ซุปเปอร์แพท
ปิยะพัชรี ศิลปี



ส่งกำลังใจไปที่ “ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต. อุทัยสวรรค์”

บทความนี้ ไม่เขียนถึงไม่ได้...จากเหตุกราดยิงที่เกิดขึ้น สะท้อนถึงภาพรวมวิกฤตปัญหายาเสพติดของไทย และปัญหาความซึมเศร้าของจิตใจ โดยเฉพาะยาบ้าที่กำลังระบาดหนักในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ อีกทั้งยังมีราคาถูกและหาซื้อง่าย จนมีบางคนเปรียบเทียบว่า “ยาบ้านั้นถูกกว่าลูกอม” มีผู้เสียชีวิตเกือบ 40 ศพ โดยเฉพาะเด็กเล็กไร้เดียงสาที่ไม่รู้เรื่องราวต้องมาเสียชิวิตด้วยวัยอันไม่สมควร

การสูญเสียลูกและคนที่รัก คือโศกนาฎกรรมที่รุนแรงที่สุดของพ่อแม่ ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้สูญเสียและผู้ได้รับบาดเจ็บทุกคน ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนผ่านพ้นช่วงเวลาที่หดหู่โหดร้ายนี้ไปได้

ข้อมูลหนึ่งที่สะท้อนชัดถึงปัญหายาบ้าในไทย คือรายงานจากสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime: UNODC) ที่เผยแพร่เมื่อกลางปีที่แล้ว ซึ่งชี้ให้เห็นว่าแก๊งค้ายาในเอเชียนั้นผลิตและส่งออกยาบ้าสู่ตลาดได้มากขึ้นเป็นประวัติการณ์ ถึงแม้ในขณะนั้นจะเผชิญปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด แต่ก็สามารถปรับตัวและหาช่องทางรับมือได้อย่างรวดเร็ว

ในขณะที่แหล่งผลิตและขนส่งส่วนใหญ่นั้นมาจากไทยและประเทศลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ซึ่งข้อมูลนี้กลายเป็นคำถามสำคัญที่คนไทยกำลังสงสัยว่า ทำไมไทยจึงกลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการระบาดของวิกฤตยาบ้า?

ทุกคนคงทราบข่าวใหญ่เมื่อวันที่ 6 ต.ค. 2565 กรณี ส.ต.อ.ปัญญา คำราบ อดีต ผบ.หมู่ ป.สภ.นาวัง และถูกไล่ออกจากราชการ มีความกดขี่ในจิตใจ เนื่องจากถูกจับกุมคดียาเสพติด ก่อเหตุกราดยิงในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 36 คน บาดเจ็บ 12 ราย เหตุเกิดเมื่อช่วงเที่ยงวันนี้ (6 ต.ค.) ก่อนจะยิงตัวตายพร้อมลูกและเมีย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ตอนนี้จิตแพทย์ทำงงานหนักมาก เจอเคสพ่อแม่พาลูกมาปรึกษาเต็มไปหมด เพราะคนรุ่นใหม่ที่กำลังจะมาเป็นพลังพัฒนาประเทศ กลายเป็นคนที่เปราะบาง รักสบาย ใครขัดใจไม่ได้ พร้อมจะระเบิดอารมณ์ ใส่คนอื่น ใส่ใครไม่ได้ เลยใส่ตัวอง กลายเป็นโรคซึมเศร้า

เหตุการณ์แบบนี้ในไทยและไต้หวัน เรียก “สตรอเบอรี่เจนเนอเรชั่น” ดูสวยงามแต่เปราะบาง เพราะถูกเลี้ยงตามใจราวกับเทวดา ไร้มารยาท ไร้ความเกรงใจผู้อื่น ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ สุดท้ายกลายเป็นโรคซึมเศร้า เวลาเจอเรื่องที่ผิดหวัง ในจีน เรียกว่า “ฮ่องเต้ซินโดรม”

Self Esteem หรือความภาคภูมิใจในตัวเองไม่มี มีแต่ หายอดไลค์ไปวันตามโซเชียลมีเดีย เสียเวลาไปมากมาย เพื่อรอการยอมรับจากคนอื่น เพราะสร้างด้วยตัวเองไม่เป็น มีแต่เปลือกที่เปราะบาง

วันนี้ขอนำเอาบทความ “วิธีฝึกความอดทน” ของ ศ.ดร.นพ.วิทยา นาควัชระ มาแบ่งปัน เพื่อนำไปเป็นประโยชน์กับตัวเอง

ยิ่งอายุมากขึ้นยิ่งรู้ว่า ความอดทนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชีวิตมาก ถ้าขาดความอดทน ชีวิตจะล้มเหลวแทบทุกอย่าง

คนรุ่นใหม่ไม่อดทนกัน เพราะ พ่อ-แม่ ลืมฝึกให้ลูกอดทน คอยตามใจและช่วยลูกมากเกินไป ลูกๆเลยทำอะไรไม่ค่อยเป็น เติบโตมาเป็นคนโกรธง่าย ท้อถอย ทำสิ่งใดไม่สำเร็จ

ความอดทนเป็นวุฒิภาวะอย่างหนึ่งที่ทุกคนควรมี คนที่ขาดความอดทน มักมีสภาวะทางจิตใจและท่าทางเป็นเด็ก

บางคนชินต่อการบ่น ทำอะไรเหนื่อยหน่อยก็บ่น ยิ่งบ่น ยิ่งไม่อดทน นอกจากไม่บ่น เวลาฝึกหรือทำงายหนัก อยากแนะนำให้ชมตัวเอง ว่า เราเก่งขึ้น ทุวัน ทุกนาทีที่ทำงานหนัก จะเกิดกำลังใจและฮึกเหิมที่จะทำงานหนักมากขึ้น ในทางพุทธศาสนา สอนให้เราคิดว่า กำลังชดใช้”เวร” และ “กรรม” กันอยู่ แต่ถ้าเป็นแนวคิดทางคริสเตียน เขาเชื่อว่า การที่เราลำบาก และต้องอดทนให้ได้นั้น เป็นเพราะ พระเจ้ากำลังทดสอบความอดทนของเรา

อีกวิธีหนึ่ง ให้คิดว่า “ความอดทน คือความกล้าหาญ” เราจะทนได้มากขึ้น เพราะคำว่า กล้าหาญ เป็นเสมือนเหรียญตราที่มีเกียรติประดับอยู่ที่หน้าอกเรา ใครมี่มีความอดทนจะได้เปรียบในทุกๆด้านของชีวิต จะทำให้เราอดกลั้นได้มากขึ้นทั้งกายและใจ และความคิด

จงมีความอดทนกันเถอะ เพื่อเป็นคนมีคุณภาพ ช่วยกันพัฒณาจิตใจ และพัฒนาโลกกันให้เจริญรุ่งเรือง

ด้วยรัก และ ปรารถนาดีจาก Super Pat (323)702-0788