Special Scoop
สตรีเหล็ก สดศรี สัตยธรรม เสือสาวหนึ่งเดียวใน 5 เสือ กกต.

สดศรี สัตยธรรม ผู้หญิงหนึ่งเดียวในบรรดา 5 เสือ กกต. ที่มีผู้คนกล่าวขานถึงมากที่สุด ทั้งในด้านดีและด้านลบ ตั้งแต่ กกต. ชุดนี้ถือกำเนิดจนถึงปัจจุบัน

"หญิงเหล็ก" แห่ง กกต. คือหนึ่งในฉายาของเธอนอกจากสรรพนามต่างๆ ที่มีคนชอบ และคนที่ไม่ชอบเธอสรรหามาเรียกขาน

แต่เนื้อแท้และความคิดเห็นของ สดศรี สัตยธรรม จะเป็นเช่นไร ติดตามได้จากคำสัมภาษณ์ที่พรั่งพรูจากเรียวปากของเธอที่ให้ไว้กับ น.ส.พ.ไทยแอล.เอ. ในนครลอสแอนเจลิส ณ ไทยแลนด์พลาซ่า บนถนนฮอลลีวูด เมื่อวันจันทร์ที่ 4 มิถุนายน 2555 ในโอกาสที่เธอเดินทางมาดูงานเลือกตั้งในอเมริกา....


ไทยแอล.เอ. "ทำไมต้องปล่อยไปก่อน แล้วค่อยสอยทีหลัง" เพราะอะไร? มีคนข้องใจกันมากรวมทั้งจดหมายใบน้อยจากสตรีที่วัดไทยแอล.เอ.
สดศรี มันเป็นกฎหมายที่ว่า เมื่อเราเลือกตั้งแล้วจะต้องมีการประกาศผลการเลือกตั้ง โดยต้องดำเนินการภายในหนึ่งเดือน ถ้าหากไม่แล้วเสร็จ คือหมายถึงว่ามีการร้องเรียนเข้ามาว่า กระทำความผิด เขาก็ต้องมีการสืบสวนสอบสวนกัน ในช่วงหนึ่งเดือนเนี่ย แน่นอน ไม่ใช่ว่าจะทำได้ง่ายการสืบสวนต้องใช้ระยะเวลา เมื่อไม่ผ่านกฎหมายระบุไว้เลยว่า ให้ประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งไปก่อน

หลังจากนั้นถึงจะมีการสอบสวนจนแล้วเสร็จ แล้วก็มาดูซิว่า ผิดหรือเปล่า ถ้าผิดจะให้ใบเหลือง หรือใบแดงก็แล้วแต่ ก็เป็นวิธีการตามกฎหมายระบุไว้ จะเห็นได้ว่า กกต. เราก็ทำตามหน้าที่ และก็ต้องฟังเสียงประชาชนเป็นหลักใหญ่ เพราะว่าเขาเลือกคนนี้มาแล้ว เราก็จะต้องให้เขาเป็นส่วนที่เขาจะได้เข้ามาโดยชอบหรือไม่เนี่ย ก็จะมีวิธีการสืบสวนสอบสวน ซึ่งจะต้องกระทำแน่นอน


ไทยแอล.เอ. กกต. มีสิทธิ์อะไรที่จะไปยับยั้งเขาไหมค่ะ
สดศรี เราไม่สามารถที่จะไปตัดสินได้โดยที่ไม่มีการสืบสวนสอบสวนว่าเขาผิด

ไทยแอล.เอ. กรณีคุณจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. เล่าค่ะ ตอนแรก กกต. ก็ยอมรับแล้วว่ามีคุณสมบัติ แต่ต่อมาก็ถูกแขวนจากการเป็น ส.ส. ทำเหมือนมีสองมาตรฐานทางด้านตุลาการของไทย
สดศรี กรณีคุณจตุพร เป็นเสียงเดียว เสียงเดียวเท่านั้นที่ยังเห็นว่าคุณจตุพร ยังสามารถเป็น ส.ส. ได้สาเหตุหนึ่งก็คือว่า คุณจตุพร ในขณะที่ได้รับการเลือกตั้งมาเนี่ย กกต. ก็ได้รับรองสิทธิ์เขาไปแล้วว่า เขามีสิทธิ์เป็น ส.ส. ได้

เพราะว่าการไม่ใช้สิทธิ์ โดยที่ไม่ไปเลือกตั้ง รธน. ไม่ได้เขียนห้ามไว้เลยนะคะ เป็นข้อยกเว้นตามมาตรา 101 (4) แม้ว่าถูกขังอยู่ก็สามารถที่จะสมัครรับเลือกตั้งได้ ส่วนไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งเนี่ย หมายถึงว่า เขาผู้นั้นเนี่ยต่อไปข้างหน้าเขาไม่สามารถที่จะไปสมัครอะไรได้


