ไลฟ์สไตล์
จอมพล
๑๐ อันดับเมืองที่สวยที่สุดในโลก

น่าแปลกที่ว่าเมื่อผู้เขียนยังอายุน้อยกว่านี้ ผู้เขียนเคยมีเป้าหมายในชีวิตที่จะต้องเป็นเจ้าของธุรกิจที่เป็นของตนเอง ตั้งเป้าแล้วก็เดินตามทางนั้นเป็นเวลากว่า ๑๐ ปี ที่ผ่านร้อนหนาวและได้รู้เห็นสิ่งที่เคยคิดเคยฝันว่าอยากจะทำนักอยากจะทำหนา เมื่อมาถึงเวลาที่ทำได้จริงแล้วกลับไม่รู้สึกว่าเป็นแก่นสารและเป็นสิ่งที่จะทำให้ชีวิตมีความสุขอย่างที่เคยคิดไว้แต่อย่างใด มาจนถึงทุกวันนี้ผู้เขียนกลับคิดในทางตรงกันข้ามว่า ต่อจากนี้ไปจะไม่คิดฝันอะไรอีกต่อไป สิ่งเดียวที่อยากทำก็คือ อยากจะไปท่องโลก อยากเห็นโลกนี้ในมุมต่างๆ ไม่ต้องการสะสมสมบัติพัสถานแต่อย่างใด ขอเพียงได้ท่องเที่ยวไปทั่วโลก ชีวิตนี้ก็คงจะคุ้มค่าแล้ว เมื่อได้อ่านบทความจากในเวปไซด์ Ucityguides ได้เห็นเขาจัดอันดับเมืองที่สวยที่สุดในโลกก็จึงอดไม่ได้ที่จะพริ้นท์ออกมาและติดไว้ที่ฝาตู้เย็นเพื่อที่จะได้ตั้งเป้าเอาไว้ว่า ชีวิตนี้จะต้องไปเยือน ๑๐ เมืองที่สวยที่สุดในโลกให้ได้ ลองมาดูกันว่าเมืองที่ว่าสวยนักสวยหนานี้ ท่านผู้อ่านจะเคยไปมากี่เมืองแล้ว

อันดับที่ ๑ ของโลก Venice ประเทศอิตาลี

ไม่ว่าคุณจะถามใครก็ตามถึงเมืองที่สวยที่สุดในโลก ชื่อของเมืองนี้จะต้องสว่างวาบขึ้นมาในความคิดคำนึงแทบไปเสียทุกราย ไม่เพียงแต่ความงดงามทางสถาปัตยกรรมที่ไม่มีใครเหมือนแต่ยังเป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์แบบฉบับเป็นของตนเอง ตึกรามบ้านช่องแทบทุกตึกล้วนแล้วแต่งดงามอย่างมีศิลปะ แลเงาสะท้อนลงไปตามลำคลองที่ทอดตัดไปมาตลอดทั้งเมือง ความงดงามอย่างมีมนต์เสน่ห์ของทัศนียภาพตรึงหัวใจของผู้คนทั่วโลก ให้ย้อนกลับไปยังเมืองแห่งสวรรค์ในเทพนิยาย เวนิซได้ชื่อว่ามีเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร

อันดับที่ ๒ Paris นครปารีส ประเทศฝรั่งเศส

ทัศนียภาพแห่งแม่น้ำแซน ถนนแกรนด์บูเลอร์วาร์ด อนุสาวรีย์ที่จตุรัสใหญ่ ถนนมองมาร์ตอันงดงาม ภาพเหล่านี้ติดตรึงหัวใจของนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้ระลึกถึงความสง่างามและความคลาสสิคของนครปารีสที่เหนือไปยิ่งกว่าเมืองใดในโลก ดูเหมือนว่าปารีสจะเป็นแม่แบบของเมืองต่างๆทั่วโลกที่สร้างขึ้นภายหลัง ปารีสคือนครแห่งความฝัน ศูนย์รวมแห่งสถาปัตยกรรมและความอลังการอย่างฝรั่งเศสที่หรูหราและเริศล้ำแห่งศิลปะตะวันตก

