ฉบับนี้ จะบันทึกถึงการไปเที่ยว ดิไอคอนสยาม ศูนย์การค้าที่เพิ่งเปิดใหม่ และ ณ วันนี้ คนกรุงกำลังอินเทรนด์ในการไปเดินเล่นเพื่อความเพลิดเพลินใจ เทรนด์นี้มาแรงเพราะว่าตามกรุ๊ปไลน์ของเพื่อนฝูงหลายๆ กรุ๊ปต่างก็พากันแชร์ข้อมูลนี้กันแทบทุกวันก่อนที่ศูนย์จะเปิด ซึ่งตอนนั้นดิฉันยังอยู่ในเบย์แอเรีย ก็ได้บุ๊กมาร์กเอาไว้ว่าจะต้องไปเดินดูที่นี่ให้ได้เมื่อมาถึงไทย
นับว่าเป็นสถานที่ดิฉันไปเป็นแห่งแรกเมื่อเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ โดย ดิฉัน และคุณต๋อย-วันทนา รุ่นน้องที่เดินทางมาด้วยกันก็ได้นัดหมายกันไปเที่ยว โดยที่เราอยู่กันคนละทิศละทาง ดิฉันพักอยู่อุดมสุข สุขุมวิท 103 คุณต๋อยอยู่แถวลาดพร้าว อีกคนอยู่สาทร การนัดที่ดีที่สุดก็คือพบกันตามสถานีรถไฟฟ้า จุดนัดพบคือสถานีรถไฟฟ้าสุรศักดิ์ ใกล้โรงพยาบาลเซ็นต์หลุยส์ เพื่อนคนที่มีรถก็มารับเรา เพื่อนคนนี้เป็นคนเก่าคนแก่รุ่นบุกเบิกซานฟรานด้วยกัน คือคุณจุฬาลักษณ์ พรหมดวง คนรถของ “จุ” พาเราไปส่งที่ท่าเรือสาทร (ตากสิน) ซึ่งที่นั้นมีเรือของห้างมารอรับผู้โดยสารที่จะไปไอคอนสยามทุกๆ สิบห้านาที ในการลงเรือไปใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาที ท่ามกลางลมพัดจากลำน้ำเจ้าพระยาทำให้คลายร้อนนได้บ้าง
คนที่ตื่นเต้นในการนั่งเรือข้ามฟากที่สุดกลายเป็นคนที่อยู่เมืองไทย “จุ” บอกไม่เคยนั่งและชอบใจมากมาย แถมเธอประหลาดใจมากๆ ที่เพื่อนอย่างดิฉันสามารถนั่งรถไฟฟ้าและลงเรือด่วนได้อย่างคล่องแคล่วจนเป็นไกด์ให้เพื่อนฝูงได้อย่างสบาย ทั้งนี้และทั้งนั้นดิฉันจะชินกับการลงเรือด่วนเข้าไปแถวใจกลางเมืองเช่น สุริวงศ์ สนามหลวง เป็นต้น เพราะรวดเร็วและสะดวกกว่าการนั่งแท็กซี่ด้วยซ้ำ
เรือพาเราข้ามฝั่งมาถึงท่าเรือของไอคอนสยามซึ่งดิฉันไม่กล้าฟันธงว่านั่นคือท่าเรือเก่าของคลองสานหรือว่าทางห้างสร้างขึ้นใหม่ เหมือนกับที่ได้ยินมาว่าทางห้างกำลังสร้างสถานีให้รถไฟฟ้าสายสีทองให้วิ่งเชื่อมต่อมาจากบริเวณรถไฟฟ้าบีทีเอสตากสินมายังถนนเจริญนคร (ถนนที่ตั้งไอคอนสยาม) สุดทางที่โรงพยาบาลตากสิน คลองสาน
ท่าเรือดังกล่าวนี้ขอให้ผู้อ่านนึกภาพมาจากฝั่งกรุงเทพฯ จะอยู่ตรงข้ามกับโรงแรมเชอราตัน ทางด้านฝั่งธนบุรีจะอยู่บนถนนเจริญนคร หากว่าใครจะเดินทางมาทางถนนเจริญนคร ก็จะเข้าประตูด้านหน้าของห้างซึ่งจะมีรูปปั้นตุ๊กตานางกวักขนาดใหญ่ไว้ให้ผู้คนไปถ่ายรูปกัน ซึ่งเรียกว่าเป็นจุดที่คนสนใจไปเก็บภาพที่ระลึกกันมากทีเดียว
ส่วนพวกเราวันนั้น เราเดินเข้าห้างทางด้านท่าเรือ เดินผ่านลานใหญ่มีสระน้ำที่ตั้งน้ำพุไว้แสดงแสงเสียงสียากลางคืน เชื่อเหลือเกินว่าคงจะสวยงามโดยมีแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นแบคกราวด์ อันนี้ดิฉันเองก็ยังไม่ได้สัมผัสสถานที่นี้เวลาากลางคืนจึงมิอาจบรรยายให้อ่านได้นะคะ จากนั้นเราก็เดินผ่านร้านรวงไปจนถึงด้านในของลานที่มีชื่อว่า “สุขสยาม” ตรงนี้ล่ะค่ะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินกันเต็มไม่นับคนไทยที่มาเที่ยวกัน ทำให้ลานนี้ดูคึกคักขนาดว่าคุณอาจจะเดินพลัดหลงกับเพื่อนๆ ได้เลย