ไทยแอล.เอ. แต่ในวันที่เลือกตั้งนั้นคุณจตุพรถูกขังอยู่ เมื่อถูกขังอยู่แล้วจะทำให้ขาดจากการเป็น ส.ส. หรือไม่
สดศรี รัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่า "ไม่ขาด" แต่มันจะมีกฎหมายลูกก็คือ กฎหมายว่าด้วยพรรคการเมืองที่ระบุว่า บุคคลใดที่ไม่ไปใช้สิทธิ์จะทำให้ขาดจากการเป็นสมาชิกพรรค หรือแม้แต่จะเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นก็ไม่ได้ กฎหมายห้ามว่าถ้าหากคุณไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งแล้ว คุณจะใช้สิทธิ์ในการที่จะขอเป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ก็ไม่ได้ อย่าว่าแต่ ส.ส. เลย

ในกรณีของคุณจตุพร นั้นมันคนละเรื่องกัน ในรัฐธรรมนูญ เขียนไว้ว่า การที่เขาไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งคือวันสมัครเขาไม่ได้ถูกตัดสิทธิ์ ในการที่จะสมัคร และในวันเลือกตั้งคือวันที่ 3 ก.ค. 54 เขาไม่ได้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง เนื่องจากถูกคุมขังอยู่ เขาขอศาลแล้วเพื่อที่จะออกมาใช้สิทธิ์ แต่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวออกไปหรือศาลไม่อนุญาตให้คุมตัวออกมาใช้สิทธิ์

ตามรัฐธรรมนูญว่า ในกรณีที่ผู้ถูกขังอยู่ แล้วไม่ได้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งไม่ขาดจากการเป็น ส.ส. "จตุพร" มีสิทธิ์เป็น ส.ส. ได้ตามรัฐธรรมนูญ

แต่เมื่อดูกฎหมายลูกที่ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง ระบุไว้ชัดเจนเลยว่าบุคคลที่จะเป็นสมาชิกพรรคการเมืองได้จะต้องออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง แต่คุณจตุพรไม่ได้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งจึงทำให้ขาดจากการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง เมื่อขาดจากสมาชิกพรรคการเมืองแล้วจะเป็น ส.ส. ไม่ได้ ผู้ที่จะเป็น ส.ส. จะต้องสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองนั้นๆ ภายใน 90 วัน

จะเห็นได้ว่ากฎหมายใหญ่ก็คือกฎหมายแม่ ก็คือรัฐธรรมนูญ ขัดกับกฎหมายลูก แล้วมาตรา 6 ของ รัฐธรรมนูญ เขียนไว้ชัดเจนว่าจะไม่มีกฎหมายใดขัดต่อรัฐธรรมนูญได้เลย ถ้าขัดแย้งกันเราจะต้องเอากฎหมายแม่เป็นหลัก ฟังแล้วจะถือได้ว่ากฎหมายแม่เป็นกฎหมายใหญ่ นี่คือความเห็นเสียงข้างน้อยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ

ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เสียงข้างมากท่านไม่ได้ฟังอย่างนั้น ท่านฟังว่า กรณีของคุณจตุพรขาดจากการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองตามกฎหมายประกอบ รธน. ว่าด้วยพรรคการเมือง เพราะฉะนั้นไม่มีสิทธิ์ที่จะเป็น ส.ส. คือท่านไม่ได้ฟังว่าความขัดกันของกฎหมายลูกกับกฎหมายแม่เป็นอย่างไร แต่เราก็ต้องเคารพต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ


ไทยแอล.เอ. ในทัศนะของกรรมการ กกต. ท่านมองอย่างไรกับความวุ่นวายในรัฐสภาอันทรงเกียรติที่ ส.ส. ฝ่ายค้าน ยื้อแย่งเก้าอี้และตัวท่านประธานสภาเหมือนไม่ให้เกียรติกัน
สดศรี ขอพูดในแนวของประชาชนคนหนึ่งก็แล้วกันค่ะ รัฐสภาเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่รวมของบุคคลที่เราว่าตัวแทนของประชาชน การให้เกียรติกับรัฐสภาเป็นเรื่องสำคัญ ท่านได้รับเกียรติจากประชาชนให้มาเป็นตัวแทนนั่งอยู่ในสภา แล้วสภานี้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คือเสมอว่าเป็นศาลเหมือนกัน

กกต. สดศรี สัตยธรรม...อยากฝากสื่อ...