อันดับที่ ๓ กรุงปราก (Prague) สาธารณรัฐเช็ก

กรุงปราก ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งพันยอดปราสาท (City of the thousand spires) เพราะกรุงปรากได้อนุรักษ์สถานที่อันล้ำค่าทางประวัติศาสตร์ไว้อย่างดีเยี่ยมและงดงาม ยอดปราสาทแหลมจะมองเห็นได้อย่างชัดเจนจากสะพานข้ามแม่น้ำวิตาวาโดยเฉพาะจากสะพานชาร์ลส์อันงดงาม หรือจะยืนชมความงามจากจตุรัสเก่าก็ซาบซึ้งอย่างยากที่จะลืมถึงครั้งหนึ่งในชีวิตที่ไปเยือนกรุงปราก

อันดับที่ ๔ กรุงลิสบอน (Lisbon) ประเทศโปรตุเกส

เมืองแห่งหุบเขาที่ทอดลาดลงสู่แม่น้ำทากูส ลิสบอนเป็นเมืองที่มีทัศนียภาพสวยงามที่สุดเมืองหนึ่งของโลก ว่ากันว่าความสวยงามของเมืองนี้เป็นความสวยงามอย่างไม่เสแสร้ง ตัวตึกในกรุงลิสบอนทาด้วยสีอ่อนๆเป็นส่วนมาก จึงแลดูกลมกลืนไปหมดทั้งเมือง จึงไม่น่าแปลกใจที่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนกรุงลิสบอนจะประทับใจในความสวยงามกลมกลืนอย่างคลาสสิคอย่างไม่รู้จาง

อันดับที่ ๕ กรุงริโอ เดอ จาเนโร (Rio De Janeiro) ประเทศบราซิล

มีคำกล่าวที่ว่าพระเจ้าทรงสร้างโลกเสร็จในวันที่หกแล้วใช้เวลาที่เหลืออีกวันหนึ่งสร้างเมืองริโอ เมืองๆนี้เหมือนชลอทิวทัศน์อันงดงามอย่างตะลึงลานจนเป็นเมืองที่สวยงามตามธรรมชาติแห่งหนึ่งในโลก ใครก็ตามที่ได้ไปยืนบนยอดของภูเขาสุการ์โลฟ หรือยืนอยู่ที่อนุสาวรีย์คอร์โควาโด ก็จะมองเห็นทัศนียภาพอันงดงามนี้ได้อย่างเต็มตา ในความเขียวชะอุ่มตัดทาบทาด้วยสีฟ้าครามแห่งท้องทะเล ทำให้เมืองนี้ติดอันดับเมืองที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในโลก

อันดับที่ ๖ กรุงอัมสเตอร์ดัม (Amsterdam) ประเทศเนเธอร์แลนด์

เมืองแห่งสะพานนับพันสะพาน แต่ละสะพานสามารถจะจัดได้ว่าเป็นอนุสรณ์สถานด้วยความงดงามและประวัติอันยาวนาน อาคารตึกรามบ้านช่อง ร้านค้า ร้านอาหารล้วนแล้วแต่มีความงามอย่างมีเอกลักษณ์จนทำให้เมืองนี้เป็นเมืองที่มีเสน่ห์ที่สุดเมืองหนึ่งของโลก ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็จะเห็นคลองและเรือล่องตลอดจนสะพานอันงดงามทาบทาไปด้วยสีหวานๆหลากสีของตึกรามรายรอบ ทำให้เป็นภาพที่งดงามอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว

