ท่องไปในซานฟรานฯ
นายรุงรัง



ร.ทอม อู๋ มะเร็งระยะสุดท้าย หายได้จาก"เมนูธรรมชาติ"

ชื่อเสียงเรียงนามของ "ดร.ทอม อู๋" อาจจะแปร่ง แปลก ไปจากหูของคนไทย เพราะผู้ชายวัย 73 ปี ผู้นี้เกิดที่ประเทศจีน เคยศึกษาวิชาชี่กงและตำรับ "ยาลับ" จากหมอชี่กงผู้เร้นกายท่านหนึ่ง ต่อมาได้ศึกษาวิชาแพทย์แผนตะวันตกพร้อมกับค้นคว้าวิชาแพทย์ทางเลือก จนสำเร็จการศึกษาเป็นดอกเตอร์ด้านโภชนาการและการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติ จากสหรัฐอเมริกา สามสิบปีก่อน ดร.ทอม อู๋ เคยป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะที่ 3 เข้ารับการรักษาด้วยการแพทย์แผนปัจจุบัน แต่อาการไม่ดีขึ้น จึงได้รับคำแนะนำให้หยุดการรักษาและเปลี่ยนมากิน "อาหารอินทรีย์" และรักษาด้วย "วิธีธรรมชาติ" ทำให้เขาหายขาดจากโรคมะเร็ง

จากนั้นเขาจึงตัดสินใจละทิ้งการแพทย์แบบเดิม หันมาศึกษาการแพทย์แนวธรรมชาติและโภชนาการอย่างจริงจัง จนได้ปริญญาที่สหรัฐอเมริกา เคยได้รับเชิญให้ไปแสดงปาฐกถาที่ประเทศต่างๆ มีลูกศิษย์ด้านการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติและการกินอาหารแบบอินทรีย์กระจายอยู่ทั่วโลก

ดร.ทอม อู๋ ย้อนความหลังให้ฟัง ว่าเมื่อรู้ว่าป่วยเป็นมะเร็งปอดระ ยะที่ 3 ก็เข้ารับการรักษาจากหมอ มีการแนะนำให้ผ่าตัดปอดข้างขวาสองกลีบบนทิ้งไป ด้วยความอยากหายจึงตกลงผ่าตัดปอด แต่เมื่ออยู่บนเตียงผ่าตัดเขาพบว่ามะเร็งลุกลามไปยังอวัยวะอื่นแล้ว จึงต้องเย็บปิดแผล แล้วหมอก็บอกว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงไม่กี่เดือน

วิธีเดียวที่เหลืออยู่คือ การทำเคมีบำบัด แต่ก็เป็นแค่การยืดชีวิตเท่านั้น

"ผมถามหมอไปว่าจะมีชีวิตอยู่อีกนานแค่ไหนแน่ หมอตอบว่า ไม่ทราบ ตอนนั้นคิดในใจว่าคนที่ป่วยเป็นมะเร็ง ก็เพราะในร่างกายมีสารพิษมากเกินไป ดังนั้น การทำเคมีบำบัดจึงเท่ากับส่งพิษเข้าร่างกายมากยิ่งขึ้นเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็งให้ตาย ขณะเดียวกันก็ฆ่าเซลล์ปกติตายตามไปด้วย ซึ่งอาจจะทำให้ทรมานยิ่งขึ้น สู้ปล่อยให้ตนเองตายตามธรรมชาติ ไม่ทรมานมาก.. .จะดีกว่า"

ดังนั้น ดร.ทอม อู๋ จึงปฏิเสธไม่ทำเคมีบำบัดไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ในสภาพท้อแท้และสิ้นหวังไร้หนทางอยู่นั้น ดร.ทอม อู๋ หันไปยึดเอาพระเจ้าเป็นที่พึ่ง หวังจะได้รับความสงบทางจิตใจ โดยหยิบคัมภีร์ไบเบิลขึ้นมาสวดอ้อนวอน แต่ปรากฏว่าคัมภีร์ในมือร่วงลงที่พื้น เปิดให้เห็นบทที่หนึ่งตอนที่ว่าด้วยการสร้างโลก ดร.ทอม อู๋หยิบขึ้นมาอ่านอย่างช้าๆ ตั้งใจ และอ่านกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบ

