Special Scoop



เชียงใหม่ (Chiang Mai)

“ ดอยสุเทพเป็นศรี ประเพณีเป็นสง่า บุปผชาติล้วนงามตา นามล้ำค่านครพิงค์ ”

ครับ คำขวัญของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นจังหวัดใหญ่อันดับที่สองของประเทศไทย มีวัฒนธรรม ประเพณีเฉพาะตัวที่เป็นเอกลักษณ์เด่นชัด มีหัตถกรรมและศิลปะมากมาย จนทำให้ชาวต่างชาติอย่างชาวจีน เข้ามาเที่ยวเป็นอันดับต้นๆ เลย

คณะกรรมการของสมาคมนวดไทยและสปาแห่งสหรัฐอเมริกาบางส่วน โดยการนำของนายกสมาคมหญิงเหล็ก คุณกนิษฐา เพอร์ไรดา ได้มีโอกาสเยือนจังหวัดเชียงใหม่ ได้ชมทัศนศึกษาสถานที่ประกอบธุรกิจในเมืองนี้ ได้พูดคุยกับนักธุรกิจชั้นนำในจังหวัดด้วย ถึงปัญหาต่างๆ ที่พวกเขาประสบมา (ซึ่งบางเรื่องก็ไม่แตกต่างกับการทำธุรกิจในอเมริกา) เช่น ปัญหาแรงงาน ที่นับวันยิ่งหายาก เอาแรงงานต่างด้าวมาก็ต้องลงทุนสอนกัน พอเป็นแล้วก็หนีไปทำที่อื่นๆ เป็นต้น ภาครัฐก็ไม่ค่อยจะกระตือรือร้นสักเท่าไร ทำงานแบบ Reactive vs. Proactive (Reactive คือการแก้ปัญหาหลังจากปัญหาเกิดขึ้นแล้ว ตรงกันข้ามกับ Proactive คือการเตรียมรับด้วยแผนปฎิบัติ ก่อนที่ปัญหาจะเกิด)

ได้คุยกันถึงปัญหาของพวกเราในสหรัฐฯ เช่นกัน การขาดแคลนแรงงานไทยที่มีฝีมือ ประสบการณ์ในการทำอาหาร การนวดไทย เพราะถ้ายังเป็นอยู่แบบนี้ อนาคตของธุรกิจหลักเหล่านี้ก็คงจะมีแต่ทรงกับทรุด หากยังไม่ได้รับการเยียวยาอย่างรวดเร็ว พวกเราคิดว่าทางหนึ่งในการแก้ไขคือ การจัดตั้งสำนักงานแรงงานไทยในสหรัฐฯ การให้ รมต.ต่างประเทศ รมต.แรงงาน พูดกับทางรัฐบาลสหรัฐฯ ผ่านกระทรวงการต่างประเทศ ให้ออกวีซ่าทำงานให้พ่อครัว แม่ครัว หมอนวดไทย มาสหรัฐฯ ทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมยกระดับคุณภาพอีกด้วย เหมือนหลายๆ ประเทศที่ได้สิทธินี้

หวังเป็นอย่างยิ่งว่า กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะเห็นความสำคัญของประชาชนไทยที่สหรัฐฯ โดยเข้าร่วมทำงานกันเป็นทีมให้ประสบผลสำเร็จ อย่ามีหรือถือ Ego กันเลย คิดสรรหาและลองวิธีใหม่ คิดนอกกรอบ แต่ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง

แต่วันนี้ อยากเล่าเรื่องที่ได้ไปเยี่ยมเมืองเชียงใหม่จากคณะของเราสัก 3 แห่ง คือ โรงแรม คอนเทนท์ วิลล่า เชียงใหม่ ที่อำเภอหางดง ใกล้วัดสันป่าสัก โดยการบริหารของ คุณต้น และ คุณภาวนา แสงรัตน์ และไปศูนย์อุตสาหกรรมทำร่ม ในตัวเมืองเชียงใหม่ โดยการบริหารของ คุณถวิล บัวจีน และสุดท้าย ได้ไปชมและทดลองสปาของกลุ่ม Let’s Relax มี 3 แห่งที่เชียงใหม่ ซึ่งมีที่หนึ่ง ประกอบการเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวด้วย ชื่อว่า Rarinjinda Wellness Spa and Hotel โดยการบริหารของสองหนุ่มไฟแรง คือ คุณเล็ก และ คุณตุ๋ย ก่อตั้งธุรกิจนวดสปามาตั้งแต่ปี 1998

