เปิดเบิ่ง

วิรัช โรจนปัญญา
เปิดเบิ่ง วันที่ 16 พฤศจิกายน 2556

โทรศัพท์มือถือกลายเป็นปัจจัยที่ 5 สำหรับการดำรงชีวิตของคนทั่วไปตั้งแต่นายกรัฐมนตรี ลงมาถึงภารโรง และคนทั่วๆ ไป

ไปเมืองไทยคราวที่แล้ว รู้สึกประทับใจกับการที่เห็นขอทานบนสะพานข้ามถนน แถวสยามสแควร์ก็ใช้โทรศัพท์มือถือเหมือนกัน เลยดูเหมือนว่าโทรศัพท์มือถือเป็นโรคระบาดอย่างแรงชนิดหนึ่งที่ทุกคนจำเป็นจะต้องมีติดตัวไว้

คนเราสมัยนี้ดูไปคล้ายคนบ้า บางทีเดินสวนกับคนแล้วเห็นพูดอยู่เพียงคนเดียวก็นึกว่ายายคนนี้บ้าหรือไง ที่แท้เค้าใช้ Bluetooth ใส่หูคุยโทรศัพท์อยู่

ส่วนใหญ่เวลาเดินเหินจะเห็นคนยกมือข้างหนึ่งมาไว้ที่หู ทีแรกนึกว่าเขาร้องเพลง ที่ไหนได้เจ้าหล่อนกำลังพูดโทรศัพท์อยู่

เรื่องโทรศัพท์มือถือสามารถทำให้คนที่ไม่ค่อยพูดกลับกลายมาเป็นคนพูดมากเวลาใช้โทรศัพท์

เคยเห็นกับตาแบบจะจะในแอล.เอ.นี่เอง ผู้หญิงวัยประมาณ 20 กำลังเดินข้ามถนนตรงทางม้าลาย พร้อมทั้งพูดโทรศัพท์ไปด้วย โดยไม่ได้หันมามองรถที่วิ่งกันขวักไขว่อยู่บนถนนเลย แล้วเธอก็โดนรถชนเสียชีวิตในทันที อันนี้คงจะบอกได้ว่าเธอตายเพราะโทรศัพท์

โทรศัพท์มือถือทำให้คนเสียคนมามากต่อมาก เดี๋ยวนี้คนเราอยู่เฉยๆ ไม่ได้ ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องหาเรื่องไปคุยโทรศัพท์กับคนนั้นคนนี้ ไม่รู้ว่ามีธุระปะปังอะไรกันมากมายนักหนา ถึงต้องใช้โทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา

นักเล่นโทรศัพท์จริงๆ เค้าเล่นกันที่ยี่ห้อและรุ่น ต้องเป็นยี่ห้อดัง รุ่นใหม่เอี่ยม พอมีรุ่นใหม่มาใจมันก็ร่ำร้องที่จะเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่ทุกที ติดอยู่ที่โทรศัพท์ที่นี่มันมีสัญญาถึงเวลา 2 ปี ถึงจะเปลี่ยนเครื่องได้ทีหนึ่ง

เจ้านายของผมมีเงินทองล้นเหลือ แต่ใช้โทรศัพท์รุ่นเก่าโบร่ำโบราณชนิดพับได้ ใช้อินเตอร์เน็ตและอะไรไม่ได้ทั้งนั้นนอกจากใช้โทรศัพท์ กี่ปีกี่ปีก็ยังใช้โทรศัพท์เครื่องเดิมอยู่นั่นแหละ เพราะเอาไว้รับโทรศัพท์และโทรศัพท์ไปทำธุระเท่านั้น ส่วนบรรดาลูกน้องทั้งหลาย แต่ละวันเอาโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆ มาอวดกันเกือบทุกวัน

โทรศัพท์มือถือทำให้สังคมเปลี่ยนไป การพูดคุยกันแบบเผชิญหน้าลดน้อยลงไปมาก ถ้าไม่ใช่คู่รักกันก็มักจะใช้วิธีโทรศัพท์คุยกัน หรือส่งข้อความตอบโต้กัน อันหลังนี้รู้สึกจะเป็นการประหยัดค่าโทรศัพท์ไปได้มากทีเดียว

จะสังเกตเห็นได้ว่าเวลาคนมาทานอาหาร แม้จะนั่งโต๊ะเดียวกัน แต่ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ แต่ละคนก้มหน้าก้มตาส่งข้อความถึงคนนั้นคนนี้ ตอบโต้กันเพลินไปเลยทีเดียว จนแทบไม่ได้ให้ความสนใจกับคนที่นั่งข้างๆ หรือคนร่วมโต๊ะเดียวกันเลย จนมีคนให้คำนิยามสั้นๆ ของสังคมยุคนี้ว่า

“สังคมก้มหน้า”