บันทึกจากเบย์แอเรีย
เพ็ญวิภา โสภาภันฑ์



หลากเรื่องผู้สูงอายุ ตอนที่ 1

ฉบับนี้ขออนุญาตคุยเรื่อยเปื่อย หลังจากที่ีเกือบทุกฉบับที่ผ่านมาหลายๆ เดือน ผู้เขียนทุ่มเทไปกับการสัมภาษณ์บุคคลในสังคมเบย์แอเรีย โดยที่ปล่อยผ่านข่าวฝากหลายๆ เรื่องไปก่อน แม้จะได้รับการตอบรับมาว่าเรื่องราวของบุคคลในชุมชนไทยเป็นเรื่องน่าสนใจสำหรับผู้อ่านก็ตาม แต่มีผู้อ่านหลายท่านแจ้งว่าอยากทราบเรื่องต่อเนื่องคอลัมน์ที่ผู้เขียนเคยเขียนถึงการใช้ชีวิตยามเกษียณที่เมืองไทย เรื่องคุณแม่ผู้เขียนกับประสบการณ์ที่โรงพยาบาลรัฐที่ประเทศไทยนั้นได้กลายเป็นเรื่องที่ผู้อ่านสนใจมากกว่า

อยากจะเรียนว่าดิฉันจะได้เล่าเรื่องนี้ไปถึงสามตอนแล้ว และจบตรงที่บางเรื่องที่คุณแม่ได้อ่านเห็นก็ได้รับคำขอร้องว่าอย่านำมาเล่าเลยนั้น แต่ก็ยังมีผู้ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมตรงเคยบอกว่าจะลงเบอร์โทรศัพท์ของผู้บริการรถพยาบาลฉุกเฉินของเอกชน เนื่องจากได้เห็นข้อเขียนดิฉันว่า รถพยาบาลของรัฐมาให้บริการส่งผู้ป่วยถึงโรงพยาบาลนอกพื้นที่ไม่ได้นั้น ตอนคุณแม่เรียกรถพยาบาบดิฉันใช้บริการของผู้ใด

นี่ค่ะ บริการนี้ ไม่ได้ค่าคอมมิชชั่นใดๆ แต่บอกต่อให้เพราะน้องๆ ทุกคนบนรถพยาบาลของคุณชานนท์ เบอร์โทรศัพท์ (ประเทศไทย) 66 8 6 105-5906081 277-2455 ให้บริการได้รวดเร็ว ดีเยี่ยม และสะอาด ทำให้ดิฉันนั่งติดตามขึ้นไปบนรถพยาบาลแล้วไม่เกิดความรังเกียจหรือกลัวแต่อย่างใด

และรับรองว่าอีกไม่นานเกินรอจะมาเล่าหลากเรื่องราวที่ประเทศไทยกันต่อนะคะ ส่วนฉบับนี้ตั้งใจจะคุยเรื่องราวที่น่าสนใจที่พวกดิฉันชาวสูงวัยคุยกันตามที่ได้ตั้งหัวข้อไว้ คือ เรื่องของคนอาวุโส ตอนที่ 1 นี้ ขอเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ค่อนข้างน่าสนใจค่ะ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวดิฉันเมื่อต้องไปพบแพทย์ด้วยปัญหาที่เกิดจากสายตา


เรื่องก็มีอยู่ว่า

ณ บ่ายวันหนึ่งระหว่างไปนั่งรอหลานๆ เรียนซัมเมอร์สคูลที่วัดพุทธาฯ พลันก็รู้สึกดั่้งมีแมลงตัวเล็กๆ มาบินผ่านไปที่ผม ส่ายศีรษะก็แล้ว เจ้าแมลงตัวน้อยก็ไม่ไปสักทีบินไปมาระหว่างลูกตากับผมอยู่นั่นแหละ จำจะต้องให้คนอื่นเช็คดู บังเอิญลูกสาวอยู่ด้วย เขาก็ตรวจให้ ดูแล้วดูอีกก็ไม่เห็นมีสิ่งใด “แม่คิดไปเองป่ะ” คุณลูกสาวถาม

คราวนี้เราชักโมโหหยิบกระจกมาส่องเบิ่งหนังตาดูก็แล้ว วิ่งเอาแว่นไปล้างก็แล้ว เอ..เราประสาทกินอย่างลูกว่าหรือเปล่า (ฟะ) ด้วยความที่เกรงใครๆ จะหาว่ายัย (สาวสูงอายุ) คนนี้เลอะเลือน เราก็อุบไว้ในใจ กลับมาบ้านทั้งเย็นทั้งกลางคืน นาย (นัง) แมลงก็ยังแกว่งไปมาท้าทายเราอยู่นั่นแหละ อย่ากระนั้นเลยจำจะต้องไปหาคนมากำหราบ และคนนี้ต้องมีใบอนุญาตกำจัดด้วยนะ คิดได้ดังนั้นรุ่งเช้าดิฉันก็โทรศัพท์นัดขอพบแพทย์ด่วน ตอนโทรฯ ไปพยาบาลซักถามว่า “มีแสงวูบวาบไหม สิ่งที่บินผ่านลูกตาเธอเนี่ย” อิฉันนึกถึงภาพแมลงที่ไม่ใกล้เคียงกับหิ่งห้อยแต่ประการใด ก็เลยตอบกลับด้วยความมั่นใจ “ไม่มี”

