Special Scoop
“สุขสันต์วันสงกรานต์” ไทยนิวเยียร์ เดย์ สงกรานต์เฟสติวัล ครั้งที่ 9
ณ ไทยทาวน์ นครลอสแองเจลีส 13 เมษายน ณ ไทยแลนด์พลาซ่า และวันที่ 14-15 เมษายน 2555 ณ วัดไทยลอสแองเจลีส ความฝันของนักเรียนทั้ง 19 คน จากโรงเรียนบางมดวิทยา “สีสุกหวาดจวนอุปถัมภ์” กรุงเทพมหานคร ที่รอคอยมากว่า 7 ปี เป็นความจริงอีกครั้งหนึ่งแล้ว หลังจากที่พวกพี่ของเขาได้สร้างชื่อเสียงและเกียรติประวัติไว้เมื่อปี 2548 ในงานทอดกฐินพระราชทานและงานลอยกระทง ณ วัดไทยลอสแองเจลีส จากวันนั้นถึงวันนี้ มันเป็นความใฝ่ฝันของเยาวชนไทยที่ได้ทุ่มเท ตั้งใจและใช้เวลาว่าง หมั่นฝึกซ้อมทั้งนาฎศิลป์และโปงลาง เพียงเพื่อที่จะได้มีโอกาสสักครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะได้มีโอกาสมาเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทยอันทรงคุณค่าที่บรรพบุรุษไทยได้สร้างสรรค์ จรรโลงไว้อย่างวิจิตรงดงามเหลือประมาณ

ด้วยความเมตตาอันยิ่งใหญ่เพียบพร้อมด้วยความปรารถนาดี ที่มีต่อเยาวชนไทย ของพระเดชพระคุณเจ้าพระราชธรรมวิเทศ หัวหน้าคณะสงฆ์ไทยวัดไทยลอสแองเจลีส เมื่อทราบข่าวว่าโรงเรียนบางมดวิทยาฯ มีความพร้อมที่จะมาเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทย เนื่องในงานเทศกาลสงกรานต์ ณ วัดไทยลอสแองเจลีส จึงได้ทำหนังสือเชิญคณะนาฎศิลป์และวงโปงลางโรงเรียนบางมดวิทยาฯ มาแสดง ผอ.สนั่น ชนันทวารี จึงได้ประสานงานขอความอนุเคราะห์จากท่านประธานสภากรุงเทพมหานคร คุณสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ซึ่งพอดีกันกับที่สภากรุงเทพมหานครกำลังดำเนินการเชื่อมความสัมพันธไมตรีเป็นเมืองแห่งมิตรภาพ (Friendship City) ระหว่างนครลอสแองเจลีสกับกรุงเทพมหานคร โดยมีท่านกงสุลใหญ่ดำรง ใคร่ครวญ เป็นผู้ประสานงานในครั้งนี้ เมื่อท่านประธานสภากรุงเทพมหานครทราบว่าโรงเรียนบางมดวิทยาฯ จะมาเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทย ณ วัดไทยลอสแองเจลีส ท่านจึงสนับสนุนให้นักเรียนมาร่วมงานไทยนิวเยียร์ เดย์ สงกรานต์เฟสติวัล ครั้งที่ 9 ณ ไทยทาวน์ ในวันที่ 1 เมษายน 2555 ด้วย ท่านประธานสภากรุงเทพมหานครได้เมตตาหาผู้อุปถัมภ์ค่าใช้จ่ายในการเดินทางทั้งหมด และทางวัดไทยลอสแองเจลีส ยินดีอนุเคราะห์ที่พักและอาหารรับรอง ตลอดที่คณะพำนักอยู่ ณ วัดไทยลอสแองเจลีส

