งๆจะมีผู้ติดเชื้อทั่วอเมริกาประมาณ ๑๑,๕๐๐ คน และจะมี ๑,๐๐๐ ถึง ๑,๘๐๐ คนที่เสียชีวิตจากแบคทีเรียนี้ ส่วนที่เหลือต้องตัดอวัยวะทิ้ง (ตัวเลขนี้สร้างความสับสนให้กับผู้เขียน เพราะเมื่อค้นหลายๆเวปไซด์ก็พบว่ามีตัวเลขที่ต่างกัน บ้างก็ว่า ปีละ ๕๐๐ ถึง ๖๐๐ คน บ้างก็ว่าเป็นหมื่นคน)

สิ่งที่สำคัญมากอีกอย่างหนึ่งก็คือ การปฐมพยาบาลเบื้องต้นตามที่กล่าวมาแล้ว ข้อควรรู้อีกเรื่องหนึ่งคือแบคทีเรียชนิดนี้เติบโตในบริเวณที่มีออกซิเจนน้อย ออกซิเจนและการหมุนเวียนของเลือดจะชลอการแบ่งตัวของแบคทีเรีย ฉะนั้นเมื่อเกิดแผลขึ้นและแพทย์เย็บแผลด้วยเข็มหรือสแต็ปเปิ้ลก็แล้วแต่เร็วเกินไป จะทำให้แผลนั้นไม่มีออกซิเจนและเชื้อชนิดนี้จะเติบโตได้

การวินิจฉัยของแพทย์ก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากวินิจฉัยได้ถูกต้องทันเวลาก็จะสามารถตัดชิ้นเนื้อส่วนนั้นออกได้เร็วและไม่ขยายเป็นวงกว้าง การให้ยาปฏิชีวนะแก่ผู้ป่วยต้องได้รับในปริมาณมากและทันท่วงที ฉะนั้นสิ่งที่เราควรระวังคือถ้าแผลที่เกิดขึ้นมีอาการบวมอักเสบ ให้รีบเข้าห้องฉุกเฉินบอกแก่แพทย์ว่าสงสัยจะติดเชื้อทันที

ลานา กายเคนดอล กับลูกแฝดของเธอ ที่ขณะนี้กำลังต่อสู้กับแบคทีเรียกินเนื้อมนุษย์และไม่สามารถแม้แต่จะอุ้มลูกของเธอ



เรื่องของไอมี่นั้นฮือฮากันมาก สร้างความตื่นกลัวให้กับผู้คนไปทั่ว ยังไม่ทันจางหาย ผู้ติดเชื้อรายใหม่ล่าสุดเมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ที่ผ่านมานี้ได้แก่ ลานา กายเคนดอล ต้องกลับเข้าโรงพยาบาลทันทีหลังจากออกจากโรงพยาบาลที่เธอได้ให้กำเนิดลูกแฝดน่ารักน่าชัง หลังจากที่เธอออกจากโรงพยาบาลได้ ๑๓ ชั่วโมง เธอก็สังเกตเห็นจุดปรากฏขึ้นบนขาของเธอและแพร่ลามไปยังรวดเร็ว เธอได้รับความเจ็บปวดทรมานมาก และเข้าโรงพยาบาลทันที สันนิษฐานว่าจะได้รับเชื้อจากการคลอดบุตรในโรงพยาบาลนั้นเอง

นี่จึงเป็นเรื่องยืนยันอีกว่าแบคทีเรียกินเนื้อมนุษย์นี้ไม่ได้มีอยู่แต่ในน้ำเท่านั้น แต่มีอยู่ทุกที่ จึงต้องควรระมัดระวังและดูอาการที่เกิดขึ้นหากบาดแผลนี้ลึกลงไปใต้ชั้นผิวหนัง ผู้เขียนนำเรื่องนี้มาเขียนด้วยเหตุผลสองประการคือ เป็นเรื่องที่ฮือฮาและตื่นกลัวกันในหมู่ชาวอเมริกันในช่วงเวลาสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ที่มีการระดมความช่วยเหลือไม่ว่าจะเป็นการบริจาคเลือดหรือกองทุนเพื่อช่วยสาวน้อยไอมี่ ส่วนเหตุผลอีกประการคือ ผู้เขียนเห็นว่าคนไทยเรานั้นทำงานอยู่ในครัวและมีโอกาสที่จะถูกมีดบาดสูง จึงต้องขอให้ระมัดระวัง ให้ทำความสะอาดได้ดี ครัวไทยทุกที่ควรมีอุปกรณ์ปฐมพยาบาลให้พร้อม โดยเฉพาะน้ำยาล้างแผล และครีมใส่แผลที่ผสมยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อเบื้องต้น อย่าเห็นว่าเป็นบาดแผลเล็กๆน้อยๆ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องสัมผัสกับอาหารทะเล เช่นแกะกุ้ง แกะหอย แกะปลาหมึกนี้มีโอกาสติดเชื้อได้มาก ข้อมูลนี้จึงช่วยทำให้เข้าใจและระมัดระวังกับโรคได้มากขึ้นครับ