เปิดเบิ่ง

วิรัช โรจนปัญญา
เปิดเบิ่ง วันที่ 26 พฤศจิกายน 2559

มีผู้สนใจในการรักษาโรคมะเร็งด้วยสมุนไพรไทยโทรศัพท์มาถาม ผมจึงขอนำวีรักษาของอาจารย์อุดมมาแนะนำให้เพราะดูจะน่าเชื่อถือกว่าคนอื่น

พิชิตมะเร็งด้วยสมุนไพร ตามแบบฉบับแพทย์แผนไทย

รู้กันดีว่า สมุนไพรไทยหลายชนิดมีสรรพคุณเป็นเลิศในการป้องกัน และรักษาโรคมะเร็ง ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ระยะหลังมานี้ จะมีผู้ป่วยมะเร็งหลายรายหันมาพึ่งสมุนไพรไทยเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการรักษาโรคร้าย

สำหรับสมุนไพรที่สวนสมุนไพรปลูกไว้รักษามะเร็ง ก็อย่างเช่น

ทองพันชั่ง ช่วยแก้ไข้ แก้โรคผิวหนัง แก้น้ำเหลืองเสีย แก้โรคมะเร็ง ถือเป็นตัวหลักที่ช่วยรักษามะเร็ง

พิลังกาสา ช่วยบำรุงตับ ฟื้นฟูตับแข็ง มะเร็งตับ แก้น้ำเหลืองเสียง แก้โรคเรื้อน แก้กามโรค

ข้าวเย็นเหนือ และข้าวเย็นใต้ ช่วยแก้เรื่องน้ำเหลือง มะเร็ง บำรุงร่างกายที่เจ็บไข้ได้ป่วยให้ฟื้นตัวเร็ว

ขันทองพยาบาท ช่วยบำรุงกระดูกให้แข็งแรง แก้ประดง แก้โรคเรื้อน มะเร็ง โรคคุดทะราด

ทั้งนี้ ในการรักษามะเร็งของที่สวนสมุนไพรแห่งนี้ จะเป็นการรักษามะเร็งโดยรวม ไม่ได้แยกว่าเป็นมะเร็งชนิดไหน ซึ่งอาจารย์อุดม บอกว่า ถ้าเราปรับธาตุของผู้ป่วยให้สมดุลแล้ว เขาจะมีภูมิต้านทานเพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยรักษาโรคให้ตัวเองได้ กล่าวคือ หากน้ำเหลืองสะอาดแล้ว จะช่วยให้ม้าม และต่อมน้ำเหลืองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ม้ามที่เป็นตัวขจัดเชื้อโรคให้ร่างกายก็จะไปเพิ่มภูมิคุ้มกันในตัวให้มากขึ้น ส่วนต่อมน้ำเหลืองก็จะช่วยขจัดแบคทีเรีย ไวรัส จุลินทรีย์แปลกปลอมที่เข้าไปในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เชื้อโรคก็จะลดลงไปเรื่อย ๆ

อาจารย์อุดม ยังบอกด้วยว่า ผู้ป่วยที่มายังสวนสมุนไพรแห่งนี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยมะเร็งที่มีอาการหนัก คือ แพทย์แผนปัจจุบันไม่สามารถรักษาได้แล้ว จึงเลือกมาใช้วิธีแพทย์ทางเลือก ซึ่งทางอาจารย์ก็จะรักษาให้ แต่บางรายทานยาได้ไม่กี่วันก็เสียชีวิตไปก่อน เพราะเขามาเมื่อมีอาการหนักมากแล้ว แต่หากผู้ป่วยที่อาการไม่หนักมาก สามารถอยู่ทานยาไปได้ถึง 35 วัน ส่วนใหญ่อาการจะค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม ก็ต้องทานต่อไปเรื่อย ๆ แต่อาจลดปริมาณลง เพื่อไม่ให้ภูมิต้านทานลดลง

นอกจากนี้ อาจารย์ได้แนะนำให้ผู้ป่วยมะเร็งเน้นทานอาหารชีวจิต คือ พวกผัก ผลไม้ ธัญพืช ไม่สนับสนุนให้ทานโปรตีนจากเนื้อสัตว์ เพราะโปรตีนยิ่งเข้าไปมากก็ยิ่งกระตุ้นเซลล์มะเร็งมากขึ้น จึงแนะนำให้น้ำผักผลไม้แบบปั่นรวมทุกวัน เพราะมีกากใยที่จะช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย ไม่ให้ของเสียตกค้างในร่างกาย ผู้ป่วยจะได้ฟื้นตัวเร็วขึ้น

สำหรับผู้ที่ไม่ได้ป่วยเป็นมะเร็งก็ควรจะดูแลตัวเองเช่นกัน ซึ่งอาจารย์ก็แนะนำว่า เราต้องรู้ว่า ระบบขับถ่ายเป็นเรื่องสำคัญของมนุษย์ หากถ่าย 3 วันครั้ง หรือสัปดาห์ละครั้งก็มีโอกาสเสี่ยงต่อโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ง่าย ๆ ดังนั้น ควรเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร โดยรับประทานเนื้อสัตว์ให้น้อยลง ทานผักผลไม้ที่มีกากใยให้มาก ๆ เพื่อช่วยเรื่องการขับถ่าย อย่างน้อยถ่ายวันละครั้งก็จะช่วยให้ของเสียถูกขับออกไป ไม่ถูกดูดซึมกลับเข้าไปในกระแสเลือดอีก