"ความคิดของผมตอนนั้น คิดว่าพระเจ้าทรงต้องการให้กินผักที่ไร้รสชาติกับผลไม้รสเปรี้ยวบนต้น จึงแคลงใจว่าแล้วจะทำให้ขาดสารอาหารหรือเปล่า จะตายเร็วขึ้นหรือเปล่า- -แต่เวลานั้นไม่มีเรี่ยวแรงเลยต้องกินเนื้อสัตว์มากๆ เพื่อจะได้มีกำลังวังชา ผมสับสนในใจเลยต้องหันกลับไปอ่านหนังสือเกี่ยวกับชี่กงและวิถีการมีอายุยืนยาวหลายเล่ม ในที่สุด ก็ตัดสินใจกินอาหารตามที่พระเป็นเจ้าทรงชี้นำ"

ดร.ทอม อู๋ หันมากินผัก ผลไม้ ดื่มน้ำสะอาด และอาบแดด 30 นาที เดินเร็ว 30 นาที ฝึกชี่กง ฝึกหายใจเข้าออก พักผ่อนมากขึ้น เข้านอนเร็วและตื่นแต่เช้า โดยเฉพาะนอนตอนเที่ยงวันเป็นเวลาครึ่งชั่งโมง อาบน้ำร้อนสลับน้ำเย็นทุกวัน

"หลังจากปรับเปลี่ยนความเคยชินในการกินอาหารและใช้ชีวิตเพียง 6 เดือน ก็รู้สึกจิตใจเบิกบาน กำลังวังชาฟื้นฟูเหมือนตอนก่อนป่วย ทำให้มีความเชื่อมั่นมากขึ้น ว่าจะสามารถกลับมามีสุขภาพที่ดีได้ ผมจึงกินผักเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว กินผลไม้ โดยกินแบบดิบๆ ทั้งหมด เนื่องจากกินอาหารที่มีเส้นใยอาหารสูงทุกวัน จึงขับถ่ายวันละ 3-4 ครั้ง แรกๆ ก็รู้สึกกลัวเหมือนกัน เพราะปกติคนเราถ่ายวันละครั้ง ถือว่าปกติ แต่หลังจากยืนหยัดทำอยู่ระยะหนึ่ง ร่างกายค่อยๆ ผ่อนคลาย จิตใจเบิกบาน ผิวพรรณสดใส จึงคลายกังวล ปล่อยให้ร่างกายมีปฏิกิริยาเป็นไปตามธรรมชาติ"

ผ่านไป 9 เดือน ผลการตรวจสุขภาพของ ดร.ทอม อู๋ พบว่าร่างกายเป็นปกติทุกอย่าง ทุกรายการ ไม่มีเซลล์มะเร็งหลงเหลืออยู่เลย!!

"ขอบคุณพระเจ้า ผมหายเป็นปกติแล้ว" ดังนั้น ทุกวันนี้ ดร.ทอม อู๋ ยังคงรับประทานอาหารดิบ ผักสด ผลไม้ และอุทิศตนเพื่อเผยแพร่วิธีการดูแลสุขภาพด้วยอาหารธรรมชาติเหล่านี้ ทั้งยังช่วยกำหนด "เมนูอาหารสำหรับผู้ป่วยโรคเรื้อรัง"

เช่น โรคกระเพาะอาหาร โรคลำไส้ คอเลสเตอรอล สูง โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคเก๊าต์ และโรคมะเร็ง ซึ่งเมนูของเขาส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น อย่างชัดเจน ได้รับการยอมรับและยกย่องทั้งในสหรัฐ อเมริกา และทั่วโลก

