ซุปเปอร์แพท
ปิยะพัชรี ศิลปี



COVID-19 บอกอะไรเราหลายๆอย่าง

ในช่วงกักกันที่รัฐบาลสั่งให้อยู่บ้านถ้าไม่จำเป็นไม่ควรออกนอกบ้าน Social Distancing อาทิตย์ที่ 3 แล้ว จนกว่าจะถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2020 หรือนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับยอดคนติดเชื้อและยอดคนตายจะลดจำนวนลง ทำให้ดิฉันมีเวลาอ่านบทความต่างๆมากขึ้นโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับไวรัสโควิด 19 เป็นข่าวจริงบ้าง ปลอมบ้าง อ่านจนละลานตาไปหมด ไหนยังจะมี Line จากเพื่อนๆที่หวังดีส่งเข้ามาให้อ่านเป็นประจำ เราจำเป็นต้องคัดกรองเอาข่าวจริงที่น่าเชื่อถือได้มาเป็นบทเรียนและให้ความรู้กับเรา เช่น บทความที่ดิฉันนำมาให้แฟนคลับไทยแอลเอได้อ่านกัน ล้วนเป็นความรู้และเป็นประโยชน์จริงๆจึงจะนำมาฝากให้คุณๆได้อ่านกัน ขออนุญาติเจ้าของบทความจากอินเตอร์เน็ทที่ดิฉันอ่านแล้วคัดกรองมาให้คุณๆมา ณ.ที่นี้ด้วยนะคะ

…เดือนที่ผ่านมา มหาเศรษฐีบิล เกสต์ บริจาคเงินจำนวนกว่าสามพันล้านบาทเพื่อพัฒนาวัคซีนต้านเชื้อ COVID-19เขาได้เขียนจดหมายเปิดผนึกที่ตีพิมพ์โดยหนังสือพิมพ์อังกฤษ The Sun เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2562

…ในชื่อเรื่องว่า “COVID-19 ให้บทเรียนอะไรกับเราบ้าง”......“ผมเป็นคนที่เชื่อว่า…มีบางอย่างดลบันดาลให้ทุกอย่างบนโลกนี้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องร้ายหรือดี ผมมาตรองดูแล้ว…ก็อยากจะแชร์สิ่งที่ผมคิดไว้ว่า COVID-19 กำลังทำอะไรกับเรา

1) มันเป็นสิ่งเตือนใจว่าพวกเราทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่ว่าเราจะอยู่ในวัฒนธรรมไหน นับถือศาสนาอะไร มีอาชีพอะไร สถานะทางการเงิน หรือชื่อเสียง… โรคนี้ปฏิบัติต่อเราอย่างเท่าเทียม และบางทีเราก็ควรจะปฏิบัติต่อคนอื่นแบบนั้นบ้างเหมือนกัน ถ้าคุณไม่เชื่อ ก็ไปถาม ทอม แฮงค์ดู

2) มันเป็นสิ่งเตือนใจว่าพวกเราทุกคนมีความเชื่อมโยงกันและอะไรที่กระทบคนหนึ่งก็จะกระทบคนอื่นด้วย …มันเป็นสิ่งเตือนใจว่าพรมแดนปลอมๆที่เราสร้างขึ้นมาไร้ค่าเพียงใดเพราะโรคนี้เดินทางไป…โดยไม่ต้องใช้หน้งสือเดินทาง

3) มันเป็นสิ่งเตือนใจว่าสุขภาพมีค่าเพียงใด…และเราได้ละเลยเรื่องนี้มาตลอดด้วยการกินอาหารที่ผลิตมาแบบแย่ๆและดื่มน้ำที่มีแต่สารเคมีปนเปื้อน

4) มันเป็นสิ่งเตือนใจถึงชีวิตอันแสนสั้นและสิ่งสำคัญที่สุดที่เราต้องทำ …นั่นคือการช่วยเหลือคนอื่น โดยเฉพาะผู้สูงอายุและคนป่วย …จุดมุ่งหมายของเราตอนนี้คือเราจะไม่ไปกว้านซื้อกระดาษชำระ

