Special Scoop



“ซื่อสัตย์ ขยัน ประหยัด อดทน กตัญญูรู้คุณ”

“ซื่อสัตย์ ขยัน ประหยัด อดทน กตัญญูรู้คุณ” เป็นคำยึดมั่นปรัชญาการดำเนินชีวิตของคุณแม่ สุนีย์ ดีสมเลิศ “แม่ดีเด่นแห่งชาติ พ.ศ 2549” ผู้ที่ผมให้ความเคารพนับถือเป็นคุณแม่คนที่สอง (แม่ยาย) ท่านได้จากลูก ๆ หลาน ๆ ไปอย่างไม่มีวันกลับ เมื่อวันที่ 13 เมษายน ที่เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ขณะเข้ารับการรักษาจากโรคมะเร็งขั้วตับอ่อน ขั้นที่ 4 ผมไม่เคยคิดว่าท่านจะมาจากพวกเราไปเร็วขนาดนี้ เพราะพึ่งไปฉลองวันคล้ายวันเกิดใหญ่ 80 ปีของท่าน เมื่อเดือนสิงหาคม 2558 นี้เอง

ผมขอกราบขอบพระคุณผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือทุก ๆ ท่านที่ให้เกียรติมาคำนับศพของท่านที่จัดอย่างสมเกียรติที่วัดหัวลำโพง ศาลา 1 ตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน จนถึง 26 เมษายน โดยทุก ๆ วันก็มีผู้คนที่รู้จักท่านมากันวันละ 200-300 คนตลอดงาน และในวันสุดท้าย คือวันที่จะนำร่างของท่านไปฝังตามประเพณีของชาวจีน ที่สุสาน อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี อาม้ายังได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าพระราชทานดินในการฝังศพจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นกรณีพิเศษ จากการที่ได้ทำคุณประโยชน์ช่วยเหลืองานการกุศล จะเป็นโรงเรียน ทุนนักเรียนที่ขาดแคลน ตลอดจนวัดวาต่าง ๆ ทั้งที่เมืองไทย และต่างประเทศตลอดชีวิตของท่าน ซึ่งได้สร้างความปิติยินดีให้กับลูก หลาน และญาติ ๆ เป็นอย่างยิ่ง พวกเราซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ประทานให้กับคุณแม่ และครอบครัวเป็นอย่างยิ่งในวาระสุดท้ายนี้

วันนี้ผมจึงขออนุญาตนำประวัติของอาม้าสุนีย์ ดีสมเลิศ จากหนังสืออนุสรณ์งานบำเพ็ญกุศล และน้อมอาลัย ของคุณแม่สุนีย์ ประธานกลุ่มบริษัทฮะเซ่งไถ่ มาเพื่อเป็นการสดุดีกับท่านนะครับ


คุณแม่สุนีย์ ดีสมเลิศ

คุณแม่สุนีย์ ดีสมเลิศ เกิดเมื่อวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2479 เป็นลูกสาวคนที่ 3 ในจำนวนพี่น้อง 10 คน ของคุณพ่อเปงหลี แซ่เตีย และคุณแม่เต็งหยิน แซ่ตั้ง เป็นครอบครัวชาวจีนที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประกอบอาชีพทำสวนพลูที่ตลาดพลู โดยไม่มีทรัพย์สินติดตัวมาเลย ทำให้คุณแม่สุนีย์ต้องช่วยพ่อแม่ทำสวนพลูตั้งแต่อายุไม่ถึง 10 ขวบ ดูแลน้อง ๆ ที่ยังเล็ก ช่วยหุงหาอาหาร ทำงานบ้านสารพัด

