ประกาศตัวลงสมัครเป็นผู้ว่าการกรุงเทพมหานคร โดยไม่สังกัดพรรคใดพรรคหนึ่ง “อิสระเสรี”
วันที่ 11 มีนาคม 2555 ณ หอประชุมจักรพันธ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีงานเลี้ยงประชุมวิสามัญครั้งที่ 1 ประจำปี 2555 ของมูลนิธิกลุ่มเพื่อนเสรี คณะศิลปินนักร้องนักแสดงจากแอลเอ ซึ่งนำทีมโดย คุณเพ็ญพิมพ์ จิตรธร ได้เข้าร่วมงานด้วย ท่านเสรีเป็นขวัญใจของกลุ่มนักร้องนักแสดงชุดนี้ ซึ่งประกอบด้วย คุณผุสดี เอื้อเฟื้อ, ยุวดี แก้วเกษ, พราวตา ดาราเรือง, ไฉไล ไชยทา, รุจิลาภา พัฒนะ, ปนัดดา ฉายพากย์, นิตยา นนทบุตร, ไชยา สุริโย, สายัณฑ์ จันทรวิบูลย์ ท่านเลี้ยงโต๊ะจีนวีไอพีให้กับพวกเรา หลังจากนั้นก็ได้ขึ้นเวทีประกาศลงสมัครผู้ว่ากรุงเทพมหานครที่ปัจจุบัน มรว.สุขุมพันธ์ บริพัตร เป็นอยู่ แต่จะครบเทอมในวันที่ 10 มกราคม 2556 ซึ่งคาดว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2556 ก็มีเวลาในการหาเสียงประมาณ 10 เดือนเท่านั้น และอีกไม่กี่วันต่อมาท่านก็กรุณาจัดเลี้ยงส่งพวกเราอีก 1 รอบ ที่โรงแรมปรินซ์พาเลซ แถวโบ๊เบ้ ชั้นที่ 32 ภัตตาคารจีนหรู เห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของกรุงเทพฯ มีโอกาสร้องเพลงกับท่าน กับคณะนักร้องของชาวแอลเอ ท่านให้เกียรติและเป็นกันเองกับพวกเรามาก เลยถือโอกาสสัมภาษณ์พูดคุยกันในเรื่องต่าง ๆ และทำไมถึงตัดสินใจลงสมัครเป็นผู้ว่ากทม. และเรื่องคดีต่าง ๆ ซึ่งบางคดีกำลังจะตัดสินในเร็ว ๆ นี้ ตลอดจนเหตุผลที่ทำไมท่านต้องลงแบบอิสระโดยไม่ต้องไปขึ้นกับพรรคการเมืองใด ๆ
คิด ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณท่านที่กรุณาให้เวลา และเลี้ยงพวกเราในวันนี้ส่วนทำไมต้องลงแบบอิสระ คือว่า ตลอดชีวิตผม ผมก็เป็นของผมอิสระ ไม่มีใครมาบังคับผมได้ ถ้าต้องขึ้นกับพรรคหนึ่งพรรคใดแล้ว เราก็ต้องเดินตามนโยบายของพรรค และผมเป็นคนที่มีคนรู้จัก มีเพื่อน และลูกน้องมาก ถ้าอยู่กับพรรคเพื่อไทย อ้ายเพื่อน ๆ ที่อยู่ประชาธิปัตย์ก็โกรธ จะเลิกคบกันเลย ทั้ง ๆ ที่เราก็ไม่ได้เป็นพรรคไหน ถ้าอยู่กับใครก็จะทำให้เขาได้ปรองดองกัน
แต่พอจะมาอยู่พรรคประชาธิปัตย์ พวกเพื่อน ๆ ที่อยู่เพื่อไทยก็โกรธ พาลจะไม่คบด้วยเหมือนกัน ก็คิดแล้วว่าอย่ากระนั้นเลย ตัดสินใจลงเป็นอิสระจะดีที่สุด ท่าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ได้เป็นผู้การกทม. 2 สมัย ก็เป็นพรรคอิสระเหมือนกัน ถ้าวิเคราะห์กันให้ดี พรรคเพื่อไทย ก็คงจะไม่ยอมแพ้พรรคประชาธิปัตย์ พรรคประชาธิปัตย์ก็คงไม่ยอมเช่นกัน คนกรุงเทพฯเป็นคนฉลาดมีความรู้ ดูเกมส์ออกหมด ฉะนั้น ถ้าสูสีกัน 3 คนที่เป็นคนสมัครหลัก ๆ เบอร์ของคนจากพรรคเพื่อไทย (ไม่ทราบว่าจะหาใครมาลง เพราะคุณหญิงสุดารัตน์ (เจ๊หน่อย) บอกไม่ลงแต่ก็ไม่แน่?)
