ฉบับนี้ขอนำเรื่องราวที่ผู้อ่านคอลัมน์นี้ส่งมาฝากประชาสัมพันธ์ เป็นเรื่องของกลุ่มเด็กนักเรียนโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์วัดพุทธานุสรณ์ รวมตัวกันขอความอนุเคราะห์ญาติพี่น้องและผู้อ่านช่วยกันสร้างโรงเรียนให้พวกเขาได้สืบสานภาษาและวัฒนธรรมไทยในเบย์แอเรีย ซึ่งก็ตรงกับวัตถุประสงค์ของผู้เขียนที่อยากจะให้คอลัมน์นี้เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านไม่ทางตรงก็ทางอ้อมค่ะ
ผู้ที่เรียบเรียงถ่ายทอดเรื่องนี้มาให้เราได้อ่านกันก็คือ คุณเจริญรัตน์ สุขุม ซึ่งนอกจากจะได้ทำการสัมภาษณ์น้องๆ และเล่าให้เด็กๆ ฟังถึงเรื่องราวของวัดพุทธาฯ ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันแล้ว เธอยังได้จัดหาคนมาช่วยถ่ายทำวีดิทัศน์และนำส่งไปออกรายการสารคดี ออกอากาศทางโทรทัศน์ทางช่อง ๕ ททบ. รายการชื่อ คนไทยไม่ใส่ดัดจริต ตอน เด็กไทยในแคลิฟอร์เนีย เมื่อวันที่ ๑๙ และ ๒๖ มกราคม ศกนี้ มาแล้วหลายตอนค่ะ โดยผู้ถ่ายทำวีดิโอให้รายการวันนั้น คือ คุณสุรพล อโนมา เจ้าของร้านลานนาไทย ซานฟรานซิสโก ก็ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วย
สวัสดีค่ะ หนูชื่อเด็กหญิง กมนญา พวงศรี (น้องโบตั๋น) อายุ ๘ ขวบ และหนูเด็กหญิง กีรติ ฟ้าเวโรจน์ (กอข้าว) อายุ ๑๑ ขวบ หนูเป็นนักเรียนชั้นประถมปีที่ ๒ ของโรงเรียนวัดพุทธานุสรณ์ เมืองฟรีมอนต์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา พวกหนูเรียนอยู่ในห้องเล็กๆ ใต้ถุนโบสถ์ของวัด ซึ่งใช้เป็นห้องอเนกประสงค์ เป็นโรงละคร สอนดนตรีไทย สอนนาฏศิลป์ และเป็นห้องจัดเลี้ยงเวลามีงานใหญ่ๆ ของวัด
โรงเรียนของหนูมีแค่ชั้นประถมปีที่ ๑ และ ๒ เท่านั้น พวกหนูมีความปรารถนาอยากให้มีสอนถึงชั้นสูงกว่านี้ถึงชั้นมัธยมศึกษา มีครูอาจารย์ดีๆ ทำให้หนูได้สอบเทียบชั้นในมาตรฐานของการศึกษาในประเทศไทย หนูอยากให้กระทรวงศึกษาเข้ามาช่วยดำเนินเรื่องนี้มากๆ
คุณพ่อของหนูโบตั๋นได้เล่าให้ฟังว่า เมื่อเห็นเด็กๆ กระตือรือร้นที่จะเรียนภาษาไทยให้ถึงชั้นสูงๆ และอยากมีสถานที่เรียนให้ดีและมีหลายห้องเรียนกว่าปัจจุบัน เขาจึงได้เชิญผู้ใหญ่ที่เริ่มก่อตั้งวัดมาคุยให้นักเรียนฟังว่า วัดพุทธานุสรณ์มีประวัติมาอย่างไร และทำอย่างไรพวกเราจึงจะช่วยกันสร้างความฝันของเด็กๆ ให้เป็นจริงได้ เขาจึงได้เชิญ คุณฉัตรชัย ชมภูพงษ์ อดีตประธานบอร์ดวัดพุทธาฯ และเป็นประธานโครงการก่อสร้างวัดพุทธาฯ เฟส ๒ มาบรรยายให้เด็กๆ ฟัง