เมื่อเติบโตจนถึงวัยเรียนก็ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ คุณพ่อคุณแม่ของท่านต้องเก็บเงินไว้สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ประกอบกับเป็นช่วงที่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 บ้านเมืองเกิดภาวะข้าวยากหมากแพง ท่านต้องหอบหิ้วลากจูงน้อง ๆ วิ่งหนีหลบระเบิดไปอยู่ในหลุมหลบภัย อดมื้อกินมื้อ แม้จะกลัวแค่ไหนท่านก็ไม่เคยร้องไห้ให้น้อง ๆ เห็น เพราะต้องเป็นที่พึ่งให้น้อง ๆ เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลง ครอบครัวของท่านต้องกลับมาเริ่มทำสวนพลูใหม่ แต่ก็ไม่ได้ผลผลิตมากนัก เพราะเรือกสวนถูกทำลายไปมาก ท่านยอมเสียสละไม่ไปเรียนหนังสือ เพื่อมาช่วยคุณพ่อคุณแม่ทำสวน ตรากตรำอยู่กลางแดดร้อนระอุทุกวัน พอตกเย็นก็ต้องช่วยหุงหาอาหารให้น้อง ๆ ที่กลับมาจากโรงเรียน


ชีวิตเริ่มต้นเมื่อเข้ามาเป็นสะใภ้ครอบครัวดีสมเลิศ

เมื่ออายุ 18 ปี คุณแม่สุนีย์ ได้เริ่มต้นชีวิตครอบครัวโดยได้แต่งงานกับคุณพ่อจามร (ชื่อจีน นายก๋วงซ้ง แซ่ลี้ ซึ่งเกิดเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2479 ที่เก๊กเอี๊ย ซัวเถา ประเทศจีน) หลานชายคนเดียวจากประเทศจีนของคุณทวด นายเสียง แซ่ลี้ และ นางเซาะฮวย แซ่เฮ้ง เจ้าของ ห.จ.ก. ฮะเซ่งไถ่ ด้วยความเห็นชอบของผู้ใหญ่ทั้ง 2 ครอบครัว คุณแม่สุนีย์ได้เข้ามาเป็นสะใภ้ใหม่ของตระกูล รวมทั้งช่วยสามีดูแลกิจการค้าขายเหล็กเก่า และยังต้องดูแลบ้านครอบครัว และญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายสามีที่มาจากประเทศจีนอีกกว่า 10 คน ที่อยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่ และท่านยังต้องดูแลสุขภาพ ความเจ็บป่วย ของญาติผู้ใหญ่เหล่านั้น เช่น การพาไปหาหมอ ดูแลเรื่องยาและอาหารการกิน เพื่อให้ทุกท่านมีชีวิตความเป็นอยู่ในวัยชราอย่างมีคุณภาพที่สุด

คุณแม่สุนีย์ และคุณพ่อจามร ดีสมเลิศ มีบุตรและธิดารวมกัน 9 คน (บุตรชาย 4 คน และบุตรสาว 5 คน)


บริหารกิจการค้าเหล็กด้วยความซื่อสัตย์มุมานะ

คุณแม่และคุณพ่อจามร ดีสมเลิศ ได้ร่วมกันทำการค้าและบริหารธุรกิจเครื่องเหล็กของ ห.จ.ก.ฮะเซ่งไถ่ จนกิจการเจริญก้าวหน้ามาตามลำดับ ในด้านการทำงาน คุณแม่สุนีย์ทำการค้าด้วยความซื่อสัตย์มุมานะ ไม่เคยเอาเปรียบและคดโกงลูกค้า สินค้าที่สั่งเข้ามาขายทุกชิ้นล้วนแต่มีคุณภาพ และขายในราคาที่สมเหตุสมผล แม้ท่านไม่สามารถอ่านและเขียนภาษาไทยหรือภาษาต่างประเทศได้ ท่านก็ยังสามารถสั่งสินค้าเข้ามาขายได้ตรงกับความต้องการของตลาด ในระยะเวลาเพียง ๑ ปีท่านมีความคิดที่ต้องการสั่งสินค้าเครื่องเหล็กจากประเทศฮ่องกงและไต้หวันมาขายซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาด แต่ท่านติดปัญหาเรื่องเงินลงทุน ธนาคารปฎิเสธการให้เงินกู้เพื่อเปิด L/C (Letter of Credit) เพราะอาม้ามีอายุแค่ 19 ปี และยังขาดประสบการณ์ทางธุรกิจไม่มีใครอยากมาค้ำประกันให้ อาม้าเล่าว่า เมื่อหมดหนทาง ท่านยอมขายแม้กระทั้งสินสอดแต่งงาน มีเข็มขัดทองหนัก 24 บาท แหวนทองคำ 1 บาท และทองที่คุณแม่ของท่านให้เป็นของขวัญอีก 6 สลึงออกมาขาย ซึ่งทำให้อาม้าเสียใจมากในการที่ต้องตัดสินใจในครั้งนั้น แต่เป็นวิธีเดียวที่จะมีเงินมาเพื่อทำการสั่งสินค้าจากนอก แล้วได้เริ่มนำสินค้าเข้ามาจำหน่ายล็อตแรก ก็ขายจนหมด

