Special Scoop
Made In Home Kitchen

มีข่าวดีสำหรับคนทำขนมหรือเบเกอรี่เก่งและอยากมีรายได้เสริม มีกฎหมายใหม่ที่ออกบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2013 ชื่อว่า ABA1616, The California Homemade Food Act. หรืออีกชื่อหนึ่งคือ "Cottage Food Law"

ท้าวความจาก คุณมาร์ สตัมเบอร์ ต้องการมีรายได้เสริมจึงทำขนมปังในบ้านตัวเอง และนำไปวางขายตามตลาดต่างๆ แถวบ้านใน California อยู่มาวันหนึ่งในปี 2011 ก็ถูก Health Department เข้าตรวจที่บ้านและสั่งห้ามทำขนมปังเพื่อนำไปขายตามร้านต่างๆ อีกต่อไป แต่คุณมาร์คไม่ยอมหยุดแค่นั้น เขาจึงศึกษากฎหมายจากรัฐต่างๆ เกี่ยวกับการทำขนมในบ้านตัวเอง เพื่อเป็นรายได้เสริมและพบว่ามีมากกว่า 20 รัฐในสหรัฐอเมริกาที่อนุญาตให้ทำได้ เขาจึงได้วิ่งเต้นถึงนักการเมืองชื่อ Assemblyman Mike Gatto (D-CA) จนในที่สุด Governor Brown ก็ได้ออกเป็นกฎหมายบังคับใช้ในวันปีใหม่ 2013 ที่ผ่านมา อนุญาติให้ทำขนมหรือเบเกอรี่ที่บ้านและนำออกขายในที่ต่างๆ ได้

Los Angeles County เป็น County แรกในรัฐ California ที่เริ่มใช้กฎหมายนี้ โดยมีรายละเอียดโดยสังเขปดังนี้ การขออนุญาตมี 2 ชนิดคือ Class A และ Class B

Class A : ขายตรงโดยคนทำขนมหรือเบเกอรี่ (Cottage Food Operator : CFO) ทำขนมแล้วขายโดยตรงให้กับผู้บริโภค ตัวอย่าง ทำขนมที่บ้านแล้วนำไปขายที่วัด ผู้ซื้อคือญาติโยมที่มาทำบุญที่วัด โดยไม่ผ่านคนกลาง การขออนุญาตทำได้ง่าย เพียงแต่สมัครลงทะเบียน $65 ไม่มีการตรวจที่บ้าน โดย Health Department ยกเว้นกรณีที่ผู้บริโภคแจ้งทาง Health Dept. ว่าป่วยจากการรับประทานขนมของคุณ

Class B : ขายตรงหรือขายผ่านคนกลางก็ได้ ตัวอย่าง การขายผ่านคนกลาง เช่นทำขนมที่บ้านแล้วนำไปฝากขายตามร้านอาหารต่างๆ คำขอใบอนุญาต $194 ต่อปี และ Health Dept. จะไปตรวจห้องครัวที่บ้าน ก่อนจะออกใบอนุญาตให้ และจะถูกตรวจปีละครั้งในช่วงขอต่อใบอนุญาตปีต่อไป

ข้อกำหนดของทั้ง Class A และ Class B

1. มีลูกจ้างได้เพียงหนึ่งคน (ไม่นับคนในครอบครัวซึ่งจะมีกี่คนก็ได้)

2. ยอดขาย (Gross Annual Sales)

ในปี 2013 ไม่เกิน $35,000
ในปี 2014 ไม่เกิน $45,000
ในปี 2015 ไม่เกิน $50,000

3. ขนมและเบเกอรี่ที่ขายนี้ต้องไม่ใช่อาหารที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคสูง (Potentially Hazardous Foods) ยกตัวอย่าง ขนมไส้เค็ม ที่ใส่เนื้อหมู หรือ เนื้อไก่ลงไป, ไส้ครีม, Custard

นมและไข่ ซึ่งเป็นส่วนประกอบในการทำขนมหรือเบเกอรี่จะต้องเก็บในตู้เย็น ที่อุณหภูมิ 41 องศาฟาเรนไฮธ์ หรือต่ำกว่า

4. ต้องเรียนวิชา A Food Processor Course จาก Health Dept.

5. สถานที่ทำขนมหรือเบเกอรี่ จะเป็นที่บ้านหรืออพาร์ทเม้นท์ก็ได้ ซึ่งห้องครัวนั้นจะต้องอยู่ภายในบ้านห้ามใช้เนื้อที่หลังบ้าน, โรงรถ หรือ เต็นท์นอกบ้านในการทำขนมหรือเบเกอรี่ ในขณะเตรียมทำขนมห้ามมีเด็กเล็กหรือสัตว์เลี้ยงอยู่ในห้องครัว ห้องครัวของ Class B นั้นจะต้องได้รับการตรวจจาก Health Dept. ก่อนที่จะได้รับอนุญาต

6. สลากของขนมต้องมีข้อมูลดังนี้ และต้องให้ Health Dept. ดูตัวอย่างสลากเพื่อการอนุมัติ

6.1. มีคำว่า "Made In A Home Kitchen" อยู่บนสลาก
6.2. ชื่อขนม
6.3. ชื่อผู้ประกอบการ และสถานที่อยู่ของบ้านหรืออพาร์ทเม้นท์
6.4. เลขลงทะเบียน (Class A) หรือ เลขใบอนุญาต (Class B)
6.5. ส่วนประกอบของขนม

โดยแจ้งน้ำหนักของส่วนประกอบขนมจากน้ำหนักมากไปหาน้อยในกรณีที่ส่วนประกอบของขนมมากกว่า 2 ชนิดขึ้นไป

ตัวอย่าง
แป้ง..........10 กรัม
เนย............2 กรัม
น้ำตาล..... 1 กรัม
เกลือ.........0.5 กรัม

7. ขนมหรือเบเกอรี่ ที่ทำใน Los Angeles County ในระยะแรกนี้ จะขายส่งได้ภายใน Los Angeles County เท่านั้น ต้องรอจนกว่าจะมีการตกลงกันระหว่าง County ต่างๆ ในรัฐ California ถึงจะมีการส่งขนมข้าม County ได้

รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ County of Los Angeles, Consultative Services (626) 430-5320 หรือ http://www.publichealth.lacounty.gov

โชคดีครับ
คิด ฉัตรประภาชัย