บันทึกจากเบย์แอเรีย
เพ็ญวิภา โสภาภัณฑ์



อาลัยพี่น้อมจิตต์ พิชัยศรแผลง คนดีของชุมชนไทยในซานฟราน

ต้องขออภัยที่ห่างเหินรายงานกิจกรรมสังคมในแคลิฟอร์เนียภาคเหนือไปนาน และเมื่อกลับมาเขียนได้ก็มีเรื่องให้เขียนถึงมากมาย ก็จะพยายามทยอยลงเรื่องสำคัญสำคัญให้ได้รับทราบกัน รวมทั้งผู้เขียนเองก็ยังติดส่งงานเขียนบันทึกที่ไปเที่ยวเมืองไทยมาเมื่อปลายปี ซึ่งได้ไปเที่ยวชมและร่วมกิจกรรมน่าสนใจหลายแห่ง ทว่ามีโอกาสเขียนส่งมาให้ได้อ่านเรื่องเดียวคือเรื่องการไปชมละครเพลงเวที เรื่อง “โหมโรง” และกำลังร่ายยาวถึงการไปชมโขนมาถึงสามเรื่อง ซึ่งคงต้องขอผลัดไปฉบับหน้านะคะ เพราะว่ามีเรื่องสำคัญที่อยากจะนำมาบันทึกในฉบับนี้

นั่นก็คือข่าวการสูญเสียบุคคลที่เป็นที่เคารพนับถือของชุมชนไทยในซานฟรานซิสโกและเบย์แอเรีย นั่นก็คือ พี่น้อมจิตต์ พิชัยศรแผลง ไปอย่างไม่มีวันกลับด้วยวัย ๘๘ ปี เมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๙

ผู้เขียนรู้จัก “พี่น้อม” ในวันแรกที่มาถึงแคลิฟอร์เนีย เมื่อปี ค.ศ. ๑๙๖๙ เมื่อเพื่อนสนิทของผู้เขียน “แต๋ว” ชัชรี พงศ์พันธ์ภักดี พาเข้าไปแนะนำให้รู้จักพี่มาลินี น้องสาวของพี่น้อม ที่บ้านถนนบรู๊กเมืองโอ๊กแลนด์ เพื่อนสนิทของผู้เขียนที่ไปรับผู้เขียนมาจากสนามบินเอ่ยอินโทรถึงบ้านนี้ว่า

“ฉันจะพาเธอไปบ้านพี่ที่ฉันเคารพ บ้านนี้อยู่บนถนนบรู๊ก ที่นี่คนไทยในซานฟราน โอ๊กแลนด์ และเบิร์กเล่ย์ จะมาแวะเวียนกันพบปะสนทนากันทุกอาทิตย์ มีทั้งนักเรียนมหาวิทยาลัยและคนไทยที่มาทำงานที่นี่”

และเมื่อผู้เขียนก้าวเข้าไปในบ้าน ก็ได้เห็นพี่น้อม และสามีพี่น้อม ชื่อ พี่แอ๊ว-ณรงค์ พิชัยศรแผลง กำลังช่วยกันติดผ้าม่านหน้าต่างผืนใหม่อยู่ เมื่อทราบว่าผู้เขียนเป็นเด็กมาใหม่ ท่านทั้งสองก็ได้ต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เชิญชวนให้ทานน้ำทานอาหารด้วยอัธยาศัยดียิ่ง และผู้เขียนก็ได้รับประทานอาหารไทยมื้อแรกฝีมือพี่น้อมและพี่มาลินี ติดอกติดใจมาตั้งแต่วันนั้นมิมีลืม

จากวันนั้นมาจนวันนี้ นับสี่สิบกว่าปีที่ได้รู้จักกับพี่น้อม พี่เขาไม่เคยเปลี่ยน เป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพ ให้ความเมตตากับทุกคน สมัยโน้นยังไม่มีวัดไทยที่พึ่งพิงของคนไทย นักเรียนไทยก็มีศูนย์กลางอยู่ที่บ้านพี่มาลินีที่ถนนบรู๊ก ส่วนพี่น้อมนั้นแม้จะอยู่ในซานฟรานแต่วันหยุดก็มาอยู่ที่บ้านบรู๊กสตรีท เรามาเฮฮาปาร์ตี้กินข้าวกินขนมกันที่นี่ ฝีมือขนมหวานของพี่น้อมเป็นที่เลื่องลือ จนเมื่อมีวัดมงคลรัตตนารามเกิดขึ้นที่ซานฟราน จนย้ายมาเบิร์กเล่ย์ พี่น้อมก็ได้ใช้ชีวิตในวันหยุดทำบุญสร้างกุศลเป็นพุทธศาสนิกชนที่น่าเลื่อมใส รวมทั้งงานสังคมพี่น้อมก็ไม่เคยขาดที่จะไปร่วมงานของสมาคมไทยในแคลิฟอร์เนียภาคเหนือ แม้ในระยะสองสามปีที่ผ่านมา แม้จะเดินเหินไม่ถนัดแต่พี่น้อมก็ยังไปร่วมงานเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้น้องๆ สม่ำเสมอ และก็ยังเป็นผู้ใหญ่ใจดีที่มีใบหน้าเต็มไปด้วยความยิ้มแย้ม

และที่สำคัญยิ่งก็คือความผูกพันกับครอบครัวของพี่น้อมที่มีให้กับผู้เขียน สามี และลูกๆ ผู้เขียนนั้น นับว่าไม่เคยลดน้อยลงเลย

ด้วยคุณงามความดี ด้วยกุศลบุญที่พี่น้อมจิตต์ พิชัยศรแผลง ที่มีต่อชุมชนไทย ขอให้ดวงวิญญาณของพี่น้อมจงสู่สุคติในสัมปรายาภพ ด้วยเทอญฯ

และเพื่อให้บันทึกแห่งการไว้อาลัยพี่น้อมได้สมบูรณ์ในคุณความดีที่พี่ท่านได้ทำไว้ ผู้เขียนจะขอคัดลอกข้อเขียน (บางตอน) อาลัยพี่น้อมจิตต์ไว้ได้อย่างงดงามมาให้ได้อ่านกันนะคะ เป็นบันทึกจากคุณวัลลภ คชินทร รักษาการนายกสมาคมไทยแห่งแคลิฟอร์เนียภาคเหนือ ดังนี้ค่ะ

อำลา-อาลัย ป้าน้อม (อีกครั้ง) โดย วัลลภ คชินทร

การจากไปของพี่น้อมจิตต์ เหนือความคาดคิดของทุกคน แม้ป้าน้อมจะอายุมากถึงแปดสิบแปดปี แต่โดยรวมแล้วสุขภาพก็อยู่ในเกณฑ์ดี และมีผู้ดูแลที่ดีอย่างลุงแอ๊วด้วยเแล้ว จึงคิดว่า..ป้าน้อมคงยังอยู่ให้เราขื่นชมไปอีกนาน ไม่มีใครคิดว่าป้าน้อมจะไปเร็วอย่างนี้ แต่วันนี้ก็มาถึงแล้วเร็วกว่าที่เราคิดไว้ ความตายคือสถานีสุดท้ายของชีวิต ไม่มีใครอยากถึงอยากจอดสถานีนี้ แต่ก็ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ ช้าเร็วก็ต้องถึง ไม่ว่าเราว่าเขา เกิดแก่เจ็บ และตาย เป็นของธรรมของชีวิต เกิดแล้ว ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย มันผิดธรรมดา พระท่านว่า.. คนเรามีสิทธิ์ตายได้ทุกเวลา และไม่เลือกสถานที่

ผมรู้จักป้าน้อมและลุงแอ๊วมาตั้งแต่เหยียบย่างเข้ามาอยู่ซานฟรานซิสโก เบย์แอเรียในสัปดาห์แรก นับถึงวันนี้ก็ได้ 30 ปีแล้ว มีแต่ความชื่นใจชื่นชมยินดีกับป้าและลุง เห็นหน้าป้าน้อม ก็จะเห็นรอยยิ้มอันละมุนละไม อาบบนใบหน้า เป็นคนอารมณ์ดี ใจบุญสุนทาน มีเมตตาอารีต่อคนรอบข้าง นี้คือคุณลักษณะของป้าน้อม และไม่เคยได้ยินใครตำหนิหรือพูดถึงป้าและลุงในทางลบเลย