บุคคลใดก็ตามที่เข้าไปในศาล แล้วแสดงกริยาก่อความวุ่นวายในสถานที่ ที่ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เข้ามาก็ต้องเคารพศาล เพราะศาลทำไว้ในพระปรมหาภิไชย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

หากเข้ามาเพื่อก่อความวุ่นวายในศาล ก็ยังมีกฎหมายว่าไว้ว่าเป็นการละเมิดหน้าศาลเหมือนกัน สถานที่แห่งนี้ก็คือสถานที่รวมตัวแทนของประชาชน ตัวแทนก็คือ ส.ส. หรือ ส.ว. ก็ดี เขาถือว่าเป็นบุคคลที่ได้รับการยกฐานะว่าเป็นตัวแทนของประชาชน

การที่ท่านมาแสดงอาการเหล่านี้ขึ้นมาในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าประเทศใดก็ตาม รัฐสภาเขาถือว่าที่ที่ทรงไว้ซึ่งเกียรติ ทรงไว้ซึ่งผู้ที่ได้รับเกียรติจากประชาชน เป็นตัวแทนประชาชน ทำไมท่านถึงต้องดูถูกตัวเอง การที่ดูถูกตัวเอง ก็หมายถึงต้องดูถูกประชาชน ดูถูกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ในความเห็นของตัวเองนะคะ ก็เป็นเรื่องที่ไม่สมควร ไม่ว่าจะโดยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม เราจะต้องให้เกียรติแก่สถานที่ ที่จะมีการแสดงแก่คนที่ทำหน้าที่ตัวแทน

ส่วนหลังจากออกมาจากที่การประชุมเสร็จแล้วค่อยไปว่าทีหลัง ท่านจะพูดคุยกับท่านประธานสภาว่า ท่านไม่ควรทำอย่างนี้ ท่านไม่ควรทำอย่างนั้นนะ ก็เป็นเรื่องที่ว่ากันไป


ไทยแอล.เอ. การที่ศาลรัฐธรรมนูญยุติการโหวต หรือการลงมติในวาระที่ 3 นั้นถูกต้องหรือไม่อย่างไรคะ
สดศรี เราต้องไปดูกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรค 2 ซึ่งระบุชัดเจนว่า การดำเนินงานใดที่เกี่ยวกับการล้มล้างระบบประชาธิปไตย บุคคลที่จะต้องดำเนินการคือ อัยการสูงสุด จะต้องเป็นผู้ดำเนินการยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย เหมือนวิธีพิจารณาความระบุว่า ใครต้องเป็นผู้ยื่นฟ้อง

ไทยแอล.เอ. คุณธรรมจะยื่นฟ้องได้หรือไม่คะ
สดศรี คุณธรรม คนจะยื่นฟ้องได้ต่อเมื่อเป็นคดีความผิดส่วนตัว แต่ถ้าเป็นความผิดต่อแผ่นดินแล้ว อัยการเท่านั้นที่จะเป็นผู้ยื่นฟ้องเข้ามา หรือถ้าบุคคลส่วนตัวจะฟ้องคดีอาญาแผ่นดิน ก็ต้องให้อัยการดำเนินการ เรื่องนี้มาตรา 68 วรรค 2 เขียนไว้ชัดเจนแล้ว ผู้ที่จะให้คำตอบดีที่สุด คือศาลรัฐธรรมนูญว่า ท่านรับไว้ได้หรือไม่

ไทยแอล.เอ. การเสนอแก้ไขมาตรา 112 (คือการหมิ่นประมาทสถาบัน) ท่านคิดเห็นอย่างไร ควรยกเลิกไหม เพราะกฎหมายนี้บทลงโทษค่อนข้างรุนแรงสำหรับประชาชนคนไทย
สดศรี ความผิดฐานหมิ่นประมาท บุคคลธรรมดาก็มีเขียนไว้ในกฎหมายอาญาว่า บุคคลใดใส่ความหรือให้ความเท็จ หรือกลั่นแกล้งใครลักษณะเป็นการใส่ความกันถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ในกรณีสถาบันสูงสุดก็เป็นเรื่องธรรมดาต้องมีเหมือนกัน

การหมิ่นประมาทจะต้องมีตัวบุคคลที่ถูกหมิ่นประมาทมาตรา 112 คือการหมิ่นประมาทสถาบัน ก็ควรมีตัวแทนที่จะร้องทุกข์เข้ามา สมควรไหมที่จะมีตัวแทนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือสถาบันสูงสุดของเราเป็นตัวแทนในการยื่นคำร้องต่ออัยการ ในการยื่นฟ้องบุคคลนั้น เพื่อที่จะไม่ต้องเอากฎหมายมาตรา 112 มาเล่นทางการเมืองกัน

