เปิดเบิ่ง

วิรัช โรจนปัญญา
เปิดเบิ่ง วันที่ 26 ตุลาคม 2556

การ แก้ไขพ.ร.บ.นิรโทษกรรมในชั้นกรรมาธิการ จากฉบับวรชัย เหมะ กลายเป็นฉบับสุดซอย ครอบคลุมถึงทุกระดับทุกฝ่าย นำมาสู่เสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง

ฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่มเกลียดชังรัฐบาล หยิบประเด็นล้างความผิดให้ทักษิณขึ้นมาชู

หวังจะปลุกม็อบครั้งใหญ่

ขณะที่ฝ่ายเสื้อแดงแสดงความไม่พอใจเช่นกัน เมื่อการล้างผิดคลุมถึงอภิสิทธิ์-สุเทพ รอดคดี 99 ศพด้วย

ที่สำคัญคดีมีความคืบหน้า มีผลการไต่สวนในชั้นศาลที่สรุปแล้ว 14 ศพ ว่าถูกปืนของเจ้าหน้าที่ภายใต้คำสั่งศอฉ.

อันจะกลายเป็นการฟ้องร้องในคดีอาญา โดยอัยการนัดชี้ปลายเดือนนี้

สรุปแล้ว ต่างฝ่ายต่างก็มีประเด็นที่ไม่สบอารมณ์ต่อการนิรโทษแบบสุดซอย!

ปฏิกิริยาเหล่านี้ อาจจะนำไปสู่การทบทวนหรือการถอยของพรรคเพื่อไทยก็ได้

แน่นอนว่า ที่พรรคเพื่อไทยต้องสนใจรับฟัง คือ ความรู้สึกของคนเสื้อแดงซึ่งเป็นฐานเสียงใหญ่

ไม่เช่นนั้น เลือกตั้งหนหน้าอาจจะไม่ได้เสียงสนับสนุนถล่มทลายอีก!?

ส่วนการเคลื่อนไหวของประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของกลุ่มนายอภิสิทธิ์นั้น ก็ใช้สไตล์เดิมไม่แปรเปลี่ยน

ไม่ต้องเชื่อมั่นในระบบรัฐสภาแล้ว ประกาศเป่านกหวีด ระดมคนเป็นแสนออกมาต้าน

นั่นต้องรอดูว่า จะมีประชาชนวงกว้างที่เห็นด้วยกับท่าทีนี้และออกมาร่วมหรือไม่

แต่ที่น่าพูดถึง คือประเด็นที่ประชาธิปัตย์พูดจาดูดีมีระดับว่า อภิสิทธิ์และสุเทพพร้อมพิสูจน์ตัวเอง ไม่ขอรับการล้างโทษแบบนี้

พร้อมกับตั้งคำถามไปยังฝ่ายเพื่อไทยและเสื้อแดงว่า ทำไมไม่กล้าพิสูจน์ความจริงในเหตุการณ์ปี 2553

ถ้าอ้างว่าไม่ได้เผาบ้านเผาเมือง จะผลักดันนิรโทษกรรมทำไม

เฉพาะประเด็นนี้ ต้องบอกว่าประชาธิปัตย์พูดข้ามข้อเท็จจริงไป!!

ข้อ เท็จจริงบอกชัดว่า เหตุการณ์ปี 53 ผ่านมา 3 ปีแล้ว 2 แกนนำประชาธิปัตย์ยังไม่ต้องเข้าคุกแม้แต่นาทีเดียว เพราะขั้นตอนคดี เดินไปได้เพียงแค่ตั้งข้อหาในชั้นพนักงานสอบสวนเท่านั้น

แกนนำของขบวนการฝ่ายเดียวกันก็เช่นกัน โดนข้อหาร้ายแรงขนาดไหน ยังไม่เคยมีใครต้องเข้าคุก

ขณะที่ฝ่ายเพื่อไทยและเสื้อแดงนั้น ติดคุกกันหัวโตกว่าจะได้ประกันตัว

ในวันนี้ยังอยู่ในเรือนจำไม่ได้ประกันตัวอีกหลายราย

ข้อเท็จจริงบอกว่า คนที่พูดดีนั้นยืนอยู่บนความได้เปรียบ!