คุณฉัตรชัยเล่าว่า เมื่อสามสิบเอ็ดปีที่ล่วงมาแล้ว ครอบครัวคนไทยที่สนิทสนมกันตั้งแต่มาตั้งรกรากอยู่ที่แคลิฟอร์เนียภาคเหนือ ได้ปรารภเห็นพ้องกันว่าอยากจะมีวัดไทยเพื่อเป็นศูนย์รวมประกอบพิธีกรรมทางพุทธศาสนา จึงได้ปรึกษากันถึงการจัดเช่าหาสถานที่ใช้เป็นวัดชั่วคราว ได้มีการลงขันกันได้ประมาณ ๑,๔๐๐ เหรียญ หรือประมาณสองหมื่นหกพันบาท เช่าบ้านหลังหนึ่ง ในเมือง Sunnyvale, California
หักค่าเช่าบ้านแล้วเหลือเงินทุนเพียง ๙๐๐ เหรียญ หรือหนึ่งหมื่นแปดพันบาท ซึ่งกลายมาเป็นทุนก้อนแรกของวัด สิ่งของทุกอย่างได้จากการบริจาคทั้งนั้น เช่น พระพุทธรูป โต๊ะหมู่บูชา ตู้พระไตรปิฏก เป็นต้น และได้นิมนต์พระมหาประเสริฐ กวิสฺสโร (ปัจจุบันพระราชธรรมวิเทศ) จากราชบูรณราชวรวิหาร หรือวัดเลียบ สะพานพุทธ มาเป็นเจ้าอาวาส
พุทธศาสนิกชนทั้งไทยและเทศที่ทราบข่าวว่ามีวัด ได้หลั่งไหลกันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเพื่อนบ้านใกล้เคียงได้รับความเดือดร้อน เพราะมีการไปจอดรถที่หน้าบ้านพวกเขา และได้ร้องเรียนไปยังเทศบาลเมือง ทำให้เราต้องเริ่มหาสถานที่ปฏิบัติศาสนกิจกันใหม่
คณะกรรมการตัดสินใจซื้อบ้าน และที่ดิน ๑.๕ เอเคอร์ หรือประมาณ ๓ ไร่ครึ่ง ในราคา ประมาณ ๓๐๐,๐๐๐ เหรียญ (ประมาณ ๗ ล้านบาท) โดยที่ทางวัดไม่มีเงินเพียงพอ ได้มีสองครอบครัวนำโฉนดบ้านและที่ดินค้ำประกันไว้ ต่อมาได้รับการกู้เงินจากทางธนาคารศรีนครในสหรัฐอเมริกา ให้รีไฟแนนซ์ ซึ่งทั้งสองครอบครัวต้องรับภาระไปถึงสิบกว่าปี แต่ด้วยความตั้งใจจริงของคณะกรรมการและสมาขิกวัดได้ช่วยกันหารายได้เพิ่ม เช่น การไปเช่าสถานที่จัดกิจกรรมและขายอาหารตามเทศกาลต่างๆ ซึ่งต่างก็ทำด้วยความยากลำบากเพราะสมัยนั้นทุกคนยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว มีลูกเล็กๆ ที่ต้องพาไปด้วยเวลาจัดงาน ทั้งขนของเพื่อเตรียมงาน เก็บของ และทำความสะอาดสถานที่เมื่อเสร็จงาน เป็นการทำงานที่หนักและเหน็ดเหนื่อยแต่ทุกคนก็ยินดีเมื่อกิจกรรมต่างๆ ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่งทุกครั้ง