อันดับที่๗ เมืองฟลอเรนซ์ (Florence) ประเทศอิตาลี

ฟลอเรนซ์เปรียบเสมือนสมัยเรอเนซซองส์ของอิตาลี เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของมรดกทางงานศิลปะอันเต็มเปี่ยมในปราสาทราชวังและพิพิธภัณฑ์ ไม่เพียงแต่ภายในพระราชวังแต่ยังงดงามไปทั่วทั้งเมืองจะเห็นได้จากมุมมองจากปิอาซเซล ไมเคิลแอนเจอโล เทอร์เรซในศตวรรษที่ ๑๙ ที่แลเห็นได้ไปทั่วเมือง ใจกลางของเมืองฟลอเรนซ์จะเป็นหอคอยและโดมสง่างาม สลับด้วยสะพานและทิวเขาในเบื้องหลัง โดมดูโอโม ซึ่งเป็นโดมที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่โบราณมาจนปัจจุบันตั้งเด่นอยู่กลางเมือง ด้วยทัศนียภาพเช่นนี้ฟลอเรนซ์จึงเป็นเมืองที่แสนจะตรึงตราหัวใจคนทั่วโลก

อันดับที่ ๘ กรุงโรม (Rome) ประเทศอิตาลี

เมืองนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาทั้งเจ็ดริมแม่น้ำไทเบอร์ เป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของโลก ด้วยความงดงามทางสถาปัตยกรรม ไม่ว่าจะเป็นถนนหนทาง บ้านเรือน น้ำพุ หรือรูปปั้นหินแกะสลักต่างๆ ที่งดงามเหมือนเมืองทั้งเมืองเป็นพิพิธภัณฑ์ โรมงดงามด้วยไม้ดอกไม้ประดับและความขลังอย่างอลังการอันเป็นเป้าหมายการเดินทางของคนทั้งโลกที่ต้องมาเยือนให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต

อันดับที่ ๙ กรุงบูดาเปสต์ (Budapest) ประเทศออสเตรีย

เมืองที่แยกออกมีแม่น้ำดานูบอันลือชื่อผ่ากลางเมือง กรุงบูดาเปสต์คือผลของการรวมเมืองทั้งสองเมืองเข้าด้วยกัน บูดาคือชื่อของภูเขาที่เป็นที่ตั้งของพระราชวังและกรุงเก่าที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบบาร็อก และโกธิค ฝั่งเปสต์คือตัวแทนของศตวรรษที่ ๑๙ เมื่อข้ามสะพานเชนไปยังเมืองอันสร้างด้วยศิลปอลังการในสมัยนีโอ เรอเนสซองส์ บูดาเปสต์คือเมืองอันลือชื่อด้วยความโรแมนติคและงดงามอย่างหาที่เปรียบได้ยาก

อันดับที่ ๑๐ เมืองบรูจส์ (Bruges) ประเทศเบลเยี่ยม

เมืองเล็กๆต่างจังหวัดที่ยิ่งใหญ่ในความงดงาม เป็นเมืองที่อนุรักษ์ความเก่าแก่ไว้ได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยศิลปะแบบโกธิคและบาร์รอค ล้อมรอบด้วยคลองรูปวงกลมและถนนหินเรียงอันแสนจะโรแมนติค ไม่น่าแปลกใจเลยที่เมืองนี้จะเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวปรารถนามาชมมากที่สุดเมืองหนึ่งในยุโรป ด้วยความที่อยู่ใจกลางยุโรปและเป็นเหมือนจุดหมายของผู้ที่รักเมืองแห่งศิลปะแห่งนี้

เมืองทั้ง ๑๐ เมืองนี้ ท่านผู้อ่านได้ไปมาครบหรือยัง ไม่ต้องมองหากรุงเทพฯเสียให้ยากเพราะไม่ต้องไปเทียบกับรถติดและมลภาวะ กรุงเทพฯน่าจะติดอันดับเมืองที่อากาศเสียที่สุดในโลกมากกว่าเมืองที่สวยงามที่สุดในโลก เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ จะได้ตั้งใจให้เหมือนผู้เขียนที่จะไปเยือนเมืองที่สวยที่สุดในโลกให้ครบก็เล่าให้ฟังกันบ้างว่าจะสวยอย่างที่เขาเล่าลือจริงหรือไม่