เห็นมา เขียนไป

เห็นมา เขียนไป วันที่ 18 มกราคม 2563

เปิดหน้าศักราชใหม่ได้ไม่นาน หากมองตามหลักโหราศาสตร์ปีชวดปีนี้ก็คงตกที่ธาตุทอง แต่หากมองเปรียบเปรยตามอุณหภูมิโลกแล้ว อาจเป็นทองที่ร้อนยิ่งกว่าปีธาตุไฟ เปรียบได้กับช่วงวัยทองของมนุษย์ที่ดูจะมีการเปลี่ยนแปลงทั้งทางกายและจิตใจ ทำให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มั่นคงใช่หรือไม่? เพราะด้วยสถานการณ์ต่างๆ ในโลกตอนนี้ ที่อุณหภูมิการเมืองทวีความร้อนระอุมากขึ้นเรื่อยๆ ในหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นร้อนจริง อย่างเหตุการณ์ไฟป่าในประเทศออสเตรเลีย ที่พรากเหล่าสรรพสัตว์ และการท่องเที่ยวของออสเตรเลียไปด้วยอุณหภูมิที่ร้อนแรง หรือว่าเหตุการณ์ร้อนใจ จากภาวะการเมืองระหว่างประเทศแบบเปิดหน้าชนไม่ต้องหลบซ่อนกันต่อไป ระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน ซึ่งก่อนหน้านี้ต่างฝ่ายต่างลับ ลวง พราง โจมตีอีกฝ่ายผ่านบริบทต่างๆ ของโลก

ไม่ต่างกับบ้านเราที่มีทั้งปัญหาฝุ่น PM2.5อันเกิดจากภาวะอากาศที่เปลี่ยนไปที่วนกลับเข้ามาทำร้ายประชาชนอีกครั้ง ก็เกิดเหตุการณ์หลายๆ อย่างทางการเมืองขึ้น ซึ่งดูจะร้อนแรงไม่แพ้กัน ทั้งการเริ่มก่อตัวของการเมืองนอกสภาฯ ของฝ่ายค้านและความแตกแยกภายในพรรคการเมืองต่างๆ ของทั้งฝ่ายรัฐบาล และไม่เว้นแม้แต่พรรคฝ่ายค้าน ที่สะท้อนความเบื่อหน่ายทางการเมืองของประชาชนในตอนนี้

การเผชิญหน้ากันแบบไม่กั๊กระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน เช่นเดียวกับบรรดากูรูทางการเมืองไทยที่ต่างแสดงจุดยืนทางการเมืองของตัวเองอย่างชัดเจนในการสนับสนุนฝ่ายใด ซึ่งที่ผ่านมาส่วนใหญ่ก็ชัดเจนในการวิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะพารัฐบาลเสียงปริ่มน้ำฝ่ากระแสสังคมไปไหวหรือไม่? แต่สุดท้าย นับแต่การเข้ามาบริหารประเทศหลังจัดตั้งรัฐบาลได้ของ พล.อ.ประยุทธ์ หากมองในแง่ของการต่อสู้ภายในสภาฯ ไม่ว่าจะทั้งการประชุมวาระต่างๆ การแก้ไขข้อบังคับหรือญัตติ การตั้งกรรมาธิการเพื่อการทำงานด้านต่างๆ หรือล่าสุดในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.

งบประมาณ ก็ผ่านการพิจารณาจากที่ประชุมสภาฯ วาระ 3 ด้วยคะแนน 253 เสียง ก็ถือว่ารัฐนาวาภายใต้การบังคับการของพลเอกประยุทธ์ ก็แล่นฉิวผ่านไปได้ด้วยดี แต่ความจริงสิ่งหนึ่งที่ต้องดูกันต่อไปคือหลังจากนี้รัฐบาลประยุทธ์ จะใช้งบประมาณปี’63 นี้อย่างไร ในการกระตุ้นภาคส่วนต่างๆ ซึ่งเฉพาะเจาะจงไปถึงด้านเศรษฐกิจที่ถือเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญ และนับเป็นโจทย์ยากด้วยข้อจำกัดในด้านต่างๆ ที่ไม่ว่าใครจะเข้ามาบริหารในตอนนี้จำเป็นต้องทำการบ้านมาเป็นอย่างดี ไม่เว้นแม้แต่พลเอกประยุทธ์ใช่หรือไม่?

อย่างไรก็ดี ภายใต้ความสลับซับซ้อนของการเดินเกมการเมืองในขณะนี้นั้น ท่าทีของรัฐนาวาภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ หลังสร้างปรากฏการณ์รัฐบาลเขื่อนล้นน้ำ เอาชนะฝ่ายค้านในสภาฯ ได้อย่างเบ็ดเสร็จ ก็ดูจะเร่งเดินหน้าจัดการปัญหาในด้านต่างๆ ต่อไป ด้วยการวางหมากเสริมทัพการทำงานในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการดึงนายพีระพันธุ์สาลีรัฐวิภาค อดีตรมว.ยุติธรรม มานั่งเก้าอี้ที่ปรึกษารัฐมนตรี ควบประธานคณะกรรมาธิการศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ซึ่งนอกจากจะเป็นการเสริมความเข้มแข็งในด้านกฎหมายแล้ว ยังเป็นการวางยุทธศาสตร์ทางการเมือง เพื่อปิดจุดอ่อนกับพรรคร่วมอย่างพรรคประชาธิปัตย์ด้วยหรือไม่?