หลังจากการค้าขายเริ่มมีกำไร และได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามากขึ้น คุณแม่สุนีย์ (ในวัย 35 ปี) อยากจะขยายกิจการด้วยการสร้างโรงงานผลิตโซ่เหล็กเป็นของตัวเอง จึงปรึกษากับสามีและตัดสินใจเดินทางไปดูเครื่องจักรผลิตโซ่เหล็กที่ประเทศเยอรมนี ก่อนที่จะสั่งเครื่องจักรเหล่านั้นมาผลิตโซ่เหล็กขาย ในนามของบริษัท ดีสมเลิศ จำกัด โดยท่านเป็นหลักในการดูแลบริหารกิจการของทั้งสองบริษัทให้เติบโตขึ้นตามลำดับ จนกระทั่งลูก ๆ ได้เข้ามารับช่วงบริหารตามที่ทั้งคู่มุ่งหวัง

คุณแม่สุนีย์เป็นผู้มีความประพฤติดีและเป็นแบบอย่างที่ดีเลิศให้กับพนักงานในการทำงาน ไม่เคยคิดเอาเปรียบใคร แม้แต่คนงานและลูกน้อง ท่านดูแลเอาใจใส่เสมือนคนในครอบครัว “ดีสมเลิศ” ซึ่งท่านได้จัดสรรทั้งอาหารการกิน ที่พัก รวมทั้งค่ารักษาพยาบาลให้ซึ่งท่านยอมจ่ายทุกบาททุกสตางค์ เพื่อรักษาชีวิตของคนงานหรือลูกจ้างไว้ บางรายต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อผ่าตัดเปลี่ยนไต ท่านก็ยอมจ่ายให้โดยไม่เรียกเก็บคืน หรือคนงานเกิดอุบัติเหตุรุนแรง ท่านก็ยอมจ่ายค่ารักษาเพื่อให้เขารอดชีวิต ทำให้ท่านเป็นที่เคารพรักและเทิดทูนของคนงานเป็นอย่างมาก


การบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม

หลังจากคุณแม่สุนีย์ ดีสมเลิศ ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ ห.จ.ก. ฮะเซ่งไถ่ รวมทั้งลูก ๆ ทั้ง 9 คนต่างก็ประสบความสำเร็จการศึกษาที่ดีทั้งจากภายใน และต่างประเทศ พร้อมทั้งมีครอบครัวและธุรกิจการงานที่มั่นคง เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในวงสังคม ท่านจึงเริ่มหันมาช่วยเหลือผู้ที่ด้อยโอกาสกว่าอย่างต่อเนื่อง เท่าที่โอกาสจะอำนวย ในด้านต่าง ๆ ดังนี้


1) การแสดงความจงรักภักดีต่อพระราชวงศ์

ด้วยการทูลเกล้าฯ ถวายเงินเพื่อสมทบทุนโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย อาทิ

- เข้าเฝ้าสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายเงิน ณ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ

- เข้าเฝ้าสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายเงินเพื่อสมทบทุนให้กับโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติ 48 พรรษา จังหวัดลำพูน

- เข้าเฝ้าพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เพื่อทูลเกล้าถวายเงินในงานกาล่าดินเนอร์ลีลาศการกุศล “ราตรีนี้เพื่อลูกน้อยปลอดเอดส์” เมื่อปี พ.ศ. 2546