เวลา 10.25 น. ของวันที่ 27 มีนาคม 2555 เครื่องบินสายการบินเกาหลี KE 017 ลงจอด ณ สนามบิน LAX อย่างนิ่มนวล ทันใดนั้นหัวใจของเยาวชนไทยทั้ง 19 ชีวิต ก็พองโต ทั้งตื่นเต้น ระทึกใจ ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เบิกบานใจเป็นที่สุด หลังจากที่พวกเขาต้องเดินทางโดยใช้เวลายาวนานกว่า 17 ชั่วโมง ความเมื่อย ความอ่อนล้า ความเพลีย หายไปอย่างปลิดทิ้ง คณะผ่านการตรวจจากเจ้าหน้าที่ตม.ที่มากด้วยน้ำใจ และผ่านการตรวจสัมภาระได้อย่างรวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ เมื่อคณะออกมายังบริเวณด้านนอกได้สัมผัสกับอากาศที่หนาวเย็นผู้คนแปลกหน้าแปลกตาเป็นบรรยากาศที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ทุกคนมองหาพระที่มารับเพราะคิดว่าคงจะเหลืองเต็มสนามบิน แต่ผิดคาด ได้พบกับคุณป้าอ้วนและคุณป้าเต็ม เท่านั้น คุณป้าอ้วนบอกว่าไม่มีพระมารับเพราะไม่ได้ประสานงานไว้ เพียงแต่รับทราบว่าจะมาขอพักที่วัดไทยเท่านั้น ประกอบกับหลวงพ่อใหญ่ผ่าตา พระรับกิจนิมนต์และบางรูปกลับเมืองไทย โอ้ย! ทำอย่างไรดีล่ะ จึงได้ประสานขอความช่วยเหลือจากคุณกิจจา คุณรัชดา คุณธรรม ครูเปิ้ล และLAX-C ส่งรถบรรทุกมาขนของ คณะทั้ง 26 ชีวิตจึงไปถึงวัดไทยเรียบร้อย และได้รับประทานข้าวผัดแบบไทย ๆ เป็นอาหารไทยมื้อแรกที่สุดแสนจะอร่อยจากแม่ครัวป้าแดงและป้านันท์ ที่ทุ่มเทผัดอย่างสุดฝีมือแล้วยังอบอวลไปด้วยความเมตตาที่มีต่อเยาวชนไทยคณะนี้