เบอร์ของคนจากพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ทราบว่าจะเอาหม่อมสุขุมพันธ์ บริพัฒน์ ลงอีกหรือเปล่า เพราะน้ำท่วมครั้งที่แล้วทำงานไม่ค่อยเข้าตาประชาชน มีคนบ่นมากกับความไม่ประสานงานกับรัฐบาล
เบอร์ที่ 3 คือผมจะอิสระก็จะเป็นทางเลือกให้กับประชาชน ผมทำงานและคนรู้จักตอนผมอายุได้สัก 30 ปี เป็นสารวัตรอยู่ที่นาแก จังหวัดนครพนม เอาคนที่มีอายุ 60 ปีลงมา ตอนนี้คนพวกนี้ก็อายุ 90 ปี ฉะนั้นคนที่มีอายุ 90 ลงมาคงจะรู้จักผมดี ก็คงจะมีสิทธิ์ได้ลุ้นกัน ขนาดคุณปลื้มครั้งที่แล้วยังได้ 3 แสนกว่าเสียง ผมคิดว่าผมคงจะได้มากกว่า และจากพี่น้องตำรวจด้วยกัน ซึ่งตอนผมเป็น ผบ.ตร.ก็มีตำรวจรักเยอะ เพราะทำโครงการต่าง ๆ ให้พวกชั้นประทวนขึ้นมาเป็นชั้นสัญญาบัตร ทำให้พวกเขาได้ขยับขึ้นมา เหมือนกับพวกผู้กำกับ และก็ให้พวกตำรวจอายุ 40 ปีต้น ๆ เข้าไปแทนพวก 50-60 ปี ออกมาทำอย่างอื่น เพราะพวกนี้ใกล้เกษียณ ห่วงลูกเมีย แล้วจะคิดทำงานอะไรให้กับตำรวจได้
เอาเป็นว่า ถ้าประเมินเสียงจากพวกพี่น้องตำรวจซึ่งทั่วประเทศมีอยู่ 2 แสนกว่าคน เอาเฉพาะนครบาล ส่วนกลางสัก 50,000 คน พวกญาติพี่น้องเขาที่อยู่ในกรุงเทพฯ 4 เท่า ก็ประมาณ 200,000 เสียง กลุ่มเพื่อนเสรีมีสมาชิก 7-8 พันคน ญาติพี่น้องพวกนี้สัก 200,000 คน คนกรุงเทพฯที่ไปลงให้พรรคอิสระอีก 300,000 กว่าเสียง รวม ๆ กันแล้วผมคิดว่าพวกเรามีสิทธิได้ลุ้นกับผมแน่ ๆ เพราะจากฐานเสียงที่มีอยู่ก็คงจะช่วยได้มาก
ในส่วนของงบหาเสียง อย่างเมื่อสี่ปีที่แล้วทาง กกต.กำหนดให้ใช้งบหาเสียงได้ 35 ล้านใน 50 เขตเลือกตั้งมหานคร แต่ในการเลือกตั้งคราวหน้า (2556) คิดว่าคงจะต้องเพิ่มงบเลือกตั้งอย่างน้อยเขตละ 2 ล้านบาท ก็จะต้องใช้เงินถึง 100 ล้านบาท แต่ผมคิดว่ามีพี่น้องเพื่อนฝูงมาช่วยกันสนับสนุน
อีกจุดหนึ่งเวลาเราจะทำอะไร ให้องค์กรหรือหน่วยงานใดดีขึ้น เราต้องพัฒนา “คน” ก่อน ให้เขามีความพร้อม พร้อมทั้งร่างกาย จิตใจ มีจิตสำนึกในศีลในธรรม ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ผมเน้นเรื่องคนเพราะคนไม่พัฒนา องค์กรก็ไปไหนไม่ได้ไกล เช่นใน กรุงเทพฯ มีเทศกิจ ซึ่งต้องเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เพราะพวกนี้ทำให้พ่อค้า แม่ค้า เดือดร้อน ไปรับเงินเขาไว้มาก หลาย ๆ คนมาถามผมว่า ถ้าผมจะลงเป็นผู้ว่าฯ ต้องเตรียมวิธีแก้ไขน้ำท่วม หรือหาคำตอบไว้ให้ดี ๆ ซึ่งมันต่างกับผมเลย เพราะเรื่องน้ำท่วมเป็นเรื่องที่ผมไม่ได้ให้ความสำคัญมากเท่าไร และเชื่อแน่ว่า ปีนี้คงจะไม่ท่วมเพราะรัฐบาลมีเวลาในการตระเตรียม เงินทองก็มีการจัดงบไว้ มีแผนรองรับพร้อมทั้งคนมีประสบการณ์ คือมีเวลาตั้งตัวเยอะ ถ้าปีนี้ยังแก้ไม่ได้ ก็ควรจะไปฆ่าตัวตายซะเลย เชื่อว่าปีนี้คงไม่ท่วม หรือคงจะไม่หนักเท่าปีที่แล้ว นโยบายของผมกลับเห็นความสำคัญของเรื่องปัจจัย 4 เรื่องปากท้องทำอย่างไรให้คนมีอาชีพ มีงานทำ มีที่อยู่อาศัย มีโรงเรียนเรียน มีครูที่ดี มีสวนสาธารณะให้คนออกกำลังกาย มีที่ทางให้คนทำมาหากินอย่างสุจริตมากกว่า นี่มันเป็นพื้นฐานของมนุษย์
ผมเป็นคนมีระเบียบ ก็จะทำให้กรุงเทพมหานครมีระเบียบ แผงลอยตามฟุตบาทก็ต้องอยู่แบบมีสัดส่วน มิใช่มาเบียดทางเท้า แล้วให้ประชาชนเดินลงถนน เสาไฟฟ้าถ้าขุดฝังดินได้ก็จะฝัง สวนสาธารณะต้องเพิ่ม หาที่ทาง หาบริษัทเอกชนมาอุปถัมภ์ กทม.เป็นผู้ดูแล ไม่ใช่คนกรุงเทพฯ ฝั่งธนบุรี ต้องมาสวนลุมพินีที่เดียว
แผงลอยตอนผมเป็นจเรตำรวจก็จับ ผ.อ.โบ๊เบ้ที่ทุจริตขายแผงลอยเอาเงินใส่กระเป๋า จับคนที่เกี่ยวข้องด้วย ไม่ว่าเป็น ส.ข., ส.ส. คือต้องให้พวกอันธพาลพวกนี้รู้ว่าคุณจะเอาเงินมาซื้อข้าราชการดี ๆ ไม่ได้ ต้องจับดำเนินคดี
ผมยังอยากตั้งโรงทานเอาวัดเป็นที่ตั้งก่อน หาอาหารหาผู้อุปถัมภ์ จัดงบหาอาหารให้คนยาก คนจน ข้าราชการชั้นผู้น้อยมาทานฟรี ขโมยขโจนก็จะลดลงหน่อย ขอทานก็มาทานฟรีได้ คนเราถ้าไม่หิวก็จะทำอะไรให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมได้ เรื่องครูกทม.ก็ต้องให้สวัสดิการณ์ดีขึ้น มาฟังปัญหาเขา มาหาทางออกด้วยกัน
ผมได้เสื้อยืดมีรูป และลายเซ็นต์ท่าน 5 ตัว ถ้าใครอยากจะได้ส่งจดหมายมาที่ผม แล้วผมจะส่งไปให้ จดหมายส่งมาที่อยู่ของหอการค้าก็ได้ที่
Keith Chatprapachai 123 S.Lincoln Ave. # 201,Monterey Park, CA 91755
โชคดืครับ