ได้รับโปรดเกล้าฯพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เหรียญทองดิเรกคุณาภรณ์ ปี พ.ศ. 2556
ฉบับนี้นำเสนอซีรี่ส์เรื่องราวดีๆ ของเพื่อนผองน้องพี่เรื่องที่ 2 เป็นบันทึกแสดงความยินดีกับ คุณแดง กิ่งกาญจน์ สมิตามร เพื่อนรุ่นน้องของผู้เขียน และสมาชิกวัดพุทธานุสรณ์ เมืองฟรีมอนต์ กับข่าวที่คุณกิ่งกาญจน์ ซึ่งจะขอเรียกต่อไปในบทความนี้ว่า “คุณแดง” คุณแดงเพิ่งจะได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งเหรียญทองดิเรกคุณาภรณ์ ประจำปี พ.ศ. 2556 โดยกระทรวงต่างประเทศเป็นผู้เสนอขอพระราชทานให้แก่บุคคลสัญชาติไทยที่มีถิ่นพำนักในสหรัฐอเมริกา
ณ นาทีนี้คงไม่มีใครในชุมชนไทยซานฟรานซิสโกและเบย์แอเรียที่จะไม่รู้จักคุณแดง เพราะเราจะเห็นเธอร่วมด้วยช่วยกันในกิจกรรมสังคมสม่ำเสมอ บทความนี้นอกจากจะเขียนเพื่อแสดงความยินดีกับคุณแดงแล้ว ผู้เขียนยังอยากจะนำเสนอในมุมมองบางมุมที่พวกเราอาจจะยังไม่ทราบมากนัก อาทิ ด้านครอบครัว การมาอยู่สหรัฐ ความเป็นมาของการเข้ามาร่วมกิจกรรมสังคม ความในใจเกี่ยวกับการทำงาน เป็นต้น คอลัมน์บันทึกจากเบย์แอเรียจะไม่ขอพลาดในการเป็นผู้แนะนำคุณแดงให้ได้รู้จักกันในด้านที่สังคมอาจจะไม่ทราบนะคะ โดยได้ไปสัมภาษณ์คุณแดงมาให้ได้อ่านกัน
หากว่าคำนำนี้ “sound good” น่าสนใจ ตามผู้เขียนมาอ่านบทสัมภาษณ์กัน ณ บัดนาว ค่ะ
ทราบข่าวตั้งแต่เดือนธันวาคม ปีที่แล้วค่ะ ในงานเฉลิมพระชนม์พรรษาฯ ว่า เมื่อเดือนตุลา 2556 ได้มีประกาศสำนักนายกฯ เรื่องทรงโปรดพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ และดิฉันได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้เข้ารับเหรียญทอง ยินดีเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อทราบภายหลังอีกว่าเป็นคนแรก ของคนไทยใน San Francisco อีกด้วย
เริ่มทำงานให้สังคม ก็ตั้งแต่ย้ายขึ้นมาจาก Orange County หลังแต่งงานเมื่อปี 1989 ค่ะ ที่จริงต้องขอบคุณน้องสาวที่ก่อนย้ายขึ้นมาเค้าบอกว่ามีวัดไทยชื่อ วัดพุทธานุสรณ์ อยู่ที่เมือง Fremont ก็เริ่มพาสามีเดินเข้าวัด ที่จริงคิดว่าจะแค่มาถวายอาหารเช้าวันอาทิตย์แค่นั้น และพอดีสามี อยากเรียนภาษาไทย (คงจะเตรียมไว้เวลาเมียนินทาจะได้รู้ 555) แต่เมื่อ ได้พบกับท่านเจ้าคุณพระวิเทศธรรมกวี (พระมหาประเสริฐ ในเวลานั้น) ท่านก็ได้ชวนให้ช่วยสอนภาษาไทยให้กับต่างชาติ ขณะนั้นมีเพื่อนรุ่นพี่สอนอยู่ท่านเดียว ก็เรียนท่านว่าไม่เคยสอนมาก่อนแต่ก็จะลองดู