“ลูก ๆ จำไว้เสมอนะ ว่าการเดินทางไปในครั้งนี้ เราไปมอบความสุขให้กับคุณลุงคุณป้าคุณน้าคุณอา ที่ท่านได้เหน็ดเหนื่อย ก่อร่างสร้างตัวด้วยความมุ่งมั่น วิริยะ อุตสาหะ และสร้างชื่อเสียงไว้ให้เป็นที่ประจักษ์ในสังคมของชาวอเมริกัน ” เสียงครูตุ๊กตาที่ให้การอบรมสั่งสอนลูกศิษย์ จำนวน 19 คน ที่ผ่านการคัดเลือกอย่างเข้มข้นกว่าร้อยคน ก่อนถึงวันเดินทาง นั้นเป็นเป้าหมายที่สำคัญ “และเธอต้องสำนึกไว้เสมอว่าต้องไม่ทำตัวให้เป็นการรบกวนทั้งพระสงฆ์ บอร์ดวัดไทย คณะกรรมการจัดงานไทยนิวเยียร์ และคนไทยที่แอลเอทุกคน” เป็นคำสั่งสอนที่แฝงไว้ในเรื่องของความเกรงใจเพื่อให้เด็กได้รับทราบว่า จงอย่าเป็นคนที่ชอบเรียกร้องและเธอจงทำทุกอย่างให้ดีที่สุด รู้หน้าที่ของตนเอง ว่าเรารับผิดชอบอะไร มีหน้าที่อะไร อะไรควรอะไรไม่ควร อยู่วัดให้ทำตนให้เป็นประโยชน์ ให้ช่วยงานครัว กวาดลานวัด ทำความสะอาดที่พัก ปฏิบัติธรรมและช่วยเหลืองานวัดทุกอย่างอย่าได้นิ่งนอนใจ ให้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันปฏิบัติหน้าที่ตลอดที่พำนักอยู่ที่วัดไทยนี้ นักเรียนจึงได้มีส่วนช่วยประกอบเวทีการแสดงและเมื่อมีเวลาว่างหลังจากเสร็จภาระกิจแล้วก็จะฝึกซ้อมการแสดงอยู่เสมอ และไม่มีกำหนดการไปเที่ยวที่ใด ๆ เมื่อผู้ใหญ่ใจดีทราบว่านักเรียนจะไม่มีโอกาสไปเที่ยวที่ไหนทั้งสิ้น น้ำใจประกอบกับความเมตตาก็หลั่งไหลมาเสมือนน้ำท่วมกรุงเทพเมื่อปีที่แล้ว คุณซี บอร์ดวัดไทยพร้อมครอบครัวซื้อตั๋วรถเมล์แล้วพานักเรียนไปศึกษาแหล่งเรียนรู้ ณ สถานที่ ต่าง ๆ เช่น ลองบีช ไชน่าทาวน์ ถนนฮอลลีวูด เล่นเอาชาวอเมริกันตกใจ เมื่อคณะขึ้นรถเมล์ไปพร้อมกันทั้ง 26 คน คนอเมริกัน ถามลูกสาวคุณซีว่าเป็นใครมาจากไหน ทำไมสุภาพจัง เพราะเมื่อนักเรียนเดินผ่านคุณซี นักเรียนจะค่อมตัวลง อันเป็นมารยาทไทยที่คุณพ่อคุณแม่และคุณครูได้อบรมสั่งสอนไว้ ลูกสาวคุณซีสังเกตพฤติกรรมเห็นนักเรียนชายคอย ดูแลปกป้องนักเรียนหญิง นักเรียนแบ่งขนมกันกิน และนักเรียนบางคนสวมใส่เสื้อกันหนาวตัวบาง ๆ สวมรองเท้าเก่า ๆ ก็เกิดความสงสารเมื่อกลับไปถึงบ้านจึงไปขนเสื้อกันหนาวและรองเท้ามาให้น้อง ๆ เมื่อคนอื่น ๆ ทราบข่าวก็นำอาหาร ผลไม้ น้ำ โดยเฉพาะโดนัทที่นำไปขายในเมืองไทยที่นักเรียนไม่มีโอกาสได้รับประทานก็ได้มารับประทานที่นี่ บางท่านนำเครื่องสำอางค์และโลชั่นมามอบให้นักเรียนทุกคน นี่เพียงไม่กี่วันเท่านั้นเองอาหารการกินสมบูรณ์เหลือเฟือจริง ๆ ผิดกับเมื่อครั้งที่อยู่กรุงเทพ มีเพียงบะหมี่สำเร็จรูป กินซ้ำแล้วซ้ำเล่า แทบทุกมื้อแทบทุกวัน เมื่อมาฝึกซ้อมที่โรงเรียน “ครูขาหนูกลับไปอ้วนแน่ ๆ เลย” เพื่อน ๆ พากันหัวเราะ “โอ้โฮ จะกินหมดไหมเนี่ยเต็มตู้เย็นเลย”นายตั๊วประธานนักเรียนอุทาน “เธอจำไว้นะคนไทยไม่ว่าอยู่แห่งใด ไม่แล้งน้ำใจ” ครูตุ๊กตาได้โอกาสสั่งสอนลูกศิษย์ “ฉะนั้นเธอจงเป็นคนที่มีความกตัญญู เพราะความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดี เราต้องตอบแทนพระคุณ ด้วยการคิดดี ทำดี และพูดแต่สิ่งดี ๆ นะ”