นอกจากนายพีระพันธุ์แล้ว การได้นายบรรสาน บุนนาค อดีตเอกอัครราชทูต จากประเทศญี่ปุ่น มานั่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ก็ดูจะเป็นการเติมเกมสานความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์ที่อ่อนไหวในขณะนี้ใช่หรือไม่? นอกจากการเสริมความแข็งแรงทางการเมืองและการต่างประเทศแล้ว ทางความมั่นคงเอง ก็ได้มีการดึง พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล อดีตรอง ผบ.ตร. มาเป็นที่ปรึกษานายกฯ เพื่อดูแลด้านนี้โดยเฉพาะ ซึ่งการเสริมทัพด้วยตัวผู้เล่นที่ทรงคุณค่าทั้งหลายนี้ ก็สอดรับกับจังหวะการทำงานของฝ่ายค้านที่ทวีความเข้มข้นขึ้น โดยวางบทหลักคือการซักฟอก พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมทีมงานอย่าง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ, นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย และนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ตามที่เป็นข่าวซึ่งผลที่จะออกมา หลายฝ่ายมองว่าแม้ฝ่ายค้านจะไม่สามารถเล่นงานได้อย่างที่หวัง แต่เป้าหมายที่แท้จริงคือการเปิดแผลเพื่อให้เกิดกระแสสังคมกดดันรัฐบาล เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือไม่?

กลับมาที่เกมการเมืองนอกสภาฯ ที่เข้ามาคั่นจังหวะ อย่างกิจกรรมการวิ่งไล่ลุง - วิ่งเชียร์ลุง ที่นับเป็นการเปิดพื้นที่ให้ผู้ที่เห็นต่างได้ระบายความรู้สึกผ่านกิจกรรมกีฬา ซึ่งต่อไปนี้หลายฝ่ายมองว่า คงจะได้เห็นกิจกรรมต่างๆ ที่จะสะท้อนมุมมองของประชาชนต่อการเมืองมากขึ้น ตราบใดที่กิจกรรมดังกล่าวไม่มีการล้ำเส้นกติกาของบ้านเมือง แต่อย่างไรก็ดีการจัดงานวิ่งไล่ลุง ของเหล่ากองเชียร์นั้น แม้จะมีบุคคลจากพรรคการเมืองฟากฝั่งฝ่ายค้านร่วมด้วยหลายคน ไม่ว่าจะเป็นนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, น.ส.พรรณิการ์ วานิช, นายรังสิมันต์ โรม จากพรรคอนาคตใหม่ หรือจะเป็น พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง จากพรรคประชาชาติ หรือบุคคลจากพรรคเพื่อไทย อย่าง นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง และ น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล แต่สิ่งที่เกิดขึ้นและหลายฝ่ายรู้สึกได้ คือก่อนหน้านี้ ในช่วงที่พรรคอนาคตใหม่เริ่มจัดกิจกรรมที่เป็นกระแสประชาชน พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำฝ่ายค้านกลับดูลดท่าทีการเล่นเกมการเมืองนอกสภาฯ ไม่ลงมาเดินเกมเองอย่างจริงจังในฐานะแกนนำใช่หรือไม่? ทว่าภายหลังงานวิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว เริ่มมีกระแสตอบรับจากประชาชนมามาก ก็เกิดกระแสข่าวจากคนฝั่งพรรคเพื่อไทย ที่เริ่มจะขยับบางอย่าง อย่างข่าวกรณี น.อ.อนุดิษฐ์ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ที่เตรียมนำเจตนารมณ์ของกลุ่มวิ่งไล่ลุง ไปอภิปรายในสภาฯ

อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายก็เชื่อว่าเกมการเมืองนอกสภาฯ ยังไม่สามารถจุดติดได้ในตอนนี้ แต่อาจอาศัยจังหวะความตีรวนของกระแสสังคมตอนนี้ เข้าไปเป็นเกมกดดันรัฐบาลในสภาฯ เพื่อให้เกิดการขยับหรือเปลี่ยนอะไรในตัวรัฐบาลได้บ้างเท่านั้น? อย่างไรก็ตามหากมองอีกด้าน พล.อ.ประยุทธ์เองก็อาจกำลังหาจังหวะที่จะปรับครม.อยู่แล้วด้วยก็ได้?

ภาพรวมหนึ่งปีของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะรัฐบาลจากการเลือกตั้ง จนถึงขณะนี้นั้น ก็พอจะสะท้อนการทำงานและความก้าวหน้าของฝ่ายพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลบางพรรคและฝ่ายค้าน

บางพรรคได้ในระดับหนึ่ง ในขณะที่บางพรรคเองทั้งในฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลในหนึ่งปีที่ผ่านมากลับกำลังระส่ำระสายอย่างหนักในทุกวันนี้