วันที่ 19 November 2018 นี้ พวกเรา 30 คน มีหมายกำหนดการกลับไปเยี่ยมเมืองไทย ซึ่งดิฉันเป็นผู้ประสานงานจัดทริปเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ปี 1999 ซึ่งต้องบอกว่าเป็นการบังเอิญแท้ๆที่จับพลัดจับผลูเข้ามาอยู่ในแวดวงการท่องเที่ยว
จะเล่าสู่กันฟังย่อๆตามประสาคนช่างเล่าละกัน ช่วงปี 1999 -ปี 2000 ดิฉันรั้งตำแหน่ง นายกสมาคมสื่อมวลชนแห่งประเทศในสหรัฐอเมริกา Thai Mass Media Association of USA ขณะนั้นท่านองคมตรี พลเอกพิจิตร กุลลวนิชย์ เป็นปะธานสมาคม Jogging Association สมาคมนักวิ่งแห่งประเทศไทย ที่สนับสนุนจัดงานภายใต้โครงการพระราชดำริในหลวงรัชกาบที่ 9 ให้ประชาชนออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดี โดยจัดวิ่งแข่งขัน “กรุงเทพ มาราธอน” ในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน พฤศจิกายนเป็นประจำทุกปี มีการเชิญนักวิ่งทั่วโลกเข้าร่วมแข่งขัน
ท่านองคมนตรีพิจิตร จึงมี จดหมายเชิญชาวไทยในอเมริกาที่กลับไปเยี่ยมบ้านช่วงนั้นและผู้ที่สนใจเข้าร่วมการแข่งขัน โดยผ่านทางดิฉัน ซึ่งเป็นนายกสมาคมฯในปีนั้น เราได้ช่วยโปรโมทรณรงค์ให้ชาวไทยในแดนไกลกลับไปเที่ยวเมืองไทยและเข้าร่วมสนับสนุนการแข่งขันวิ่งมาราธอนครั้งนั้นด้วย โดยมี องค์กรณ์ส่งเสริมการท่องเที่ยวแอลเอ สายการบินไทยแอลให้ความสนับสนุนปีแรก 1999 เรามีผู้เข้าร่วม 75 คน และในปีต่อๆมาเราได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกๆปีมีผู้สนใจเข้าร่วมทริปและร่วมการแข่งมาราธอน มากขึ้นทุกปี จนถึง 150 คน ในบางปีทีเดียว
ดิฉันเป็นผู้ประสานงานจัดทริปร่วมแข่งขันวิ่ง กรุงเทพมาราธอนตั้งแต่ปี 1999 - 2015 เป็นเวลา 15 ปี มีผู้ใหความสนับสนุนมาตลอด จนระยะหลังๆแฟนคลับที่ร่วมทริปกับเราสูงวัยมากขึ้น ประจวบกับทางผู้บริหารสมาคมนักวิ่งแห่งประเทศไทยรุ่นก่อนๆได้ปลดเกษียนกันไป ทำให้เราไม่ได้ร่วมแข่งขัน กรุงเทพมาราธอนกันอีกตั้งแต่ปี 2015 จนปัจจุบัน แต่เราก็ยังคงประสานงานจัดทริปกลับเมืองไทยเช่นเดิมโดยการกลับไปเที่ยวเมืองไทยบ้านเกิดเมืองนอน พร้อมทั้งนำเงินไปบริจาคเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กพิการ-เด็กนักเรียนยากจน บริจาคช่วยศพไม่มีญาติ บริจาคสมทบทุนโรงพยาบาลสงฆ์ บริจาคให้หมาและมวจรจัด บริจาคให้วัดพระบาทน้ำพุรักษาผู้เป็นโรคเอดส์ และฯลฯอีกมากมายที่ทางสโมสรรักสุขภาพแอลเอได้จัดงานการกุศลขึ้น หลังจากเสร็จสิ้นท่องเที่ยวเมืองไทยแล้วคณะเรายังไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านใกล้ๆเป็นของแถมอีกด้วย
ปีนี้ก็เช่นกัน เรามีโครงการกลับไปเที่ยวเมืองไทยนำเงินเข้าประเทศไทยช่วยประเทศและทำบุญให้กับองค์กรณ์ต่างๆแล้ว เรายัง ถือโอกาสไปเที่ยวประเทศบรูไน และฟิลิปปินส์เป็นเวลา 13 วันอีกด้วยเพื่อเป็นทัศนะศึกษา ดูศิลปะวัฒนธรรมของเพื่อนบ้านไว้ประดับความรู้เป็นอาหารสมองให้กำไรตัวเองอีกด้วย
ปีนี้มีผู้สนใจเข้าร่วมเดินทาง 30 คน โดยเราจะอยู่กรุงเทพพักที่โรงแรมอโนมา บุกเชลชวนชิมแถบ Asiatique ริมแม่น้ำเจ้าพระยา รุ่งขึ้นล่องเรือทานอาหารค่ำกับ Royal Star Princess Cruise วันที่ 21-22 ไปราชบุรีชมธารน้ำร้อนบ่อคลึง เที่ยวสวนผึ้ง ชมทะเลหมอก วันที่ 25 บินไปสุราษฎ์ธานี ไหว้พระที่สวนโมกข์ สักการะพระบรมธาตุไชยา ชมเขาสามเกลอ ชมบรรยากาศกุ้ยหลินเมืองไทย นั่งเฟอรี่ไปเกาะสมุย ชมหินตาหินยาย
วันที่ 1 ธันวาคม บินไปบรูไน ท่องตลาดกาดงไนท์มาร์เก็ต ชมพระราชวังสุลต่าน ล่องเรือชมลิงจมูกยาว ชมพิพิธภัณฑ์ Royal regalia หมู่บ้านกลางน้ำ อิสลามิคแกลอรี่ มัสยิดต่างๆ
วันที่ 3 ธันวาคม เดินทางบินไปฟิลิปปินส์ ชมภูเขาตาอัล โรงงานจี๊ปแฟ็คตอรี่ ช๊อปปิ้ง SM Mall เที่ยวป้อมปราการซานดิอาโก เมืองมะนิลา ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพในวันที่ 5 ธันวาคม
อิ่มเอมเปรมใจกับการกลับไปเที่ยวเมืองไทยบ้านเกิดเมืองนอนแถมได้โบนัสชมศิลปะวัฒนธรรมไทยของอีก 2 ประเทศอีกด้วย จะเอาความสุขมาฝากเป็นตัวอักษรพร้อมรูปสวยๆมาให้ชมกันเร็วๆนี้นะคะ
ด้วยความรักและปรารถนาดีจาก Super Pat