5) มันเป็นสิ่งเตือนใจว่าสังคมเราวัตถุนิยมมากเพียงใด… และให้เราจำไว้ว่าในเวลายากลำบากเราต้องการแค่สิ่งที่จำเป็นจริงๆ (อาหาร น้ำ ยารักษาโรค) ไม่ใช่ของฟุ่มเฟือยที่เราไปให้ค่ามันโดยไม่จำเป็น …

6) มันเป็นสิ่งเตือนใจว่าครอบครัว…และการใช้ชีวิตกับครอบครัวสำคัญมากเพียงใด ให้เรารู้ว่าเรามองไม่เห็นสิ่งนี้มากแค่ไหน…โรคนี้กำลังบังคับให้เราต้องใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเพื่อที่เราจะได้สร้างครอบครัวขึ้นมาใหม่และทำให้ครอบครัวแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง……งานของเรา

7) มันเป็นสิ่งเตือนใจว่าสิ่งที่เราต้องทำจริงๆไม่ใช่งาน …งานคือสิ่งที่เราทำแต่เราไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อให้ทำ…งานจริงๆของเราคือการดูแลและปกป้องคนอื่น …และทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น

8) มันเป็นสิ่งเตือนใจ…ให้เราควบคุมความเป็นตัวกู ของกูมันเป็นสิ่งเตือนใจว่า… ไม่ว่าเราหรือคนอื่นจะคิดว่าเรายิ่งใหญ่แค่ไหน เชื้อไวรัสนี้ก็ทำให้โลกหยุดนิ่งได้อยู่ดี

9) มันเป็นสิ่งเตือนใจว่าพลังในการเลือกอยู่ในมือเรา …เราเลือกได้ว่าจะทำงานร่วมกับคนอื่น ช่วยและแบ่งปัน หรือจะเห็นแก่ตัว กักตุนของ… และดูแลแต่ตัวเอง ยามยากนี่แหละที่ตัวตนที่แท้จริงของเราจะเปิดเผยออกมา

10) มันเป็นสิ่งเตือนใจว่า…เราสามารถจะเป็นคนที่อดทนหรือตื่นตระหนก เราเข้าใจได้ว่าสถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาหลายครั้งก่อนยุคของเราและมันจะผ่านไป ……หรือเราจะตระหนกและมองมันว่าเป็นจุดจบของโลกซึ่งดูแล้วน่าจะทำให้เราแย่มากกว่าดี …

11) มันเป็นสิ่งเตือนใจ…ว่าสิ่งนี้อาจจะเป็นทั้งจุดจบและจุดเริ่มต้น …ตอนนี้คือเวลาให้เรามาตรึกตรองและทำความเข้าใจว่าเราเรียนรู้อะไรจากข้อผิดพลาด …มันเป็นจุดเริ่มต้นของวงจรที่จะหมุนไป จนกว่าเราจะได้บทเรียนที่เราต้องรู้ …

อ่านบทความนี้จบแล้วได้ให้ข้อคิดกับดิฉันว่า คนเราเป้นเพื่อนร่วมโลก เป็นญาติ มีความสัมพัน์กันทุกคน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับคนใด เราทุกคนจะได้รับผลกระทบกันไปหมดเหมือนลูกโซ่ ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐกิจ การเมือง โรค ภัยพิบัติต่างๆ ฯลฯ

ดิฉันจึงเห็นด้วยกับข้อความของคุณบิล เกสต์ ที่เราจะต้องช่วยเหลือ ดูแล กันและกัน ทั้งส่วนตัวและส่วนรวม เราควรรักกัน ดูแลกัน พึ่งพาอาศัยกัน ถนอมน้ำใจกัน อลุ้มอล่วยกัน คุณๆเห็นด้วยกับดิฉันไหมคะ

ด้วยรักและปรารถนาดี ขอให้พระเจ้าอวยพร บุญหนุน กุศลส่ง เทวดาคุ้มครอง จาก Super Pat (323)702-0788