ป้าน้อมเป็นคนวัด และมาวัดมงคลรัตนาราม เมืองเบิร์กเล่ย์ ตลอดไม่เคยขาดตั้งแต่เริ่มก่อร่างสร้างวัด แคะขนมครก ขนมทองหยิบฝอยทอง ขนมอื่นๆ จิปาถะ ขายเอาเงินสมทบทุนสร้างวัด แม้เกษียณแล้ว ป้าก็ยังมาวัดไม่ขาด จะบอกว่าเข้าวัดจนวาระสุดท้ายของชีวิตก็ว่าได้ วัดวาอาราม พระสงฆ์องค์เจ้าเป็นชีวิตจิตใจของป้าน้อม ไม่ว่าเป็นเทศกาลอะไร เป็นต้องเห็น ป้าและลุงเสมอๆ ภาพของลุงแอ๊วดูแลป้าน้อม ประคองลงจากรถ หยิบไม้เท้าให้ พาขึ้นวัด หาเก้าอี้ให้นั่ง ถือขันข้าวประคองป้าบรรจงตักบาตรพระ ถวายเครื่องไทยธรรม เป็นภาพที่ติดตาตรึงใจ น่าประทับใจและน่าชื่นชม ลุงทำทุกอย่างด้วยความเต็มใจ ไม่มีอาการเบื่อหน่าย หน้าตายิ้มแย้มอารมณ์ดีตลอด ไม่จำเป็นต้องตามไปดูที่บ้าน ฟันธงได้เลยว่า .. “Uncle Aew The Best” ทั้งป้าและลุงเป็นคู่ชีวิตที่น่าชื่นชม เป็นแบบอย่างที่ดีในเรื่องความรักความเอาใจใส่ต่อกันและกัน ที่ควรยกย่องสรรเสริญ ขอให้ลุงแอ๊ว.. เป็น Idol ของผมและของคนไทยเราทั่วไป

การจากไปของป้าน้อม ได้ยังความเศร้าโศกเสียใจมาสู่พวกเราในสังคมไทย อยากจะบอกว่า..การจากไปของป้าน้อมนั้น ทำให้ “ฟ้าสะท้านดินสะเทือน” คือวันจันทร์ยามเย็น วันที่ป้าน้อมบ๊ายบายจากโลกนี้พระพิรุณหลั่งน้ำตาโปรยปรายเป็นสายฝนเหมือนจะปลอบขวัญชาวพาราให้เย็นอกชุ่มใจ ไม่ต้องเสียใจในการจากไปของป้าน้อม หลายๆ ท่านที่เคารพรักป้าน้อมก็ร้อนอกร้อนใจ ถามข่าวกันให้วุ่นว่า..จะมีการทำบุญ สวดพระอภิธรรม และฌาปนกิจศพเมื่อไร นี้คืออาการของ ฟ้าสะท้านดินสะเทือน คนดีจากไปถ้าจะมีน้ำตาให้ ย่อมเป็นน้ำตาที่หลั่งออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ที่แสนรักและอาลัยอาวรณ์ ย่อมเป็นเป็นน้ำตาที่มีคุณค่า

ด้วยอำนาจบุญกุศล คุณงามความดี ความเมตตาอารี ที่ป้าน้อมได้บำเพ็ญมาตลอดอายุขัย ขอให้ดวงวิญญาณของป้าจงไปสู่สุคติบนสรวงสวรรค์นั้นเทอญฯ

ก่อนจบบทความ ผมขอส่งนางฟ้าผู้งดงามที่จากไป สู่สวรรคาลัย ด้วยบทกวีที่กลั่นกรองมาจากใจของผมดังนี้


ป้าน้อมเรา จากไป ให้คิดถึง
ให้ลุงแอ๊ว พวกเรา เฝ้ารำพึง
ครวญคำนึง ถึงป้า มาลาไกล
ขอให้ป้า ไปดี มีความสุข
อย่าได้ทุกข์ เศร้าหมอง จิตผ่องใส
สู่สวรรค์ ชั้นฟ้า สุราลัย
น้อมจิตต์ได้ สู่สถาน วิมานทองฯ

ด้วยรักและอาลัย
เพ็ญวิภา โสภาภัณฑ์