Special Scoop



เจาะลึกจากใจท่าน แอล.เอ.เชอริฟ คนที่ 33 อเล็กซ์ วียานัวว่า (ALEX VILLANUEVA)

เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2562 ได้มีการจัดงาน Town Hall Meet and Greet กับท่านแอลเอเชอริฟคนใหม่ ณ ไทยแลนด์พลาซ่า ในไทยทาวน์

ก่อนอื่นขอขอบคุณผู้นำชุมชน และประชาชนชาวไทยที่เข้ามาร่วมงานกว่า 200 ท่าน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ท่านเชอริฟของแอล.เอ.เคาน์ตี้ได้ออกมาพบกับชุมชนอย่างเป็นทางการ โดยท่านเชอริฟอเล็กซ์ เลือกชุมชนชาวไทยเป็นชุมชนแรกเสียด้วย

ขอขอบคุณท่านกงสุลใหญ่ มังกร ประทุมแก้ว ที่กล่าวเปิดงานอันสำคัญนี้ ตลอดจน นายกสภาพัฒนาไทยทาวน์ คุณตัน พัฒนะ และทีมงานที่มาให้ความสะดวก ทำความสะอาด ตกแต่งสถานที่ พร้อมการสนับสนุนจากองค์กรสมาคมต่างๆ และร้านอาหาร ที่นำอาหารและผลไม้มาอย่างเต็มที่ ทำให้บรรยากาศการพบปะกันครั้งนี้เต็มไปด้วยความอบอุ่น เหมือนท่านเชอริฟมีความสนิทสนมกับพวกเรามาก่อน

ที่สำคัญมากอีกท่านหนึ่งคือผู้ใหญ่ใจดี คุณเอนก พลอยแสงงาม เจ้าของไทยแลนด์พลาซ่า ที่เอื้อเฟื้อสถานที่ในการจัดงานครั้งนี้ ขอขอบคุณครับ

เชอริฟ อเล็กซ์ เล่าว่า ตั้งแต่ทำงานในสำนักงานเชอริฟมา 32 ปี คือตั้งแต่ปี 1986 ก่อนตัดสินใจมาลงแข่งเป็นเชอริฟในปี 2017 เพราะได้เห็นการทำงานที่ส่อไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง มีปัญหาเรื่อง คอร์รัปชั่น การละเมิดสิทธิ์ผู้ถูกคุมขังในแอลเอเคาน์ตี้ ท่านได้พยายามออกมาคัดค้านโดยตลอด ตั้งแต่สมัยท่านเชอริฟ บาก้า มาจนถึง เชอริฟ จิม แมคโดเนลล์ แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนองเท่าที่ควร เลยตัดสินใจเกษียณและมาลงแข่งเสียเอง จนได้รับชัยชนะอย่างผิดความคาดหมาย โดยใช้นโยบาย 3R’s REFORM (ปฏิรูป) REBUILD (ปรับโครงสร้าง) และ RESTORE (ฟื้นฟู)

การปรับโครงสร้าง คือการสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาจากการมีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างชุมชน กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเชอริฟทุกคน ท่านยังบอกว่า เชอริฟ บาก้า เป็นเชอริฟของพวกเหล่าดารา (Sheriff for the Stars) เชอริฟ จิม เป็นเชอริฟของนายทุนผู้ประกอบการ (Sheriff for the Establishments) แต่ท่านจะเป็นเชอริฟสำหรับประชาชนทุกหมู่เหล่า (Sheriff for All People)

การสาบานตนเข้ารับตำแหน่งตำรวจเชอริฟ มีขึ้นเมื่อวันที่ 3 เดือนธันวาคม 2018 หลังจากได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนถึงกว่า 1.3 ล้านคนที่สนับสนุนท่าน จึงเป็นการดำเนินงานตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนในแอลเอเคาน์ตี้ ดังนี้คือ

1.ปรับโครงสร้าง เริ่มจากการปรับเปลี่ยน (ปลด) คณะทำงานระดับบริหารชุดเดิมออกไปทันที โดยแต่งตั้งคนที่ท่านเชอริฟ อเล็กซ์ คุ้นเคยและไว้ใจ และเคยทำงานด้วยกันมา ทั้งหมด 18 นาย

2.นโยบายที่จะว่าจ้างตำรวจใหม่ ในตำแหน่งที่ยังว่างอยู่กว่า 850 ตำแหน่ง ท่านบอกว่า จะสามารถรับสมัครอบรมให้ครบได้ในปี 2020 ในขณะที่เชอริฟคนเดิม จะขจัดตำแหน่งเหล่านั้นออกไปภายในปี 2030

