ในชีวิตของคนเราทุกคน ย่อมมีทั้งความสุขและความทุกข์ คนเรานั้นเลือกเกิดไม่ได้ แต่เมื่อเกิดมาแล้ว เราก็เลือกที่จะเป็น เลือกที่จะทำ และเลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ ไม่ว่าสถานการณ์ในชีวิตที่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไรก็ตาม
เรามักจะท้อแท้ เมื่อเวลาผิดหวัง และชอบเปรียบเทียบตนเองกับคนอื่นที่เราเห็นว่า โชคดีกว่าเรา เก่งกว่าเรา รวยกว่าเรา หน้าตาดีกว่าเรา แล้วก็มักจะน้อยเนื้อต่ำใจ บ่อยครั้งที่คิดว่า ทำไมเราไม่เกิดมาเป็นอย่างนั้นบ้าง ดีอย่างนั้นบ้าง หรือร่ำรวยอย่างนั้นบ้าง
ความคิดน้อยเนื้อต่ำใจนี้ เป็นเครื่องบั่นทอนความสำเร็จ เพราะมันทำให้เกิดความท้อแท้ มนุษย์เรานั้นต้องรักตัวเอง ชื่นชมตัวเอง แล้วจะเกิดพลัง อย่างยอมให้ความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่ามาบั่นทอนกำลังใจ
ผู้รู้ท่านจึงบอกว่า “เสียอะไรก็เสียไปเถิด แต่อย่าเสียกำลังใจ” ความทุกข์และความผิดหวังเกิดคู่กันไปกับความสุขและความสำเร็จ หากไม่มีความทุกข์ ความสุขก็ไม่เกิดนั่นเป็นสัจธรรม
หากใครก็ตามคิดน้อยเนื้อต่ำใจ ไม่เห็นความดีในตัวเอง ผู้เขียนมีเรื่องที่น่าประทับใจมาฝากให้อ่าน คัดมาจาก People Magazine เมื่อได้อ่านแล้วท่านจะเห็นว่า แม้ในความมืดมิดจนไม่มีแสงสว่างแม้แต่น้อย คนก็ยังคงยืนหยัดสู้ต่อได้ด้วยพลังใจ
น.ส.หวางเหม่ยเหลียน ชาวไต้หวัน เป็นโรคสมองพิการ (cerebral palsy) แต่กำเนิดไม่สามารถเคลื่อนไหวตามปกติ และพูดจาไม่ได้ แต่ด้วยความมุ่งมั่นและศรัทธาเธอสามารถเรียนจบปริญญาเอกจากสหรัฐฯ แล้วแสดงทัศนคติของเธอในที่ต่างๆ เพื่อให้กำลังใจและช่วยเหลือผู้อื่น
ครั้งหนึ่ง เธอรับเชิญไปบรรยายด้วยการเขียน (คนพูดไม่ได้ต้องใช้วิธีเขียน)หลังบรรยายเสร็จ มีนักเรียนคนหนึ่งตั้งคำถามว่า
“ท่านอยู่ในสภาพนี้โดยกำเนิด แล้วท่านไม่รู้สึกน้อยใจรึ? ท่านมองตัวเองอย่างไร?”
คำถามอันละเอียดอ่อนนี้ สร้างความตะลึงแก่ที่ประชุมไม่น้อย ต่างเกรงว่าคำถามนี้จะทิ่มแทงจิตใจของเธอ ปรากฏว่า เธอหันหน้าไปยังแผ่นกระดาน เขียนตัวหนังสืออย่างไม่สะทกสะท้านว่า
“ฉันมองดูตัวเองอย่างไร?” เธอหันหน้ายิ้มให้ผู้ร่วมประชุม แล้วเขียนข้อความต่อ
1.ฉันน่ารักมากและ…. ขณะนั้น ที่ประชุมเงียบกริบ ไม่มีเสียงพูดจาใดๆ เธอหันกลับมามองดูทุกคน แล้วเขียนคำสรุปบนแผ่นกระดานว่า
“ฉันมองแต่สิ่งที่ฉันมี ไม่มองสิ่งที่ฉันขาด”
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เสียงปรบมือดังสนั่นในที่ประชุมพร้อมทั้งน้ำตาที่สะเทือนใจจากหลายๆคน ณ วันนั้น ทัศนคติเชิงสุขนิยมและบทพิสูจน์ของเธอเพิ่มกำลังใจแก่ผู้คน มากมาย ผู้เป็นโรคสมองพิการผู้นี้คือ น.ส.หวางเหม่ยเหลียน ศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตจาก UCLA ผู้เคยจัดนิทรรศการภาพเขียนส่วนตัวหลายครั้งในไต้หวัน “ฉันมองแต่สิ่งที่ฉันมี ไม่มองสิ่งที่ฉันขาด” ฉันชอบทัศนคติต่อชีวิตแบบนี้ ซึ่งถูกหลักสุขภาพจิตและสบายใจด้วย ความสุขไม่ได้อยู่ที่คุณครอบครองสิ่งใดมากแค่ไหน แต่อยู่ที่คุณมีทัศนคติอย่างไรในการมองสิ่งต่างๆ
จงหันมามองสิ่งที่ดีในตัวเอง ลืมในสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ลืมอดีตที่ผ่านไป มองไปข้างหน้าแล้วทำวันนี้ให้ดีที่สุด
ผู้เขียนชอบคำกล่าวของ ออเดย์ เฮปเบิร์น ดาราอมตะผู้เป็นที่รักของคนทั่วโลกเธอกล่าวไว้เป็นภาษาอังกฤษอย่างน่าฟังว่า “Nothing is impossible, the word itself says 'I'm possible'!
คำว่า “เป็นไปไม่ได้” นั้นไม่มี เพราะคำนั้นก็บอกในตัวอยู่แล้วว่า “ ไอ แอม พอสซิเบิล” (ฉันเป็นได้)
ขอแค่อย่าหมดหวัง อย่าหมดกำลังใจ สู้ต่อไป อย่าเปรียบเทียบกับคนที่เราคิดว่าเขาดีกว่าเรา เราไม่รู้ว่าเขาผ่านอะไรมาบ้าง จนกว่าจะมาถึงจุดที่เราเห็นเขาและนั่งอิจฉาเขา บางทีถ้าเรารู้เราก็อาจจะไม่อยากเป็นเขาอีกเลยก็ได้
ขอให้มีกำลังใจกันทุกๆคนครับ