พวกเราบินจากสนามบินดอนเมือง ใช้เวลาสักชั่วโมงก็ถึงสนามบินนานาชาติเชียงใหม่ มีรถโรงแรมให้บริการมารับคณะเราถึง 3 คัน โดยมีผู้จัดการโรงแรม คุณสุชาติ เบ็ญตานุช ให้การต้อนรับ รับกุญแจห้องอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกแรกที่เข้ามาถึงโรงแรมก็คือความสงบ เพราะสถานที่อยู่ชานเมืองหน่อย บรรยากาศแบบชนบทนิดๆ ความรู้สึกต่อมาคือโรงแรมหรู อะไรๆ ก็ใหม่หมด จะเป็นตึก เครื่องใช้ไม้สอย ก็ดูใหม่หมด ผมชอบโรงแรมที่มีห้องน้ำใหญ่สักหน่อย แต่ต้องสะอาด ซึ่งคอนเทนท์ วิลล่าก็มีให้พร้อม สำหรับคู่รักจะยิ่งประทับใจเมื่อเห็นผ้าขนหนูบนเตียงนอน แม่บ้านพับห่านคู่รูปหัวใจไว้ปลายเตียง สร้างความโรแมนติกในตัวเลย โรงแรมอยู่ในบริเวณที่กำลังสร้างหมู่บ้านจัดสรรเล็กๆ โรงแรมยึดหลักความเป็นส่วนตัว มีห้องเพียง 20 ห้อง สามชั้น สนนราคาก็แสนคุ้ม ถ้าบอกว่า กสญ.ธานี แสงรัตน์ ล่ะก็ ลดกันสุดๆ ไปเลย ติดต่อผู้จัดการทั่วไป คุณสุชาติ ได้ตลอดที่เบอร์ 6688-432-6730, 6653-125220 / 6653-125221 เข้าชมเว็บไซต์ได้ที่ www.contentvillachiangmai.com

มีบริการอาหารเช้าของโรงแรมให้ฟรี และยังมีจักรยานให้ขี่ไปตลาดปากซอย ซื้อปาท่องโก๋ น้ำเต้าหู้ มาทานกันได้ มีข้าวโพดต้มราคา 20 บาท ทานอิ่มอร่อยด้วยนะครับ การออกแบบโรงแรมที่ผสมผสานภายในแบบล้านนาเข้ากับสไตล์โคโลเนียลแบบอังกฤษ

แห่งที่สองที่ได้เยี่ยมชมคือ ศูนย์อุตสาหกรรมทำร่มที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่ ต้องชอขอบคุณ คุณเอนก พลอยแสงงาม ที่ประสานให้เจ้าของ คุณถวิล บัวจีน มาต้อนรับอย่างเป็นกันเอง ซึ่งท่านยังเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการธรรมาภิบาล จ.เชียงใหม่ อีกด้วย สถานที่สามารถรับรถบัสนักท่องเที่ยวจีนซึ่งมากันเป็นคันรถ มาดูและลองทำร่ม วาดภาพบนร่มได้ด้วย หัตถกรรมงานด้วยฝีมือช่างคนไทย น่าประทับใจมาก มีโอกาสเห็นถึงความสามารถของคนไทย ถ้ามีหน่วยงานสนับสนุนที่เข้าถึง ก็คงส่งออกนอก มาขายได้ในร้านใหญ่ๆ ในอเมริกาได้ ก็น่าจะขายดี

ต้องขอบคุณพี่ถวิล ที่อุตส่าห์พาไปทานข้าวซอยเชียงใหม่ที่อดีตนายกทักษิณ ต้องไปทานทุกครั้งที่มาเชียงใหม่ ถึงกับมีคนสั่งเพื่อนำส่งให้ท่านทานถึงดูไบเลย ร้านอยู่ในซอยก่อนถึงตลาดสันกำแพง ถ้าไปตอนเที่ยงวันคนจะเยอะมาก อยากทานของอร่อยต้องใจเย็นๆ นะพี่น้อง ชื่อ ร้านข้าวซอยเสมอใจ ราคา 40 บาทเท่านั้น มีหมูสะเต๊ะ 40 บาท ประมาณ 6-8 ไม้ รับรองความอร่อย

