ได้รับจดหมายเตือนภัยให้ระวังการถูกทำร้ายโดยกลุ่มคนเหยียดผิว จากสถานกงสุลใหญ่แห่งนครลอสแอนเจลิส จึงนำมาเผยแพร่ต่อให้พวกเราชาว เอเซียนทุกคนให้ระวังตัว อย่าการ์ดตกทั้งภัยจากโรคโควิด และภัยจากการเหยียดผิว สาเหตุมาจากคำพูดคำเดียวของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ผู้นำประเทศอเมริกาเรียก โรคโควิด 19 ว่า “ไชนีส ไวรัส” ตั้งแต่ปีที่แล้ว 2020 ทำให้เข้าใจผิดว่าต้นเหตุมาจากชาวเอเซี่ยน เมื่อปลายเดือนมีนาคมชุมชนเกาหลีได้จัดชุมนุมต่อต้านการถูกทำร้ายจากการเหยียดผิวขึ้นที่เมืองเกาหลีในแอลเอ และ วันที่ 8 เมษายน 2021 ชุมชนไทยในแอลเอได้จัดให้มีการ ชุมนุมต่อต้านการทำร้ายจากการเหยียดผิวขึ้นที่เมืองไทยทาวน์ ฮอลลีวูด
จากปี 2020 ถึง 2021วันนี้ ชาวเอเซี่ยนถูกทำร้ายมากกว่าเดิม เกินกว่า 100% ตามหัวเมืองใหญ่ๆ เช่น นิวยอร์ค ชิคาโก แอ๊ตแลนต้า ซานฟรานซิสโก(มีผู้สูงอายุชายไทยถูกทำร้ายเสียชีวิต และผู้สูงอายุขาวเอซียหลายคนถูกทำร้ายที่เมืองนี้) และ เมืองลอสแอนเจลิส
“การเหยียดชาติพันธุ์และการทำร้ายร่างกายต่อคนที่มีเชื้อสายเอเชียก็กระจายไปพร้อมๆ กับโรคระบาด Covid 19 พวกผู้นำจะต้องลงมือกระทำอะไรสักอย่างให้เด็ดขาดไปเลยให้คนได้รับรู้ถึงปัญหานี้” เสียงจาก ‘John Sifton’ – ผู้อำนวยการด้านการสนับสนุนฝั่งเอเชียจากองค์กร Human Right Watch และยังกล่าวเสริมต่อว่า “รัฐบาลควรกระทำการเพื่อขยายความช่วยเหลือสาธารณะให้กว้างกว่านี้ สนับสนุนการอดทนอดกลั้นต่อกัน และเผชิญหน้ากับคำพูดที่สร้างความเกลียดชังในขณะที่ยังสอบสวนและดำเนินการลงโทษพวกคดีเหล่านี้ไปด้วย”
Escalating Racism – เป็นที่น่าสนใจว่าในแต่ละปีนั้น สหรัฐอเมริกาจะมีอัตราคดีอาชญากรรมจากความเกลียดชังที่มากขึ้นเรื่อยๆ โดยจากรายงาน ‘Hate Crime Statistics Act’ รายปี พบว่า เกิดคดีในลักษณะดังกล่าวถึง 7,314 คดีเมื่อปี 2019 โดยมากขึ้นจากปี 2018 ที่ 7,210 คดี และในปี 2020 ก็เกิดเป็นการเคลื่อนไหวระดับโลกเมื่อเกิดกระแส Black Lives Matter จากการเสียชีวิตของ ‘George Floyd’ เรียกได้ว่าการเหยียดชาติพันธุ์จนนำไปสู่ความสูญเสียนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่อย่างใด
มาดูเพิ่มเติมว่า ‘Domestic Conflict’ หรือ ความขัดแย้งในประเทศ สหรัฐอเมริกาเป็นไงบ้าง – ประเทศนี้เป็นประเทศที่มีความหลากหลาย (Diversity) สูงเป็นอย่างมาก ฉะนั้น จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งจากความหลากหลาย ตรงกันกับที่นักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกัน ‘Arthur M. Schlesinger Jr.’ ได้เคยกล่าวว่า มนุษย์ในสังคมที่ความเป็นพหุวัฒนธรรม (Multiculturalism) สูงมีแนวโน้มจะสร้างความขัดแย้งกันเองและพยายามสร้างกลุ่มเฉพาะของตัวเอง Schlesinger เสนออีกว่า หากต้องการให้คนกลุ่มนี้หยุดทะเลาะกัน จะต้องใช้วิธีหลวมรวมประเทศเป็นหนึ่งเดียวกัน และหลอมรวมวัฒนธรรมจนทุกคนไม่รู้สึกถึงความแปลกแยกต่อวัฒนธรรมในประเทศ
อีกประเด็นที่ควรตระหนักคือ ‘Transnationalism’ – นั่นคือปรากฏการณ์ทางสังคมที่คนต่างสังคมทำการติดต่อเชื่อมโยงผ่านความสัมพันธ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม ผ่านทางเทคโนโลยี ซึ่งเกิดเร็วขึ้นและท้าทายวิธีคิดและระบบแบบรัฐชาติ และสิ่งที่ควรตระหนักร่วมกันคือความเป็นสากลในการเคารพสิทธิมนุษยชนของคนไม่ว่าเขาคนนั้นจะมาจากชาติใดก็ตาม ซึ่งทางเราขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งและขอร่วมประณามการกระทำที่เกิดจากเหตุแห่งความเกลียดชังดังกล่าวอย่างถึงที่สุด
#HateCrime #Racism #Discrimination
#AsiansAreHuman #SaveVicha
ขอให้ทุกคนระวังตัวกันให้ดี ไม่ว่าจะไปที่ไหน จงมองซ้าย มองขวา โดยเฉพาะทางด้านหลัง เป็นห่วงทุกคน
ด้วยรักและปราถนาดี จาก Super Pat (323)702-0788