หลังจากเริ่มช่วยสอน อย่างอื่นก็ตามมา เริ่มเข้ามาเป็นกรรมการวัด และต่อมาก็มาเป็นกรรมการทรัสตรี จนถึงปัจจุบันค่ะ ก็ได้ช่วยงานวัดมาเกือบทุกหน้าที่ ทั้งงานราษฎร์ งานหลวง และที่ภูมิใจที่สุดคือได้มีโอกาสทูลเชิญเสด็จ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาธินัดดามาตุ และท่านผู้หญิง ม.จ. พันธุ์สวลี กิติยาการ เสด็จมาเป็นองค์ประธานในงานยกช่อฟ้าเมื่อปี ค.ศ. 1996 และงานถวายผ้าพระกฐินพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว ทั้งสองพระองค์ท่านทรงมีพระกรุณาที่ให้ความเมตตากับวัดตลอดมาตั้งแต่ทรงได้มารู้จักกับวัดพุทธาณุสรณ์ค่ะ
งานนอกวัดเคยเป็นรองนายกสมาคมไทย เมื่อปี พ.ศ.2538 ปีที่คุณสมรัก Tedrow เป็นนายก และได้ช่วยเป็นกรรมการบริหารงานให้กับ กิจกรรมเมืองพี่เมืองน้อง (Sister Cities) ระหว่าง เทศบาลเมืองเชียงรายกับ เมือง Union city ซึ่งก็เป็นประโยชน์กับเด็กๆ จากเทศบาลเมืองเชียงรายได้มาเรียน ภาษา และวัฒนธรรม ของคนอเมริกันในช่วงปิดเทอม และก็ช่วยงานมาตลอดจนทุกวันนี้ค่ะ
และเมื่อเดือนตุลาคม ปีที่แล้วทางวัดพุทธาณุสรณ์ ก็ได้รับการแต่งตั้งจากกระทรวงวัฒนธรรม ให้เป็นสภาวัฒนธรรม แห่งแรกในอเมริกา ก็เลยได้งานสังคมเพิ่มขึ้นมาอีก แต่ก็น้อมรับด้วยความดีใจ เพราะดิฉันและเพื่อนๆ เราได้ร่วมงานกันอย่างสนุกสนาน และได้ทำงานเผยแพร่ศิลปวัฒธรรมกันอยู่แล้ว ที่จริงทุกงานที่ได้รับมอบหมายจากพระสงฆ์ หรือผู้ใหญ่ถือว่าเป็นงานสำคัญทั้งสิ้น และก็ดีใจที่ได้รับความไว้วางใจให้ทำงานนั้นๆ ค่ะ
เมื่อสมัยอยู่ ที่ Orange County นั้นไม่ได้เข้าสังคมไทยเลย เพราะอยู่ไกล จะเข้าไปที่วัดไทยใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ปีหนึ่งจะตั้งใจไปทำบุญ 2 ครั้งคือ วันครบรอบเสียชีวิต ของคุณพ่อและคุณย่า ก็มีโอกาสได้ทำสังฆทานให้ท่านทั้งสอง สำหรับที่เมืองไทย สมัยทำงานอยู่แถว Siam Square ร่วมกับเพื่อนๆ ทำโครงการเล็กๆ หาทุนเป็นค่าอาหารกลางวันให้เด็กๆ ที่โรงเรียนวัดสระปทุม อยู่เยื้องๆ กับที่ทำงาน ซื่อ โครงการว่า “เก็บเงินค่าขนมซื้อนมให้น้อง” แต่พอบริษัทย้ายไปอยู่ที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ และตัวเองลาออกมาอเมริกา โครงการก็ไม่ได้ต่อเนื่องค่ะ
ไม่มีอะไรมากนะคะ เรียกว่า “ตกกระไดพลอยโจน” มากกว่า จากการขอของพระสงฆ์ และก็เริ่มมีกัลยาณมิตรดี ทำให้การทำงานด้วยกันเป็นไปอย่างสนุกสนาน สังคมของที่วัดพุทธาฯ เป็นเหมือนบ้านที่สองของพวกเรา มีท่านเจ้าคุณฯเป็นผู้นำที่ประเสริฐ ให้แนวทาง และพวกเราก็ดำเนินต่อ
