เปิดเบิ่ง

วิรัช โรจนปัญญา
เปิดเบิ่ง วันที่ 15 มิถุนายน 2562

ไม่ใช่เพียงแค่ เรามีการเลือกตั้งที่สร้างความงุนงงสับสนให้กับชาวบ้านมากที่สุด จากนั้นขั้นตอนการนับคะแนนก็ใช้เวลายาวนานที่สุด พอสรุปคะแนนออกมาก็ประหลาดมากที่สุด ทั้งสูตรปาร์ตี้ลิสต์พิสดารที่ปัดเศษอย่างเหลือเชื่อ ไปจนถึงผลเลือกตั้งซ่อม ที่ประชาชนแห่กันไปเลือกพรรคหนึ่ง ได้ส.ส.มา 1 ที่ แต่ส่งผลให้อีก 2 พรรค ได้บัญชีรายชื่อเพิ่มมาอีกพรรคละที่

แต่ไม่ใช่เพียงแค่นี้

เพราะตอนนี้มีกระบวนการตั้งรัฐบาลที่วุ่นวายอลหม่านมากที่สุด

เมื่อพรรคที่ได้ส.ส.ในการเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 2 ได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล โดยโหวตชนะในการเลือก นายกฯ ด้วยอาศัยส.ว. 250 เสียงมาเป็นฐาน

อีกทั้งไม่เพียงได้รัฐบาลที่ผสมพรรคการเมืองถึง 19 พรรค

แต่การเจรจาแบ่งเก้าอี้ ก็เต็มไปด้วยความเละตุ้มเป๊ะ

เปิดหน้าทะเลาะกันล้งเล้ง อย่างเปิดเผย!!

สุดท้ายเมื่อทำท่าจะตกลงกันไม่ได้ ก็จะใช้วิธีให้ส่งให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ชี้ขาดรายชื่อรัฐมนตรีและกระทรวง

ถ้าทำอย่างนี้จริงเท่ากับว่า ยังยกฐานะให้นายกฯคนนี้เป็นผู้มีอำนาจสูงสุด เช่นนี้ก็คือหัวหน้าคสช. กุมดาบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการตัดสินปัญหาที่ไม่สามารถตกลงกันได้

ซึ่งไม่ใช่ขั้นตอนการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคการ เมืองหลังการเลือกตั้งตามปกติทั่วไป!?

ทุกครั้งเขาก็มีผู้จัดการรัฐบาลทำหน้าที่เจรจาหาข้อสรุปแล้วก็จบ

ไม่เคยมีการตั้งรัฐบาลครั้งไหนที่คุยกันแล้ว ก็ต้องส่งไปให้นายกฯเป็นคนตัดสินท้ายสุด

นั่นคือรัฐบาลจากการรัฐประหารเท่านั้น ไม่ใช่รัฐบาลที่อยู่ในบรรยากาศหลังเลือกตั้ง!

แต่ก็นั่นแหละ ถึงขนาดมีสมาชิกสภาจาก “การแต่งตั้ง” มีอำนาจร่วมโหวตนายกฯด้วย ก็ทำได้เป็นครั้งแรก

เพราะฉะนั้นอะไรที่ไม่เคยเกิด ก็สามารถเกิดได้ในการเมืองยุคนี้

แต่ก็น่าคิดว่า การที่เป็นรัฐบาลมีพรรคผสมมากมายจนน่าปวดหัว จะคุมเสียงกันได้ดีหรือไม่ แถมเสียงในสภาผู้แทนฯ ก็ปริ่มน้ำสุดๆ เกิน 250 แค่ไม่กี่เสียง

แค่แบ่งเก้าอี้ก็ตีกันเละขนาดนี้แล้ว!

ต่อไปจะกลมเกลียวกันในทางยาวได้แค่ไหน

อีกทั้งกระแสจากประชาชนในสังคมต่อรัฐบาลชุดนี้ ก็ออกมาในทางที่ไม่ดีนัก

ตอนนี้เสียงบ่นที่ฮิตสุดก็คือ อุตส่าห์แห่กันไปเลือกตั้งเพื่อหวังจะได้มีอนาคตใหม่ๆ

แต่ลงท้ายได้อนาคตเดิมๆ!!