เปิดเบิ่ง

วิรัช โรจนปัญญา
เปิดเบิ่ง วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2561

“ หนูขอพูดกับ พลตำรวจเอก ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หนูจะเข้าไปมอบตัวในวันพรุ่งนี้ และจะไม่ขอประกันตัวโดยยอมให้ตัวเข้าเรือนจำโดยหนูจะไปประกันตัวเอาในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2561 เพื่อท่านจะได้แน่ใจว่า หนูจะไม่ไปร่วมก่อม็อบ ขับไล่รัฐบาล ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์นี้ โดยมีข้อแม้ว่า ท่านจะต้องปล่อยตัว บรรดานักศึกษาที่จับกุมตัวไปชุดแรก จำนวน 39 คน และชุดที่ 2 จำนวน 65 คน โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น ถ้าท่านตกลง หนูจะไปมอบตัวให้ทันที่ในวันพรุ่งนี้” เป็นเสียงร้องขอของนักศึกษาสาว “โบว์” ณัฐฐา มหัทนะ

การออกมาประท้วงครั้งนี้ของนักศึกษาสถาบันต่างๆที่มารวมตัวกัน เหมือนเป็นลางบอกให้ทราบว่าถึงเวลาที่คณะ คสช. จะต้องคืนอำนาจประชาธิปไตยให้กับประชาชนชาวไทย ตามที่เคยรับปากเอาไว้ เพราะเท่าที่ดูเหตุการณ์ต่างๆ คล้ายๆกับรัฐบาลเตะถ่วงเวลาออกไปทุกที จนเอาแน่กับเวลาไม่ได้

จาการที่รัฐบาล คสช. เลื่อนกำหนดการเลือกตั้ง ที่ให้คำมั่นสัญญากับชาวไทยและชาวโลกเอาไว้ว่าเป็นเดือนพฤศจิกายน 2561 เลื่อนไปเป็นเดือนมีนาคม 2562 และผลพวงจาก โคตรนาฬิกาหรู ที่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ นำนาฬิกาเรือนละกว่าล้านบาท มาผลัดใส่วันละ 3 เรือน สร้างความอึดอัดให้กับคนไทย ที่อยู่ในสถาพใกล้อดตายกันแล้ว มันทำให้มองเห็นว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่ห่วงชาวบ้านชาวเมืองเลย ห่วงแต่เรื่องตัวเองเป็นส่วนใหญ่

มีเหตุการณ์หลายอย่าง ที่ดูเข้าเค้าว่ามีการทุจริต คอรัปชั่น จากการกระทำของทหาร ซึ่งไม่มีใครสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ จึงกลายเป็นความอึดอัดที่คนไทยต้องใช้ความอดกลั้นสะกดเอาไว้ เมื่อฝ่ายรัฐบาลออกมาปกป้องแทน พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ จากเหตุการณ์หลายๆอย่าง มันจึงกลายเป็นการหมดสิ้นแล้วซึ่งความอดทน

4 ปีแล้ว ตั้งแต่ คสช. เข้ามามีอำนาจปกครองประเทศ นักศึกษาแทบไม่เคยมาข้องแวะให้หงุดหงิด แต่ครั้งนี้เมื่อหมดความอดกลั้น จึงมีการนัดรวมตัวกันทุกสถาบัน ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับประชาชน ได้ใช้สิทธิเสรีภาพในการปกป้องบ้านเมือง

จับตาอย่ากระพริบ คอยดูว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น หลังวันที่ 10 กุมภาพันธ์ นี้