- สมทบทุนเพื่อนพึ่ง (ภา) ยามยาก สภากาชาดไทย

2) ด้านการช่วยเหลือสังคมเพื่อผู้ด้อยโอกาส สตรี เด็ก อย่างต่อเนื่อง อาทิ

- บริจาคเงินให้สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์

- บริจาคเงินบำรุงสภากาชาดไทย

- บริจาคเงินให้มูลนิธิช่วยคนปัญญาอ่อนแห่งประเทศไทย

- บริจาคกองกำลังอาสาช่วยรบทหารพราน กองทัพบก

- ให้ทุนสนับสนุนด้านการศึกษากับโรงเรียนบ้านสะอาดนามูล จังหวัดอุดรธานี

- บริจาคเงินช่วยเหลือด้านการศึกษาให้กับโรงเรียนที่ยากจนในชนบทห่างไกล และอื่น ๆ อีกหลายองค์กร

3) ด้านการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา

- เป็นโยมอุปถัมภ์วัดหนองโพ จังหวัดราชบุรี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553

- เป็นโยมอุปถัมภ์วัดหนองแวง จังหวัดขอนแก่น

- สร้างพระพุทธชินราชจำลอง หน้าตักกว้าง 84 นิ้ว พร้อมด้วยพระอัครสาวก คือ พระโมคคัละและพระสารีบุตร ได้นามว่า พระพุทธมหามงคลสุนีย์นิมิต ประดิษฐานภายในโบสถ์วิหารดีสมเลิศ ณ วัดเจริญธรรม เมืองลีกเด ประเทศเยอรมนี

- บริจาคเงินก่อสร้างถาวรวัตถุให้กับวัดหมื่นปี จังหวัดเชียงราย

- บริจาคเงินและเจ้าภาพอุปถัมภ์วัดภูเวียง จังหวัดเชียงราย

- บริจาคเงินให้ครูบาอริยชาติ และวัดเขาระเบิด จังหวัดเชียงราย

- บริจาคเงินสนับสนุนการจัดนิทรรศการประกวดการอนุรักษ์พระบูชา สมทบทุนสร้างพระเชียงแสนสี่แผ่นดินเฉลิมพระเกียรติที่ จังหวัดเชียงราย

- ทำบุญแจกอาหารกลางวัน พร้อมมอบทุนการศึกษา ณ วัดดอนจั่น จังหวัดเชียงใหม่

- ซ่อมแซมบูรณะศาลเจ้าแม่กวนอิม จังหวัดตรัง

- ปูกระเบื้องศาลเจ้าไท้เสียงเหล่ากุง จังหวัดชลบุรี

- เป็นเจ้าภาพงานทอดกฐิน ตามวัดต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ

- บริจาคทำบุญสร้างเสาและโคมไฟที่ศาลเจ้าโป๊ยเซียน อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช และวัดอื่นๆ อีกมากมาย

4) การช่วยเหลือด้านการแพทย์

- บริจาคเงินซื้อเครื่องมือแพทย์ให้กับโรงพยาบาลวชิระ

- บริจาคเงินซื้อเครื่องมือแพทย์ให้กับสถาบันมะเร็งแห่งชาติ

- บริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือกิจการของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข

- บริจาคเงินสมทบทุนสมาคมภริยาแพทย์แห่งประเทศไทย จำนวนเงิน 420,000 บาท เพื่อซื้อเครื่องมือให้กับโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า


คุณแม่สุนีย์ มีความสุขกับการเป็น “ผู้ให้” แม้ว่าท่านไม่มีโอกาสเข้าไปทำงานในองค์กรการกุศลต่าง ๆ เพราะวัยที่ไม่เอื้ออำนวย แต่ท่านพร้อมที่จะให้ “ทุนทรัพย์” สนับสนุนการทำงานให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของแต่ละหน่วยงาน และองค์กรการกุศลตลอดมา


ขอให้ดวงวิญญาณของอาม้าสู่สุคติในสัมปรายภพครับ

คิด ฉัตรประภาชัย