ลานเมืองสุขสยามนี้ดิฉันอ่านมาว่าทางผู้บริหารเขาตั้งใจจะสร้างสรรค์ นำเสนอศิลปะวัฒนธรรมไทย ทั้งฝ่ายชุมชนในวิถีไทย โดยผู้ประกอบการรายย่อยระดับท้องถิ่นจาก 77 จังหวัดทั่วไทย จะนำผลิตภัณฑ์และผลงานภูมิปัญญาไทย จาก 4 ภูมิภาคหลักของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น อาหาร งานศิลปะ หัตถกรรมงานฝีมือ เวชศาสตร์ การแสดงการละเล่นพื้นบ้าน และภูมิปัญญาท้องถิ่นทั่วประเทศไทยมาไว้ในพื้นที่เดียวกัน
พวกเรามาถึงลานเมืองสุขสยามนี้เวลาก่อนเที่ยงวัน ดังนั้นสิ่งแรกที่เราพุ่งเข้าหาก็คือ “อาหาร” โดยที่เราต่างแยกย้ายไปหาของที่ชอบๆ ปัญหาของเราไม่ได้อยู่ที่การหาอาหารกิน แต่อยู่ที่การหา “ที่นั่งกิน” เพราะว่าการที่เขาจัดเป็นลานอาหารเขาไม่ได้จัดที่นั่งไว้เพียงพอ ดังนั้นการละเล่น “เก้าอี้ดนตรี” จึงมีขึ้นโดยไม่มีกติกาและมีกรรมการ ใครใคร่แย่งก็แย่ง การจองที่เผื่อคนที่ยังไม่ได้มานั่ง เราจะโดน “กรรมการนอก” นั่นก็คือคนที่เขาคอยจ้องจะนั่งที่พร้อมจะส่งสายตาตำหนิติเตียนเรา ทนได้ก็ทนไป คนที่ทนได้มากที่สุดคือนักท่องเที่ยวต่างชาติ อย่าให้เอ่ยเลยว่าชาติพันธุ์ใด เขาจะไม่สนใจ คนหนึ่งนั่งจองไว้เป็นสิบๆ ที่ แต่คนกลุ่มนี้คนไทยส่วนใหญ่จะ “ยอม” ยกให้เพราะคงคิดว่าไม่อยากมีปัญหากับคนที่มาเที่ยวบ้านเรา
โชคดีที่พวกเราได้ที่นั่งและได้อาหารที่ตัวเองอยากกิน นำมาแบ่งปัน เอร็ดอร่อยกับทุกสิ่งที่ซื้อมา นัยว่าพ่อค้าแม่ขายที่มาขายในจุดนี้ได้เป็นผู้ที่ได้ผ่านการคัดเลือกมาแล้วว่าอาหารของแต่ละเจ้านั้นเข้าขั้น “ดีเด่น” ดิฉันได้กินยำส้มโอสมุนไพร แถมด้วยผัดหมี่โคราชรสจัดจ้าน...อร่อยสมอยากค่ะ
เมื่อกินอิ่มหนำสำราญเราก็ออกเดินชมสินค้า ซี่งโซนนี้เขามีทั้งอาหาร ขนม และของที่ระลึก แล้วเราก็พบว่าเราเลือกซื้ออาหารนั่งกินเร็วไป เพราะว่าเราไม่ได้เดินรอบโซนสุขสยามก่อน เห็นอาหารกลุ่มแรกก็ซื้อเลย จึงพลาดโซนที่ตลาดน้ำมีเรือขายของ เช่น ก๋วยเตี๋ยวเรือ และขนมไทยแบบโบราณ
เราเดินผ่านศาลาแสนสุข ที่สิ่งจำลองแสดงสัญญลักษณ์ไทยต่างๆ อาทิ โรสีข้าว ผ้าไทย งานไม้แกะสลัก ช้างไม้ ฆ้องโหม่ง เป็นต้น เราก็ทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวถ่ายรูปกันอย่างเพลิดเพลินเจริญอารมณ์
เพื่อนจุชักชวนให้ไปชั้นบนเพื่อชมห้างญี่ปุ่นใหญ่ที่มาเปิดสาขาที่นี่เป็นแห่งแรก ชื่อห้าง สยามทาคาชิมาย่า ใหญ่โตมากมีพื้นที่ขายสินค้า ร้านอาหาร และซุปเปอร์มาเก็ตถึงเจ็ดชั้น จัดพื้นที่สวยงามน่าจับจ่ายมากจนเพื่อนจุของเราอดใจไม่ได้ ต้องเสียเงินช้อปปิ้ง ณ ห้างญี่ปุ่นชื่อดังแห่งนี้จนได้
