ดร.การุณ รุจนเวชช์
ดร.การุณ รุจนเวชช์



ตอนทื่ ๑๗ All good things must come to an end. ทุกสิ่งที่ดี ย่อมมีวันสิ้นสุด

การมาประเทศไทยด้วยจุดประสงค์สี่ประการ ได้สัมฤทธิ์ผล ๑) ได้อนุเคราะห์เด็กยากไร้ได้ข้าวกิน ๒) ได้เยี่ยมพี่สาวฝ่าย ดร.ชวนชื่น อายุ ๙๐ และพี่สาวผม อายุ ๘๙ ๓) ได้พบญาติมิตรสนิท และ ๔) ได้ทานอาหารไทยแสนอร่อย รวมท่องเที่ยวประปราย

แล้วเวลาก็พามาอำลามิตรสนิทอีกกลุ่ม ตอบแทนคุณมาลีรัตน์ และคุณทินวัฒน์ มฤคพิทักษ์ที่ต้อนรับเราในวันที่สองบนแผ่นดินไทย ในช่วงโควิดระบาด “เรือนเพชร” ยังกรุณาเปิดห้องส่วนตัวให้เราเป็นพิเศษ ผมจึงมีโอกาสเชิญ อาจารย์สมภพ แสงสุวรรณ ผู้ประพันธ์เพลง “ดวงตะวันลับไป” และคู่ชีวิต และเพื่อนๆคุณทินวัฒน์ รวมทั้งแขกเชิญของผม คุณทิพวรรณ ปิ่นพิบาล ศิลปินแห่งชาติ วินัย พันธุรักษ์ รวม ๑๘ ท่าน อาหารทุกอย่างประจงจัด รวมทั้ง สุกี้ ที่ลือเลื่องไปทั่วเมือง

อิ่มหนำ ก็ถึงเวลา สำราญ ด้วยเสียงร้องที่ไร้ดนตรีประกอบ จากอาจารย์ สมภพ และคู่ชีวิต, อาจารย์ทินวัฒน์ นักพูดที่แฝงทักษะการร้องเพลงได้หลายแนว คุณทิพวรรณ ปิ่นพาล ผู้มีเสียงลึกกังวาน และศิลปินแห่งชาติ วินัย พันธุรักษ์ เสียงใสซ่า น่าฟัง

ที่สนามบินสุวรรณภูมิ งามเด่นด้วยปฏิมากรรมไทยเด่นงาม ถึงเวลาขึ้นเครื่องสู่สนามบิน Narita, Japan เครื่องใช้เวลาบินประมาณ ๖ ชั่วโมง เข้าพักผ่อนทานอาหารที่ห้อง Sagura ๒ ชั่วโมง แล้วขึ้นเครื่อง Hawaiian Airlines พนักงานต้อนรับชาย flight attendant คนเดิมที่พาเรามา ออกมาต้อนรับด้วยความดีใจที่เห็นชื่อเรา ที่จะได้ดูแลเราอย่างดีอีกคครั้ง

ก่อนจากไทยที่สนามบินสุวรรณภูมิ เสี้ยวใจยังถูกสะกิด ที่ถูกรบกวนจาก หญิงสาวกิริยาหยาบ ก้าวร้าว ตะโกน “ห้ามถ่ายรูป” และจู่โจมเข้ามาจะแย่งโทรศัพท์จากมือ ทั้งๆที่ไม่มีป้ายห้ามถ่ายรูป แต่กับ “ฝรั่ง” ยอมให้เขาถ่ายภาพ

แต่กรวดทราย ฤา จะทำลายภูผาได้ ความรักและผูกพัน ต่อประเทศไทยนั้นอยู่เหนือสิ่งใด