“ถ้าเช่นนั้นไม่เป็นไร เข้ามาพบแพทย์ได้ที่คลินิค แต่ถ้ามีแสงวูบวาบ เราจะส่งให้คุณเข้าแผนกฉุกเฉิน” โห..ฟังแล้วใจแป้ว เรื่องนี้อาจถึงกับต้องเข้าฉุกเฉินเชียวเรอะ โชคดีที่พยาบาลนัดเวลาให้เข้าพบแพทย์ทันทีเหมือนกัน

ดิฉันเข้าไปพบจักษุแพทย์ที่แผนก Opthomalogy คุณพยาบาลพาเข้าห้องตรวจ เมื่อเธอทราบเหตุที่มาพบแพทย์ หลังจากให้เราอ่านชาร์ตตรวจสายตา เธอก็หยอดยาที่ขยายม่านตาให้ เพื่อแพทย์จะวินิจฉัยได้สะดวก รอพักใหญ่แพทย์หนุ่มใจดีก็เข้ามาตรวจอาการ ขณะที่ดิฉันใจคอตุ๋มๆ ตั้มๆ ว่าตูจะเป็นไรมากไหมเนี่ย คิดถึงงานเขียนที่อาจจะไม่ได้เขียนอีก คิดถึงละครทีวีที่กำลังติด จะอดดู คิดถึงหลานที่จะต้องดูแลจะทำอย่างไร ต่างๆ นานา สารภาพตรงๆ ว่า “กลัวอ่ะค่ะ” แต่แล้วคุณหมอก็ยิ้มให้ เฮอ..ใจมาเป็นกอง


ที่คุณเห็นเป็นเงาดำๆ นั้นเราเรียกมันว่า Floater”

เออ..ไม่ใช่แมลงชนิดใด..แล้วไป.. “อะไรหรือคะโฟล็ตเตอร์”

คุณหมออธิบายช้าๆ ว่าภายในลูกตาของคนเรามีเจลลี่ประกอบอยู่ พออายุมากมันก็เสื่อม อาจจะแตก (เขาใช้คำว่า breaks) และที่เห็นก็คือเจลลี่ที่มันแตกกลายเป็นโปรตีนลอยไปมา ซึ่งตอนนี้ไม่เห็นความผิดปกติของจอตามีอันตรายใดๆ เกิดจากอายุที่มากขึ้นและไม่มีวิธีรักษาเราจะเคยชินไปเอง

วันนั้นจบลงด้วยดี แพทย์ไม่ได้ให้ยาใดๆ มาเพียงแต่สั่งว่า หากมันแย่ลงทุกทีจนทำให้ตาพร่ามัวหรือหากว่าเห็นเป็นแสงวูบวาบ หรือเห็นขนาดดั่งสายฝนละก็


โปรดตรงไปแผนกฉุกเฉินทันทีไม่ต้องมาหาพ๊ม...

พร้อมกับให้แผ่นพับเกี่ยวกับเรื่องโฟลตเตอร์มาให้ศึกษา ดิฉันอ่านจากแผ่นพับก็เข้าไปเสิร์ชในกูเกิ้ลหลายเว็บไซต์ อ่านแล้วยังไม่พอใจเพราะว่ามันเป็น “ภาษาอังกฤษ” เกรงจะไม่เข้าใจถ่องแท้ จึงคลิกไปที่เว็บไซต์ภาษาไทยของหน่วยสุขศึกษา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้ข้อมูลที่ดีมากๆ มาอ่าน อ่านแล้วก็ขอแชร์ให้ผู้ที่ไม่ชอบท่องอินเตอร์เน็ตได้รับรู้กันด้วยนะคะ ส่วนผู้ชอบเข้าไปค้นข้อมูลเอง เข้าไปได้ที่เว็บไซต์ดังกล่าวถึงนะคะ ขอขอบคุณหน่วยสุขศึกษา ร.พ.จุฬาฯ สภากาชาดไทย ไว้ที่นี้ด้วยค่ะ


ข้อมูลจากเว็บไซต์ดังกล่าวค่ะ Floaters หรืออาการเห็นเงาดำและแสงในตา

ภายในลูกตาของคนเรามีสารซึ่งลักษณะคล้ายวุ้นใสๆ เรียกว่าวุ้นตา ในคนสูงอายุวุ้นตาจะเหลวและหดตัวทำให้มีปริมาตรลดลง