“เอาแล้วซิ แย่แล้ว นักเรียนลืมเสื้อผ้าชุดการแสดงไว้ที่วัด” เมื่อคณะมาถึงเวทีการแสดงที่ไทยทาวน์ ครูตุ๊กตาทำหน้าบอกบุญไม่รับ “นี่ขนาดเตือนแล้วเตือนอีกนะ ว่าใครรับผิดชอบอะไรให้ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด” นักเรียนหญิงคนหนึ่งบอกว่า “ได้ยินเพื่อนบอกว่าหยิบขึ้นรถมาแล้ว หนูก็เข้าใจว่าเขาหยิบมาแล้ว จึงไม่ได้ตรวจดูให้แน่ใจ” “นี่เห็นไหม ปากต่อปาก แล้วเป็นอย่างไร” จึงรีบกลับมาที่วัดไม่ทราบว่าใครนำเสื้อกันหนาวมาวางทับไว้ ทำให้คิดว่ามีคนหยิบไปแล้ว หลังจากการแสดงเสร็จสิ้นลงและนักเรียนรับประทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว ครูและนักเรียนจะประชุมทุกครั้งเหมือนวันที่แล้ว ๆ มา เพื่อรับฟังปัญหา สอบถามสารทุกข์สุกดิบ และกำหนดการของวันต่อไป ครูตุ๊กตายกตัวอย่างเรื่องการลืมเสื้อผ้าชุดแสดงเมื่อตอนเช้าไว้ที่วัด “เธอจงจำไว้นะการพูดปากต่อปาก นั้น มีความสำคัญมากอาจทำให้เราทะเลาะกัน เคืองใจกัน โกรธกัน เข้าใจผิดกัน ฉะนั้น เมื่อไม่รู้อะไรจริงอย่าเพิ่งพูด จะทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ได้ เห็นไหมที่บ้านเมืองเรามีปัญหา แบ่งสี แบ่งพวก ก็เพราะปากต่อปากทั้งนั้น เนื้อแท้แล้วคนไทยสืบเชื้อสายเผ่าพันธุ์กว่าพันปี เรามีนิสัยโอบอ้อมอารี รักสงบ และที่แน่ ๆ เรามีน้ำใจให้ต่อกัน ซึ่งเธอก็ได้ประจักษ์แล้วใช่ไหมเมื่อมาถึงสนามบิน มิใช่ความผิดของใคร ที่ไม่ได้มารับเพียงเกิดความเข้าใจผิดในการประสานงานซึ่งเราเข้าใจเองว่าทางวัดจะรับ ส่วนการแสดงที่ไทยทาวน์ ก็เป็นเพราะเราไม่ได้แจ้งคณะกรรมการจัดงาน ว่าจะมีการแสดงบนเวทีด้วย คิดว่ามีเพียงร่วมเดินพาเหรดเท่านั้น แม้แต่การแสดงที่วัดไทย บอร์ดวัดไทยก็เพิ่งทราบ เพราะเราเองก็กลัวว่ากงศุลอเมริกาที่กรุงเทพจะอนุญาตให้คณะเราเดินทางหรือไม่ กว่าจะรู้เรื่องว่าให้วีซ่า กว่าจะซื้อตั๋วเครื่องบิน กว่าจะทำเรื่องขออนุญาตเดินทางไปราชการ ทุกอย่างเร่งรีบไปหมด นี่เป็นบทเรียนที่สำคัญ สมควรกราบขอโทษทุก ๆ ท่านที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด เราต้องอย่าทำให้ผู้ใหญ่เข้าใจผิดกันเพราะเราเป็นเหตุ นะ”

เหมือนฟ้ามาโปรด คณะกรรมการไทยทาวน์สงสารนักเรียนจึงพร้อมใจกันสมทบเป็นทุนให้ไปทัศนศึกษาลาสเวกัสและแกรนแคนยอน เมื่อนักเรียนทราบข่าวต่างรู้สึกตื่นเต้นดีใจ และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทำไมผู้ใหญ่ใจดีจัง ไม่คิดไม่ฝัน ไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่หลายคนใฝ่ฝันจะได้มาเยือน “ครูขาหนูจะถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกไปฝากคุณพ่อคุณแม่และเพื่อน ไชโย” น้ำเสียงแสดงถึงความปิติยินดีที่ผู้ใหญ่ใจดีหยิบยื่นให้ความเมตตา จนครูตุ๊กตาต้องเขม่น ตาแบบดุ ๆ แล้วเตือนสติว่า “นี่เธอเบา ๆ หน่อย จะทำอะไรอย่างนึกว่า ใครไม่รู้ไม่เห็นนะ นี่เพราะเธอมีระเบียบวินัย มีสัมมาคารวะมีความดี เห็นไหมสวรรค์มีตา จึงดลบันดาลมาให้ ฉะนั้นจงตั้งหน้าตั้งตาทำความดีไว้นะ” สิ้นเสียงครูนักเรียนขานรับ “ครับ” “ค่ะ” กันอย่างพร้อมเพียง “ยังเหลือเวลาอีกหลายวันกว่าจะกลับเมืองไทยในวันที่ 18 เมษายน ขอให้ช่วยกัน ทำหน้าที่ที่รับผิดชอบให้ดีที่สุด แล้วคุณงามความดี จะส่งเสริมเธอเอง” ครูตุ๊กตากล่าวให้กำลังใจนักเรียน