มาปี ค.ศ. 1985 ค่ะ ที่จริงตั้งใจจะมาเรียนหนังสือต่อแค่สองปีแล้วก็จะกลับ เพราะคุณแม่ทำใบเขียวให้บินไป บินมาอยู่หลายเที่ยว กว่าจะตัดสินใจลาออกจากงานที่ทำอยู่ที่เมืองไทย เมื่อเดือนธันวาคม ปี ค.ศ. 1984 แล้วเดินทางมา อยู่ที่อเมริกาเมื่อ เดือนมกราคม 1985 แต่พอพบสามีและแต่งงานในปี 1989 ในปีที่ San Francisco เกิด earthquake ใหญ่
คุณพ่อ คุณแม่ เป็นคนกรุงเทพฯ ค่ะ ดิฉันเป็นคนโตในจำนวนพี่น้อง 4 คน พอคุณพ่อเสีย ก็เป็นเหตุให้คุณแม่ย้ายมาอยู่อเมริกากับน้าสาว ที่ LA
คนในครอบครัวทุกคนค่ะ เริ่มจากคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย คุณพ่อ คุณแม่ ทุกท่านเป็นตัวอย่างและเบ้าหล่อหลอมให้เราเห็นตั้งแต่เด็กในการทำบุญ สร้างกุศล ช่วยเหลือคนที่ด้อยกว่า แต่เมื่อก่อนเรายังเด็กก็ไม่เห็นความสำคัญ จนเริ่มโตขึ้นได้มีโอกาสเรียนรู้มากขึ้น และได้ทำมากก็เมื่อได้ย้ายมาอยู่ที่อเมริกานี่แหละค่ะ เพราะบ้านอยู่ไม่ไกลจากวัด
ในการที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณในครั้งนี้ ก็ต้องกราบขอบพระคุณ ท่านเจ้าคุณพระวิเทศธรรมกวี เจ้าอาวาสวัดพุทธาณุสรณ์ และท่านเจ้าคุณพระราชปริยัติเวที เจ้าอาวาสวัดสุวรรณาราม และพระทุกรูป ที่ให้ความเมตตา รางวัลนี้ถือว่าเป็นความสำเร็จของสังคมชาววัดพุทธาฯ ค่ะ เพราะงานทั้งหมดทั้งสิ้นนี้ดิฉันไม่สามารถที่จะทำให้สำเร็จผลได้แต่ผู้เดียว ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือ และเมตตาจากเพื่อนพ้องน้องพี่ทั้งหลาย
เท่าที่เห็น หรือประสบกับตัวเอง สังคมไทยในเบย์แอเรียก็เป็นสังคมที่น่าอยู่ คนไทยที่นี่ยังเป็นคนที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้ความช่วยเหลือกับสังคมดีค่ะ
งานอดิเรก ไม่มีอะไรที่ชอบที่สุด ทำได้ทุกอย่างที่มีเวลา และความสามารถค่ะ
หวังว่าบทเขียนนี้คงทำให้ผู้อ่านได้รู้จักคุณแดงเพิ่มมากขึ้น ส่วนที่จบท้ายด้วยเรื่องงานอดิเรกนั้น ผู้เขียนขอเพิ่มเติมให้ว่า นอกจากงานจัดดอกไม้ที่คุณแดงจะอาสาจัดหามาประดับบนอุโบสถวัดพุทธาฯ เกือบทุกวันและในงานสำคัญๆ ของวัดแล้ว พวกเราที่อยู่ในกลุ่มนาฏศิลป์และดนตรีก็ยังดึงคุณแดงมาร่วมด้วย เริ่มแต่การ “ฟ้อนรำ” ที่คุณเธอไม่ชอบ ไม่ถนัดแต่ก็ไม่ขัดเพื่อน ตอนหลัง “โดน” จับไปนั่งตีกรับจับโหม่งในวงดนตรีไทย เพื่อนๆ ร้อง “ฮ้อ” ดูจะ “เข้าโหมดดนตรี” ได้ ก็เลยเป็นตำแหน่งที่ “โดน” ใช้งานประจำ เท่ไปอีกรูปแบบหนึ่ง ค่ะ..
จบลงด้วยการขอแสดงความยินดีอีกครั้งค่ะ
เรื่องของการ “ทำดีได้ดี” ก็ยังเป็นความจริงในโลกนี้เสมอ จะทำดีให้คนเห็นหรือไม่เห็น หาก “ใจ” ตั้งมั่น สักวัน “ฟ้า” ย่อมประจักษ์
สวัสดีค่ะ