ลดเลี้ยวออกจากพื้นที่ห้างญี่ปุ่น เราก็มุ่งหน้าไปสำรวจอีกร้านดังที่ใครๆ ก็อยากมาดู นั่นก็คือ Apple Store ซึ่งเป็นร้านค้าแห่งแรกของแอปเปิ้ลที่มาลงทุนในไทย โดยจะมีการขายสินค้าของแอปเปิ้ลอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ก็ยังมีการจัดอบรมคอร์สต่างๆ ในวันที่ไปนั้นมีการสาธิตการเล่นแอปพลิเคชั่นอะไรสักอย่าง เห็นเด็กนักเรียนวัยประถมนั่งฟังวิทยากรกันด้วยความสนใจยิ่ง
ท่านที่จะเข้าไปเยี่ยมชมร้านนี้เตรียมตัวเตรียมใจเบียดเสียดไปกับผู้คนที่เข้ามานะคะ เพราะว่ามีหลากประเภท ประเภทที่มาชมและสนใจซื้อสินค้าจริงๆ มีไม่มาก แต่ที่เข้ามานั่งเล่นเน็ตและคุยกันมีมากกว่า แถมทางร้านยังเปิดประตูด้านที่มองเห็นแม่น้ำให้คนออกไปชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา และเป็นที่ที่ใครๆ ที่มาไอคอนสยามจะต้องมาถ่ายรูปกับวิวที่มี แบ็กกราวด์เป็นแม่น้ำ และมองเห็นโรงแรมชื่อดังทางฝั่งพระนคร และอีกมุมก็มองเห็นตึกระฟ้าทางด้านฝั่งธนฯอีกด้วย (ช่วงที่ดิฉันไปเที่ยวครั้งที่สองหลังจากไปกับเพื่อนที่เล่าถึงแล้วนั้น) ทางระเบียงของแอปเปิ้ลสตอร์มีต้นคริสมาสต์ประดับไฟสวยงามให้คนได้มีความสุขกับการถ่ายภาพอีกด้วย ถือว่าร้านนี้เป็นอีกหนึ่งของแรงดึงดูดใจสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติโดยแท้
เล่ามายาว เล่ามามาก คงได้เวลายุติเที่ยวไอคอนเสียที ที่เล่ามานี้จากประสบการสองครั้ง และคงขอไม่เอ่ยถึงข้อมูลรายละเอียดของศูนย์การค้านี้ ที่ว่ามีที่มาที่ไป มีเนื้อที่เท่าไร ใครเป็นเจ้าของ เรื่องนี้ท่านผู้อ่านจะหาอ่านได้ไม่ยากทั้งคลิกไปหาในกูเกิล หรือตามบทเขียนที่มีมากมายในเว็บไซต์ดังๆ ทั้งหลาย
ถามว่าสนุกไหม ดีไหม จะไปอีกไหมคำตอบก็คือสนุกที่ไปกับเพื่อน ดีไหม ดีที่ได้มีโอกาสไปเยือน จะไปอีกไหม ก็อาจจะไปถ้ามีเพื่อนชวน แต่ถ้าจะให้ไปเองเพื่อไปซื้อของที่ห้างก็คงขอคิดดูก่อน เพราะร้านแบรนด์เนมต่างๆ นั้น ที่ศูนย์การค้าดังๆ อื่นๆ ก็มี และยังมีคน (กล้า) เข้าไปเดินมากกว่า ที่นี่นั้นร้านแบรนด์เนมเหล่านี้จัดสวยงาม ดูหรูจนไม่ค่อยมีใครกล้าเข้าไปเท่าไร เห็นพนักงานขายแต่งตัวสวย เลิศ ยืนรอบริการอยู่แต่เกือบทุกร้านดูว่างเปล่าไม่ค่อยมีคน (กล้า) เข้า
ตอนนี้ไปจนเทศกาลปีใหม่ก็คงจะมีคนไปเที่ยวกันแน่นขนัด แต่หลังเทศกาลจะเป็นอย่างไรก็คงต้องดูต่อไป ไปดูวิว ไปถ่ายรูป เยส..ไปกินอาหารที่เขาคัดเลือกมาจากหลากชุมชน เยส..ไปช้อปปิ้ง..ดิฉันคงถอย
อย่างไรก็ดี หากผู้อ่านในต่างประเทศได้ไปเที่ยวไทย ก็โปรดอย่าพลาดไปเยี่ยมเยียนไอคอนสยามนะคะ ดิฉันยังเชียร์อยู่ค่ะ ของอย่างนี้ขึ้นอยู่กับความชอบและรสนิยมส่วนตัวจริงๆ นะคะ
ก็ขอจบการเล่าขานเรื่องราวไปเที่ยวไอคอนสยามเดือนธันวาคม 2561 ไว้แต่เพียงนี้ โอกาสหน้าจะมาร่ายยาวเรื่องไปชมโขนที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งชาติมาให้ฟังกันค่ะ
และถือโอกาส สวัสดีปีใหม่ 2562 มายังท่านผู้อ่านทุกท่านนะคะ ขอให้ประสบโชค ประสบสุข มีพลานามัยแข็งแรง ตลอดปีใหม่นี้นะคะ
เพ็ญวิภา โสภาภัณฑ์
บันทึก