ดร.การุณ รุจนเวชช์
ดร.การุณ รุจนเวชช์



ตอน ๓ อาหารไทย

เป็นวันแรกที่ได้ทานอาหารไทยแสนอร่อย ด้วยวิธีการปรุงรสที่ประณีต มีครบทุกรส หวาน เปรี้ยว เค็ม เผ็ด ด้วย น้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลโตนด น้ำปลา น้ำมะขามเปียก เครื่องแกง อีกทั้งสมุนไพร ที่นำมาใช้ผสมผสานเพิ่มคุณประโยชน์ ดังที่บรรพบุรุษสืบทอดกันมาแต่กรุงสุโขทัย

ร้านอาหารไทยในกรุงเทพ มีอยู่ทุกแห่งที่มีถนนเข้าถึง ขนาด ประเภท และราคาต่างๆกัน ที่ถูก คืออาหารข้างถนน หรือ street food เป็นที่นิยมของผู้มีรายได้ไม่มากนัก รวมทั้งนักท่องเที่ยวอเมริกันหนุ่มสาวประเภท bag pack ราคามื้อหนึ่งรวมเครื่องดื่มไม่เกิน ๑๐๐ บาท

ถูกและสะดวกประมาณกัน คือศูนย์อาหาร หรือ Food Court ที่มีอยู่ในห้างสรรพสินค้า ชั้นบน อาหารเป็นอาหารพื้นบ้าน เช่น ก๋วยเตี๋ยวทุกประเภท ข้าวแกง อาหารจานเดียว ของหวาน ราคาโดยรวม ประมาณ ๒๐๐ บาท

เราทานอาหารในโรงแรมตั้งแต่วันแรก ที่ยังไม่มีโอกาสออกไปเสาะหา เพราะไม่รู้สถานที่ จนได้รับเชิญจาก อาจารย์ทินวัฒน์ มฤคพิทักษ์ สหายสนิทมาร่วม ๔๐ ปี ชวนไปทานอาทารไทย อันเป็นอาหารไทยแท้ มื้อแรกของเราที่ “รถเสบียง”

เวลา ๑๑.๓๐ คุณปราโมทย์ เพื่อนสนิท อ. ทินวัฒน์ มารับเราที่โรงแรม พร้อมด้วย คุณมาลีรัตน์ มฤคพิทักษ์ ไม่นานก็มาถึงถนนสามเสน ใกล้สถานีรถไฟ

บรรยากาศร่มรื่นด้วยไม้ใหญ่เล็ก ลำธารน้ำใส บ้านไม้ทรงเก่า สิ่งตกแต่งมีภาพรถไฟ และตัวรถไฟจำลองหลายขนาด และชนิด อันเป็นที่มาของชื่อ “รถเสบียง” ที่ทำให้นึกถึงสมัยศึกษาที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นั่งรถไฟไป มื้อเย็นไปนั่งทาน “ข้าวผัดรถไฟ” ที่ รถเสบียง

ในห้องที่จัดไว้ ดีใจที่ได้เห็น อาจารย์ สมพจน์ สิงห์สุวรรณ ผู้ประพันธ์เพลง เด่น “สายันต์รันจวร” ให้คุณดนุพล แก้วกาญจน์ ร้อง และเพลงอื่นๆอีกหลายเพลง และท่านก็ร้องเพลงได้ไพเราะน่าฟัง ท่านมากับนักร้องสาวสวย คุณเพชรา

จำไม่ได้ว่า ติดใจอาหารจานใดเป็นพิเศษ เพราะทุกอย่างพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นทอดมันรถเสบียง กุ้งนางนึ่งมะนาว และอื่นๆ ที่พิเศษสุด คือมิตรสัมพันธ์อันยาวนาน ผูกพันใจได้มากกว่ารสอาหารที่สัมผัสได้เพียงปลายลิ้น