เนื่องจากจะเข้าเทศกาลรับปริญญาของนักเรียน นิสิต นักศึกษา ในอเมริกา กันในเร็วๆนี้ น้องภูริท บุษพักตร์ หลานคุณยาย Super Pat ก็เป็นอีกคนนึง ที่จะเข้ารับปริญญาในวัน Graduate จากโรงเรียน Conard High School, Connecticut ในวันที่ 15 มิถุนายน 2021 เพื่อเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย Cornell University, New York (ภูมิใจจัง) วางแผนว่าจะไปร่วมรับปริญญากับหลานชายเพื่อร่วมแสดงความยินดีด้วย
ฝากรูปลูกสาวคนโต น้องวิจาริณี ศรีพิพัฒน์ตอน รับปริญญาโท จาก University of La Verne ปี 1997 และ ลูกสาวคนที่สอง น้อง อลิสยา ศรีพิพัฒน์ บุษพักตร์ รับปริญญาตรีจาก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ปี 2534, รุ่น KU47 และน้องภูริท มาให้ดูเป็นตัวอย่างการรับปริญญา
สิ่งนี้เป็นเหตุดลใจให้เขียนบทความถึงการรับปริญญาที่แตกต่างของ 3 ประเทศ คือที่ ประเทศไทย ประเทศญี่ปุ่น และประเทศสหรัฐอเมริกาว่าแต่ละประเทศนั้นเค้ารับปริญญากันอย่างไร ตามที่ได้อ่านเจอบทความที่น่าสนใจในอินเตอร์เน็ท มาแบ่งปันกันตามนี้ค่ะ
ไทย ญี่ปุ่น และ อเมริกา จะมีความเหมือนหรือต่างกันในเรื่องของการรับปริญญาอย่างไรกัน มีรูปแบบการแต่งตัวอย่างไร พิธีรับปริญญานานไหม และรับกันช่วงไหน...
ความแตกต่างของการรับปริญญาในประเทศที่คัดเลือกมาจะมีทั้งหมด - ประเทศ ไทย ญี่ปุ่น อเมริกา
เริ่มจากการแต่งตัว
ไทย...ต้องใส่ชุดครุยตามรูปแบบที่มหาวิยาลัยกำหนด จะต้องแต่งตัวให้เป็นไปตามกฎระเบียบที่วางไว้ทั้งสีกระโปรง ความยาวกระโปรง รองเท้า
ญี่ปุ่น...จะแต่งแบบใดก็ได้ ไม่มีรูปแบบกำหนดไว้ตายตัว แต่โดยส่วนมากแล้ว ผู้ชายจะใส่สูทด้วยโทนสีเข้มๆ ที่ญี่ปุ่นสีดำและสีโทนเข้มถือว่าเป็นสีสุภาพ ส่วนผู้หญิงจะแต่งตัวด้วยชุดฮากามะ
อเมริกา...แต่งตัวอย่างไรก้ได้ แต่ขอให้สุภาพและใส่เสื้อคลุมสีดำทับเข้าไปอีกที
รับปริญญากันเมื่อไร...
ไทย...แล้วแต่กำหนดของมหาวิทยาลัยเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป หรืออาจได้รับในวันปีถัดไปหลังจากที่เรียนจบก็เป็นได้
ญี่ปุ่น...เดือนมีนาคมของทุกปี
อเมริกา...บางมหาวิยาลัยสอบไฟนอลวันนี้ อีก 2 วันรับเลย โดยผู้อยากเข้ารับปริญญาต้องแจ้งกับอาจารย์ เพื่อที่จะเร่งตรวจข้อสอบให้ ถ้าไม่ติดอะไรก็จะเตรียมรับปริญญาได้เลย
ต้องซ้อมรับกันไหม
ไทย...ถ้าใครที่อยากเข้ารับปริญญาบัตรจะต้องซ้อมรับปริญญาทุกคนซึ่งการซ้อมมีตั้งแต่ 2-3รอบกว่าจะได้รับจริง
ญี่ปุ่น...ไม่มีการซ้อม รับจริงเลย
อเมริกา...ไม่มีการซ้อม แต่จะมีการเปิด Power Point และแนะนำนิดหน่อยว่าวันซ้อมจะต้องรับแบบไหน
จำเป็นต้องเข้ารับไหม