อาการเห็นเงาดำในตา

ในคนสูงอายุ วุ้นตาจะมีการเสื่อมไปตามวัยทำให้วุ้นตาซึ่งเคยใสเปลี่ยนเป็นเส้นและจุดเล็กๆ ลอยกระจายอยู่ทั่วไปในวุ้นตา เคลื่อนไหวแกว่งไปมาได้เมื่อกลอกตา มักเห็นได้ชัดเมื่อมองผ่านไปยังพื้นหลังที่เรียบและกว้าง เช่น เวลามองไปที่ท้องฟ้า ผนัง หรือในขณะอ่านหนังสือ

รูปร่างของเส้นและจุดเหล่านี้มีได้มากมายหลายแบบ เช่น คล้ายใยแมงมุม เส้นผม เส้นด้าย ตัวแมลง เป็นต้น การที่คนเรามองเห็นได้เนื่องจากมีแสงส่องผ่านเส้นและจุดเหล่านี้ ทำให้เกิดเป็นเงาไปตกที่จอตา เห็นเป็นสีดำหรือสีเทาๆ อาการเห็นเงาดำในตาพบได้บ่อยในคนทั่วไป และพบได้บ่อยมากขึ้นในผู้ที่มีสายตาสั้น ในผู้ที่มีวุ้นตาหลุดลอก ในผู้ป่วยหลังผ่าตัดต้อกระจก ในบางรายเกิดจากการได้รับบาดเจ็บ หรือเกิดจากการอักเสบของวุ้นตา

ถ้าอาการเหล่านี้เป็นไม่มากและเป็นคงที่อยู่นานโดยไม่เป็นมากขึ้น มักไม่เป็นอันตรายร้ายแรง แต่ถ้าเป็นมากขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือมีอาการตามัวร่วมด้วย อาจมีโรคที่เป็นอันตรายได้ ควรรีบมาพบจักษุแพทย์เพื่อทำการตรวจตา ซึ่งแพทย์จะทำการตรวจตาโดยให้หยอดยาขยายม่านตาก่อนแล้วใช้เครื่องมือส่องตรวจภายในลูกตา เพื่อดูวุ้นตาและจอตาโดยละเอียด หาสาเหตุของโรค เช่น จอตาฉีกขาด เป็นรู จอตาหลุดลอก ถ้าพบว่ามีโรคดังกล่าว ควรทำการรักษาโดยเร็ว


การรักษา

การเห็นเงาดำในตาที่เกิดจากการเสื่อมไปตามวัย ถ้าจักษุแพทย์ตรวจแล้วไม่พบว่ามีความผิดปกติของจอตาร่วมด้วย ไม่จำเป็นต้องรักษา ในระยะแรกผู้ป่วยจะรู้สึกรำคาญเนื่องจากมีอะไรลอยมาบัง แต่ต่อไปอาการมักจะลดลงและไม่ค่อยรู้สึกรำคาญเหมือนในระยะแรก ถ้าตรวจพบว่าเงาดำในตานี้เกิดเนื่องจากจอตาฉีกขาด แพทย์จะให้การรักษาโดยทำการยิงแสงเลเซอร์เพื่อปิดรอบๆ รอยที่ฉีกขาดไม่ให้ลุกลามมากขึ้น หรือมีจอตาหลุดลอกตามมา


สรุป

แม้ว่าการเห็นเงาดำและการเห็นแสงในตามักจะไม่ทำให้เกิดปัญหาร้ายแรงต่อการมองเห็น แต่เมื่อมีอาการขึ้นมา ในระยะแรกท่านควรได้รับการตรวจตาโดยละเอียดจากจักษุแพทย์ ในผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องรักษา อาการมักดีขึ้นเองอย่างช้าๆ มีผู้ป่วยส่วนน้อยที่พบว่าเกิดจากจอตาฉีกขาด ซึ่งต้องทำการรักษาโดยแสงเลเซอร์ เพื่อป้องกันไม่ให้โรคลุกลามจนทำให้เกิดการสูญเสียสายตา

ค่ะ..ก็หวังว่าข้อมูลดังกล่าวจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่เคยประสบปัญหานี้ หรือสักวันหนึ่งมีเหตุการณ์มองเห็นเงาดำเลื่อนไปมาในสายตา จะได้ไม่ตกใจมากเช่นดิฉัน เรื่องของการเจ็บไข้ได้ป่วยนั้นเกิดขึ้นได้กับคนทุกวัยทุกเวลา มีเรื่องราวดีๆ น่าสนใจ ดิฉันจะนำมาเล่าสู่กันฟังต่อค่ะ

ชมภาพประกอบที่อาจจะไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเนื้อเรื่้อง แต่ก็เป็นภาพข่าวสังคมที่สมัครสมานสามัคคีกัน ภาพนี้เป็นการรวมตัวประชุมกันของ สมาชิกผู้ร่วมกันจัดตั้งเครือข่ายวัฒนธรรมที่วัดพุทธานุสรณ์ค่ะ

พบกันใหม่ฉบับหน้า...สวัสดีค่ะ