เป็นกิจกรรมที่มีมาตั้งแต่เริ่มตั้งวัดที่เมืองซันนี่เวลส์ โดยมีครูอาสาในกลุ่มสมาชิกช่วยกันสอนนักเรียนรุ่นแรกประมาณยี่สิบคน ต่อมาคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ส่งครูมาช่วยสอนในโครงการเด็กไทยในต่างแดนให้ได้เรียนรู้ จนสามารถสอบเทียบระดับประถมศึกษาในประเทศไทยได้ เด็กๆได้เรียนรู้ภาษาไทย ดนตรีไทย นาฏศิลป์ไทย มารยาทไทย ศีลธรรม จริยธรรม และการสวดมนต์ไหว้พระอันเป็นหน้าที่หลักของชาวพุทธที่ควรปฏิบัติ
มีนักเรียนจบการศีกษากว่าหนึ่งพันคน แต่เราก็ยังมีการเรียนการสอนเฉพาะชั้นประถมปีที่ ๑ และชั้นประถาปีที่ ๒ เท่านั้น เมื่อเรียนจบทุกคนกลับไปใช้ชีวิตตามเดิมในประเทศอเมริกา และไม่มีโอกาสใช้วิชาที่ได้เรียนมาจากวัด ในไม่ช้าภาษาไทยและ วัฒนธรรมต่างๆ ที่ได้รับการปลูกฝังมา ก็ถูกกลืนกลับไปกับวัฒนธรรมตะวันตก ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายยิ่ง
ปัจจุบันนี้ทางวัดได้จ่ายหนี้ที่มีประมาณ ๑๐๐,๐๐๐ เหรียญ (ประมาณ ๓๐ ล้านบาท) ได้หมดแล้ว และได้ซื้อที่ดินเพิ่มขึ้นอีก ๑.๑ เอเคอร์ (๓.๒ ไร่) ทำให้ตอนนี้ทางวัดมีที่ดินถึง ๖ ไร่ครึ่ง และวัดพุทธานุสรณ์ยังได้มีพระอุโบสถที่สวยงามแบบไทย มีพระประธาน มีจิตรกรรมฝาผนังเล่าตำนานพระพุทธเจ้าในปางต่างๆ และสถานที่สำคัญทางศาสนา และทางวัดได้ทำพิธีกรรมทางศาสนาทุกเทศกาล ทำให้ผู้คนเข้ามาเป็นสมาชิกและร่วมกิจกรรมกันจำนวนมากมายเกินคาด จนทำให้ทางวัดมีที่จอดรถไม่เพียงพอ
น้องโบตั๋นและน้องกอข้าว ขอฝากความหวังไว้กับผู้ใหญ่ไว้ด้วยนะคะว่า พวกหนูมีความปราถนาอยากจะมีโรงเรียนและห้องเรียนที่กว้างขวางสำหรับพวกเราที่เกิดและเติบโตในอเมริกา อยากให้มีเงินมาซ่อมกุฏิพระสงฆ์ที่มีอายุกว่า ๑๐๐ ปี ซึ่งแม้ว่าทางเมืองฟรีมอนต์ ได้ขึ้นทะเบียนอนุรกษ์เป็นโบราณสถาน แต่ก็ชำรุดทรุดโทรมมากแล้ว อยากเห็นที่จอดรถที่จะรับรองผู้มาทำบุญมากกว่า ๑๐๐ คัน ซึ่งปัจจุบันต้องไปเช่าสถานที่จอดรถในโรงเรียนใกล้เคียง พวกหนูแม้จะเกิดในอเมริกา แต่ก็มีความรักความเป็นไทย และอยากช่วยสืบต่อ ถ่ายทอดวัฒนธรรมไทยให้กับเด็กไทยในรุ่นต่อไป
ค่ะ นั่นก็เป็นบทเขียนที่ส่งมาโดยน้องทั้งสองผ่านคุณพ่อของน้องโบตั๋น และเรียบเรียงโดยคุณป้อม-เจริญรัตน์ สุขุม ค่ะ
ซึ่งคุณฉัตรชัย ประธานการก่อสร้างเฟส ๒ ของวัดพุทธานุสรณ์ ก็ได้ฝากมาประชาสัมพันธ์และขอความร่วมมือร่วมบุญ ช่วยกันสร้างและสืบทอดพุทธศาสนาและวัฒนธรรมไทยให้กับลูกหลานเรารุ่นต่อไปในอนาคตด้วย
ชมภาพบริเวณพื้นที่และกุฏิพระสงฆ์ ที่จะได้รับการปรับปรุงก่อสร้างตามเฟส ๒ ค่ะ