ดร.ทอม อู๋ ยังได้รับรางวัลมากมายจากองค์กรสุขภาพ อาทิ รางวัลการดูแลสุขภาพทั้งกายและใจ ของมูลนิธิสันติภาพโลก ของทะไลลามะ Gan Chen (NGO) แห่งสหปร ะชาชาติ รางวัลผู้อุทิศตนเพื่อโรคอัลไซเมอร์ จากโรงพยาบาลเมโย สหรัฐอเมริกา รางวัลผู้อุทิศตนเพื่อการแพทย์แบบธรรมชาติของ มหาวิทยาลัยเปิดแห่งโลกในประเทศอินเดีย รางวัลผู้อุทิศตนเพื่อมวลมนุษย์ ของสมาคมการแพทย์ที่รักษาด้วยการแทงเข็มของปากีสถาน และรางวัลผู้อุทิศตนของสมาคมการแพทย์แนวธรรมชาติของสหรัฐ อเมริกา

ปัจจุบัน ดร.ทอม อู๋ ได้เขียนหนังสือเพื่อแนะนำการดูแลสุขภาพ (แปลเป็นภาษาไทยแล้ว 2เล่ม) คือ ธรรมชาติช่วยชีวิต, 100 คำถามเจาะลึกเพื่อสุขภาพ และได้รับเชิญไปบรรยาย และแสดงปาฐกถาที่ประเทศต่างๆ มีลูกศิษย์ด้านการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติและการกินอาหารแบบอินทรีย์กระจายอยู่ทั่วโลก

สำหรับประเทศไทย ดร.ทอม อู๋ เคยเดินทางมาบรรยายเรื่อง "ธรรมชาติช่วยชีวิต พิชิตโรคร้ายด้วยผักและผลไม้"

เรื่องที่ ดร.ทอม อู๋ ศึกษาและค้นพบนั้น เป็นการดื่ม กิน น้ำผักและผลไม้ทั้งเปลือก แกน และเมล็ด เพื่อได้อินทรียสาร รักษามะเร็ง ที่เขาป่วยอยู่จนกระทั่งหายเป็นปกติเมื่อ 30 ปีก่อน "อินทรียสาร" จากพืช ไม่ใช่สารอาหารตามนิยามของนักโภชนาการ ไม่ใช่ทั้งเกลือแร่และวิตามิน เนื่องจากการขาดสารเหล่านี้ไม่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยอย่างใด และไม่ส่งผลต่อการทำงานตามปกติของร่างกาย

แต่เมื่อไม่กี่ปีมานี้ นักวิทยาศาสตร์พบว่าอินทรียสารจากพืชหลายชนิดไม่เพียงช่วยต้านออกซิเดชั่นและต้านอนุมูลอิสระ ยังช่วยให้วิตามินต่างๆ ทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เวลานี้อินทรียสารจากพืชที่แต่เดิมไม่เป็นที่สนใจ กลายเป็นสารอาหารที่ผู้คนให้ความสนใจและขาดไม่ได้ในการเสริมสร้างสุขภาพและต้านมะเร็ง

ในอาหารอย่างธัญพืช ผัก และผลไม้ นอกจากจะมีอินทรียสารแล้วยังมีสารประกอบของ ไซยาไนด์ ซึ่ง มีสรรพคุณชัดเจนในการยับยั้งเซลล์ปกติไม่ให้เปลี่ยนเป็นเซลล์มะเร็ง ผลการวิจัยทางการแพทย์ในปี ค.ศ.1995 ได้ค้นพบความวิเศษของพืชและผักที่สามารถป้องกันโรค รักษาโรค และชะลอความชรา นั้นแท้จริงอินทรียสารเหล่านี้ ซ่อนอยู่ในเส้นใยและเมล็ด

ดังนั้น อินทรียสารจากผักและผลไม้จึงเป็นของขวัญที่เราได้รับจากธรรมชาติเพื่อสร้างชีวิตที่ยืนยาวและสุขภาพที่แข็งแรง