ที่ถามว่าควรเลิกไหม ในความคิดเห็นแล้วไม่ควรเลิก เพราะเหมือนหมิ่นประมาทคนธรรมดานั่นเอง และควรที่จะมีคนยื่นแทนในการที่จะฟ้องร้อง หรือร้องทุกข์ไหม ก็น่าจะดีเพื่อที่จะมีการกรองก่อนว่า การร้องอันนี้จะเป็นการหมิ่นประมาท "พระองค์ท่าน" หรือไม่เพียงไร


ไทยแอล.เอ. ท่านคิดเห็นอย่างไร ควรจะมีการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรหรือไม่ รวมทั้งการทำประชามติในต่างประเทศด้วย
สดศรี อยากให้คนไทยที่อยู่ทางต่างประเทศทุกท่านไปใช้สิทธิเลือกตั้ง เลือกคนดีเข้าสภาจะได้สบายใจว่า ตัวแทนของท่านทำงานให้กับประเทศไทยเป็นคนที่ทำให้ประเทศเราเจริญรุ่งเรืองและพวกท่าน เมื่อถึงวัยที่สบายมีเงินทองใช้แล้ว ก็เชื่อว่าทุกคนอยากกลับไปใช้ชีวิตที่มีความสุขในประเทศไทยต่อไป

เมื่อครอบครัว ลูกเต้าไม่เดือดร้อนอะไร ก็ถือว่าทุกท่านจะใช้ชีวิตบั่นปลายอยู่ในขวานทองของเรา อยากให้ทุกท่านสละเวลาเล็กน้อยไปเลือกคนดี

และเชื่อว่าในการเลือกตั้งต่อไป คนไทยที่มีความสนใจต่อการเมือง จะมีความพร้อมที่จะไปเลือกตั้งมากขึ้น ในปีหน้าเราจะมีการเลือกตั้ง ส.ว. ก็ขอเชิญคนไทยใน USA ช่วยไปเลือกตั้งประมาณต้นปี ส่วน ส.ส. ยังไม่ครบเวลา

การทำประชามติเกี่ยวกับการรับร่างรัฐธรรมนูญ จะต้องทำประชามติในต่างประเทศด้วย ก็เชิญชวนทุกท่านที่เป็นคนไทยที่มีความรักชาติ ให้ช่วยกันพาประเทศเราไปในจุดที่ถึงว่าเราส่งใจให้คนไทยในประเทศไทย เราจะมองดูว่าความรับผิดชอบในประเทศเราไม่ได้อยู่ในมือของนักการเมือง แต่อยู่กับพวกท่านไม่ว่าจะมุมใดของโลกนี้


ไทยแอล.เอ. ท่านจะฝากอะไรถึงชาวไทยที่นี่บ้างคะ
สดศรี ไม่สำคัญหรอกว่าจะสีแดง สีเหลือง มันเลือดสีแดงด้วยกันทั้งนั้น เห็นแล้วไม่สบายใจ ที่จะต้องมาแตกกันด้วยเรื่องคนละสีสองสี

ไทยแอล.เอ. ที่นี่ไม่มีอะไรรุนแรงเหมือนเมืองไทย หลายคนก็เป็นเพื่อนกัน หลายๆ คนก็คิดได้ การเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์ คนที่นี่รักและห่วงใยประเทศชาติ พวกเราไม่มีผลประโยชน์อะไร ในอนาคตข้างหน้าเราก็คงจะเป็นสีเดียวกันได้ค่ะ
สดศรี สิ่งที่ต้องฝากคือ ฝ่ายสื่อมวลชนที่นี่สำคัญมาก ขอให้ทางสื่อมวลชนพยายามให้ทุกสีเป็นสีเดียวกันคือ สีไตรรงค์ ขอให้ทุกท่านมีความรักความสามัคคีกัน

สิ่งสำคัญที่สุดของการแตกแยกก็คือ ขึ้นอยู่กับสื่อมวลชน อยากให้สื่อมวลชนในอเมริกาเป็นกลาง และขอให้ทุกฝ่ายมีความปรองดองกัน

เราควรจะเลือกความอยู่รอดของประเทศชาติมากกว่า การแบ่งแยกสีกัน ทุกคนควรรักใคร่สมัครสมานสามัคคีกัน


สัมภาษณ์โดย ญ. อมตะ