ไทย...จะรับหรือไม่รับก็ได้ แต่ส่วนมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ จะเข้ารับ
ญี่ปุ่น...เลือกได้ว่าจะเข้ารับหรือไม่แต่ส่วนมากจะเข้ารับ
อเมริกา...เลือกได้ แต่ส่วนมากจะไม่ค่อยมากัน
บรรยากาศงานรับปริญญา
ไทย...บริเวณรอบๆและภายในมหาวิทยาลัยจะมีร้านขายของ ขายตุ๊กตา ดอกไม้ และมีการจัดซุ้มถ่ายรูป และมีรุรน้องมาบูมให้รุ่นพี่บัณฑิต
ญี่ปุ่น...มีการจัดซุ้มขายขิงที่ระลึกจากสหกรณืมหาวทยาลัยของนักศึกษารุ่นน้อง ตัวอย่างของที่ระลึก เข่น เสื้อ สมุดจด ฯลฯ และมีการบูมของรุ่นน้องในชมรมต่างๆ
อเมริกา...บรรยากาศงานเรียบๆ ไม่มีการขายของ ไม่มีบรรยากาศครึกครื้นเหมือนของไทย อาจมีร้านขายดอกไม้และของที่ระลึกบ้าง หน้าทางเข้าหอประชุมเท่านั้น แต่ราคาจะแพงกว่าที่ขายทั่วไปตามท้องตลาด
ถ่ายรูปเยอะไหม
ไทย...ถ่ายตั้งแต่เช้ายันเย็นถ่ายไม่รู้กี่รอบ ถ่ายรูปวันซ้อมใหญ่ วันรบจริง บางคนจ้างช่างภาพมืออาชีพมาถ่ายรูปด้วย
ญี่ปุ่น...ถ่ายรูปตามมุมต่างๆในมหาวิยาลัย แต่ไม่ได้ถ่ายมากมายแบบของไทย และจะถ่ายรูปในวันรับปริญญา เพราะชุดฮากามะที่เช่ามา เป็นเช่ารายวันที่มีราคาค่อนข้างสูง ไหนจะค่าแต่งหน้าทำผม บางคนอาจถ่ายรูปเยอะหน่อยให้คุ้มกับค่าแต่งตัว
อเมริกา...มีการถ่ายรูปก่อนและหลังเข้าหอประชุมบ้างพอเป็นพิธี ไม่ได้ถ่ายอะไรมากมายนัก
พิธีการรับปริญญาบัตร
ไทย...มหาวิทยาลัยเอกชนรับกับอธิการบดี มหาวิยาลัยที่อยู่ในการกำกับของภาครัฐกับพระบรมวงศานุวงศ์ เป็นพิธีจริงจัง เคร่งครัด สำรวม เวลาที่ใช้ในการทำพิธีอาจกินเวลานาน
ญี่ปุ่น...เข้าร่วมพิธีฟังโอวาทอธิการบดีประมาณ 1 ชั่วโมง-ชั่วโมงครึ่ง จากนั้นถึงจะรับปริญญาบัตรจริงๆจากอาจารย์ที่ปรึกษาหรืออาจารย์ประจำคณะที่ห้องแยกต่างหาก
อเมริกา...ในพิธีจะเชิญบุคคลสำคัญมาพูดเล่าประสบการณ์ให้ฟัง เป็นบุคคลที่ประสลผลสำเร็จ หรือนักศึกษาที่โดดเด่น จากนั้นจึงเข้าสู่การรับปริญญาบัตรจากอธิการบดี ก่อนลงจากเวทีจะมีอาจารย์จากคณะต่างๆมายืนแสดงความยินดี ในขณะที่ ญาติพี่น้อง ครอบครัวและเพื่อนฝูงสามารถส่งเสียงแสดงความยินดีอย่างเต็มที่ แต่ปริญญาบัตรที่ได้บนเวที ไม่ใช่ตัวจริ ต้องไปแลกตัวจริงอีกที ซึ่งพิธีทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงเท่านั้น
มีใครเข้าหอประชุมได้บ้าง...
ไทย...จะมีแค่บัณฑิตเข้าหอประชุมได้
ญี่ปุ่น...ผู้ปกครองสามารถเข้าหอประชุมได้โดยจะมีพื้นที่จัดแยกไว้ให้
อเมริกา...ผู้ปกครองสามารถเข้าหอประชุมได้ แต่จะเว้นที่แถวด้านหน้าไว้ให้บัณฑิตนั่ง
นี่ละค่ะคือความแตกต่างของการรับปริญญาบัตรจาก 3 ประเทศ ให้คุณๆอ่านไว้เพื่อความรู้ และแบ่งปันกันในวงสนทนา
ด้วยรักและปรารถนาดี จาก Super Pat (323)702-0788