หลังจากทานอิ่มกันเรียบร้อย ก็ถึงเวลาไป Relax ได้พากันไปหา คุณตุ๋ย หุ้นส่วนใหญ่ของสยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Let’s Relax เป็นบริษัทเดียวที่ทำสปา และสามารถเข้าไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ไทย (หุ้นชื่อย่อว่า Spa) คุณเล็ก และ คุณตุ๋ย ก็เป็นศิษย์เก่าอเมริกา จบ USC และ Boston U. ประสบผลสำเร็จอย่างสูง โดยในปี 2017 มีรายได้จากสาขาต่างๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศถึง 975 ล้านบาท มีวิสัยทัศน์ที่เลือกเสนอการบริการ แบบดีตั้งแต่เดินเข้าร้าน ความเป็นกันเอง มาตรฐานระดับ 5 ดาว ของที่ใช้ก็คิดหามากับมือเอง เช่น ลูกประคบสด การบริการ สถานที่ของ ระรินจินดาสปานี้ ขนาด สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ได้มาค้างที่โรงแรมหลายครั้ง เมื่อท่านเสด็จฯ มาที่เชียงใหม่

การบริการตั้งแต่การต้อนรับ โปรแกรมบริการนวดที่มีหลายรูปแบบตามแต่ลูกค้า โดยจะอธิบายให้ฟังว่า แบบไหนช่วยอะไรได้ ยึดตลาดคนต่างชาติเป็นหลัก 80% ราคาก็ต้องสูงตามมาตรฐานเมืองนอก มีราคา 2,000-5,500 บาท ส่วนโรงแรมก็สวยหรู ราคาก็ระดับ 6,000-30,000 บาท ต่อคืน เดินไปตรงข้ามก็ยังมีห้องอาหารของตัวเองให้บริการลูกค้าอีก สปา โรงแรม ร้านอาหาร ครบวงจร ชื่นชมครับ พวกเราได้มีโอกาสสอบถาม และอยากจะให้คุณตุ๋ยและคุณเล็ก มาเปิดตลาดอเมริกาบ้าง จะได้เป็นแบบอย่างให้ร้านนวดทั่วๆ ไปที่ยังเก็บ 30-50 เหรียญต่อชั่วโมง เขามีโรงเรียนสอนหมอนวด มีคนคอยวัดผล ทดสอบหมอนวดให้ได้คุณภาพและมาตรฐานของบริษัท มีการว่าจ้างคน (secret shoppers) แกล้งมาเป็นลูกค้า สำหรับให้มานวด แล้วเสนอความคิดเห็นในการปรับปรุงการบริการอยู่ตลอดเวลา ทำแบบนี้ได้ ไปที่ไหนก็ต้องประสบความสำเร็จแน่นอน ผู้บริหารเก่ง ลูกน้องก็ต้องพัฒนาตาม

การบริหารจัดการกับคนจำนวนมาก มิใช่ง่าย ต้องอาศัยการสื่อสารที่ดี ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ มีความเมตตาต่อพนักงานทุกคนไม่ว่าระดับไหน สุดท้าย คณะผู้บริหารจะต้องพูดและทำในสิ่งที่สร้างสรรค์ ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ผู้นำที่ดีจะต้องเป็นผู้ที่สามารถแก้ปัญหาได้ ไม่ใช่มาสร้างปัญหาเสียเอง ขอจบวันนี้โดยการนำบทสวดขออโหสิกรรมของสมเด็จพุฒจารย์ ซึ่งจะทำให้เรามีความรู้สึกที่ดีและมีความสุขขึ้นนะครับ

ขึ้น นโมตัสสะ 3 จบ แล้วกราบ 3 ครั้ง

“ กายะกัมมัง วะจีกัมมัง มะโนกัมมัง สัญจิจจะกัมมัง อะสัญจิจจะกัมมัง ขะมันตุเม อะโหสิกัมมัง ภะวะตุเม”

กรรมใดๆ ไม่ว่าจะเป็นกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ที่ข้าพเจ้าได้ทำล่วงเกินแก่ผู้ใด ทั้งโดยตั้งใจก็ดี ไม่ได้ตั้งใจก็ดี ในภพชาติใดก็ตาม ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายจงโปรดยกโทษให้เป็นอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้า อย่าได้จองเวรจองกรรมต่อกันอีกเลย แม้แต่กรรมใดที่ใครๆ ทำแก่ข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมให้ทั้งสิ้น ยกถวายพระพุทธเจ้าเป็นอภัยทาน ขอจงดลใจให้เขาเหล่านั้นกลับมีเมตตาจิตคิดเป็นมิตรกับข้าพเจ้า เพื่อจะได้ไม่มีเวรรกรรมต่อกันตลอดไป


โชคดีครับ

คิด ฉัตรประภาชัย