3.ปรับการบริหารโดยเฉพาะในการสอบเลื่อนตำแหน่งให้อยู่บนรากฐานของความรู้ ความสามารถ (Merit) แทนการใช้เส้นสาย มีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือใช้คอนเนคชั่นในการขึ้นตำแหน่ง โดยกฎเกณฑ์นโยบายใหม่ คือ

เจ้าหน้าที่สายตรวจ (Patrol Deputy) ต้องทำงานในท้องที่นั้นๆ ไม่น้อยกว่า 4 ปี ถึงจะสามารถพิจารณาโยกย้ายเปลี่ยนสถานีทำงานได้

ระดับซาเจ้นท์ (Sergeant) ก็ต้องอยู่ในพื้นที่ดูแลไม่น้อยกว่า 2 ปี

ระดับลูเทอเน้นท์ (Lieutenant) ก็ต้องทำงานในพื้นที่เดียวกันไม่น้อยกว่า 2 ปีเช่นกัน

ส่วนในระดับกัปตัน หัวหน้าสถานี (Captain) จะให้ประชาชนที่อาศัยในท้องที่นั้นๆ มีส่วนร่วมในการคัดเลือก และต้องเป็นนายตำรวจที่ทำหน้าที่ หรือเคยทำหน้าที่ในพื้นที่นั้นมาก่อนด้วย

4.จะมีการติดตั้งกล้องประจำกายสายตรวจทุกนายในฤดูร้อนที่จะถึงนี้ เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจเชอริฟ ให้มีความโปร่งใส สุจริต ตรวจสอบได้

5.จะเดินสาย Town Hall Meet & Greet กับชุมชนอื่นๆ ทั่วแอล.เอ.เคาน์ตี้ เพื่อรับฟังปัญหา และหาทางออก เพื่อแก้ไขปัญหาอาชญากรรมร่วมกับประชาชน ไม่ใช่จะมาพบในปีที่มีการเลือกตั้งเท่านั้น

6.มีนโยบายที่ชัดเจนในการคัดเลือกผู้สมัครเป็นตำรวจเชอริฟจากชุมชนภายในพื้นที่ดูแลของเชอริฟก่อน โดยการขอความร่วมมือในการสื่อสารให้คนในชุมชนเดียวกันมาสมัครกันมากๆ ทั้งจะสมัครเป็นตำรวจเชอริฟฟูลไทม์ หรืออาสา หรือตำรวจเชอริฟกองหนุน (Reserve) ก็ได้ โดยจะไม่ออกสรรหาผู้สมัครจากรัฐอื่นๆ

7.ให้การอบรมตำรวจเชอริฟทุกนาย เพื่อสร้างความมั่นใจ ศรัทธาให้เกิดขึ้นกับชุมชนที่ดูแล โดยการขับเคลื่อนให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาด้วยกัน ท่านบอกว่า People are Police, Police are People! ประชาชนคือตำรวจ และตำรวจก็คือประชาชน

ตำรวจชุมชน Community Policing ให้การสนับสนุนการแจ้งเบาะแสโดยมีโปรแกรม Crime Stoppers ที่มีรางวัลให้ด้วย มีล่ามแปลภาษาไทยให้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงเรื่องด่วน โทร 911 และจะมีการจัดตั้งคณะทำงานที่ปรึกษาจากชุมชน (Sheriff Advisory Council) ด้วย

จะเพิ่มหน่วยเฉพาะกิจของชาวเอเชียที่ได้ถูกยกเลิกจากเชอริฟคนก่อน โดยเห็นว่าปัญหาของชาวเอเชียมีความหลากหลายโดยเฉพาะ จำเป็นต้องมีหน่วยเฉพาะกิจมาดูแลโดยเฉพาะเช่นกัน (Asian Task Force) ซึ่งได้รับเสียงปรบมืออย่างมากจากผู้ฟัง

สุดท้าย ท่านเชอริฟได้ขอบคุณกงสุลใหญ่ มังกร ผู้นำชุมชน และประชาชนชาวไทยทุกคนที่มาพบท่านอย่างอบอุ่นเป็นกันเอง ท่านรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก หวังว่าจะได้พบกันอีก

ขอฝากคติเตือนใจจากคุณแม่ท่านเชอริฟอเล็กซ์ ในการใช้ชีวิตของท่าน… ที่ว่า

“There would never be a wrong time… to do the right thing!!” แปลได้ความว่า จะไม่ถือเป็นการผิดเวลา ในการกระทำในสิ่งที่ถูกต้อง!!!


โชคดีครับ

คิด ฉัตรประภาชัย