หนี้บุญคุณอันใหญ่หลวง เรื่องทั้งหมดที่ได้ประมวลมานี้เป็นเพียงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่อยากจะบอกไปถึงผู้ใหญ่ใจดีทั้งที่นครลอสแองเจลีสและที่เมืองไทย ได้รับรู้ว่า ประเทศไทยจะดำรงอยู่ได้เพราะผู้ใหญ่ใจดี มีน้ำใจ มีคุณธรรมประจำใจ เห็นความสำคัญของเยาวชนลูกหลานไทย ที่เปิดโอกาสให้สักครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะได้เรียนรู้และมีประสบการณ์ในต่างแดนเพียงไม่กี่วัน นักเรียนหลายคนปรารภว่าอยากเรียนภาษาอังกฤษให้เก่ง ๆ เหมือนท่านฑูตอิสินธร สอนไว ท่านกงศุลใหญ่ดำรง ใคร่ครวญ ที่กล่าวปราศัยในพิธีเปิดงานไทยนิวเยียร์ เดย์ สงกรานต์เฟสติวัล ได้อย่างคล่องแคล่ว รวมทั้งคณะกรรมการและพิธีกรระดับมืออาชีพ ที่มีทักษะในการใช้ภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดียิ่ง ซึ่งนัก การศึกษาของไทยกำลังให้ความสำคัญในการจัดการเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษ และอีกแรงบันดาลใจของนักเรียนสิ่งหนึ่งก็คือบุตรหลานของคนไทยที่ศึกษาอยู่ที่แอลเอนี้ สามารถพูดคุย สื่อสารกัน ทำให้นักเรียนมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะศึกษาเล่าเรียนภาษาอังกฤษให้ดีที่สุด นับเป็นสิ่งดี ๆ ที่นักเรียนได้รับในการมาเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทย ในครั้งนี้

ขอกราบขอบพระคุณพระราชธรรมวิเทศ พระครูสิริกิติญาณวิเทศ(ท่านเริ่ม) พระสงฆ์ทุกรูป คณะกรรมการบอร์ดวัดไทยลอสแองเจลีส คุณมาลี เหมือนรักษา และคณะกรรมการจัดงานไทยนิวเยียร์ เดย์ สงกรานต์เฟสติวัล ครั้งที่ 9 คุณสุรพงษ์ ชิโนทัยและคณะกรรมการจัดงานประเพณีสงกรานต์ทุกท่าน คุณสุทธิชัย วีรกุลสุนทรประธานสภากรุงเทพมหานครและคณะ คุณวิรัช โรจนปัญญาและLAX-C รวมทั้งผู้ใหญ่ใจดีแห่งนครลอสแองเจลีสทุกท่าน มากมายจนไม่สามารถจะกล่าวให้หมดได้ ที่มีความเมตตา ให้ความช่วยเหลือ ทั้งแรงกาย แรงใจ ทุนทรัพย์ รวมแล้วก็ไม่สามารถตีราคาเป็นเงิน เป็นทองได้ มันมากมายมหาศาลเหลือประมาณเพราะทุกท่าน ทุกหน่วยงาน ทุกองค์กร มากกว่ามาก ด้วย "น้ำใจไทยอันสุดประเสริฐเลิศเหลือพรรณา"


สมดังพระราชนิพนธ์ ล้นเกล้าพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว

"อันความกรุณาปรานี
จะมีใครบังคับก็หาไม่
หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ
จากฟากฟ้าสุลาลัยสู่แดนดิน"

สุเทพ เจริญสันดร
ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดเจ้ามูล
กรุงเทพมหานคร
ผู้ประสานงาน