Special Scoop



รักอมตะ… ธรรมะจัดสรร

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่โรงแรมลินคอล์น พลาซ่า ในเมืองมอนเทอเร่ย์พาร์ค โดยผมมีโอกาสไปร่วมงานแสดงความยินดีในงานฉลองสมรสระหว่าง คุณนันทวัน สุวรรณภาพ (พี่ติ๋ว) กับ น.อ. ประพันธ์ โชติอาภรณ์ ตอนแรกลูกสาวผมซึ่งเป็นลูกศิษย์รุ่นพยัคฆ์ของสถาบันพลังจิตตานุภาพ ศูนย์ทิพย์ ที่วัดป่าธรรมชาติ เรียนเพื่อเป็นครูฝึกสมาธินั้น มาชวนบอกว่ามีคนอยากให้ผมไปเป็นเกียรติ

ตอนแรกก็นึกว่า คงจะเป็นงานแต่งงานของคนรุ่นเดียวกับลูก แต่พอมารู้อีกทีก็แปลกใจว่า อะไรกันนะ... เจ้าสาวอายุ 70 ปี ในขณะที่เจ้าบ่าวอายุ 76 ปี จึงมีความปิติยินดีที่อยากจะไปร่วมงานกับความรักอมตะของคู่บ่าวสาวนี้ เพราะเกิดมาก็ไม่เคยมีโอกาสไปงานแต่งงานสไตล์คู่สร้าง-คู่สมในวัยทอง (Golden Years) แบบนี้เลย อยากเรียนรู้ อยากมาฟัง และสอบถามเรื่องราว จึงเป็นที่มาที่จะหาเรื่องน่ารักๆ เบาๆ เพื่อมาเล่าสู่กันฟังนะครับ

จากตำนานรักที่ไม่มีขอบเขต เป็นรักข้ามรัฐฯ เจ้าบ่าวมาจากเท็กซัส เจ้าสาวอยู่แอลเอ พรหมลิขิตบันดาลให้มาเจอกันได้อย่างไร ด้วยรักที่ไม่จำกัดวัย และท่านทั้งสองได้พิสูจน์ให้เห็นชัดเจนอีกครั้ง เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน 2558 ที่ได้ประกาศให้รุ่นน้อง รุ่นพี่ รุ่นลูกหลานกว่า 230 คน ได้รับรู้ว่า ถ้ามีรักที่เปี่ยมล้นด้วยความศรัทธาและความบริสุทธิ์ใจแล้ว อุปสรรคต่างๆ ก็กลายเป็นเรื่องทีไม่สำคัญเลย จากใจที่ให้ความเอ็นดูต่อกัน ทำให้ตำนานรักยังคงความศักดิ์สิทธิ์ เสพเข้าไปเมื่อไรใครก็ห้ามไม่ได้ น้อยคนที่จะมีโอกาสได้ร่วมงานแบบยูนิค (Unique) พบเห็นได้ยากเช่นนี้

ส่วนใหญ่คนที่เคยมีความรัก เช่น รักตั้งแต่ตอนเรียนหนังสือ (Puppy Love) หรือตอนช่วงระหว่างทำงานนั้น บางครั้งความรักครั้งแรกเหล่านั้นทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย เพราะรักเหล่านี้เป็นรักแบบมีนัยยะแอบแฝง ซึ่งเป็นผลเสียที่จะเกิดกับตัวเอง และคนรอบข้างได้ ผมเห็นเป็นประจำ เพราะเป็นตำรวจที่ต้องเข้าระงับเหตุศึกสามี-ภรรยา แฟนกันบ้าง ที่รักทำพิษ ทะเลาะกันดังจนข้างบ้านต้องโทร 911 มีทั้งตบตีกัน เมาอาละวาดใส่กัน บางรายมีลูกซึ่งตกเป็นเหยื่อของความขัดแย้งจากความรักของผู้ใหญ่ทั้งนั้น บางรายเอานิสัยแบบไทยๆ นึกว่าชาวบ้านและตำรวจที่นี่ไม่เกี่ยว บอกว่าเป็นเรื่องผัวเมียกัน แต่ขอโทษที ที่นี่กฎหมายเขียนไว้ชัดเจนว่า ตำรวจต้องจับคนที่กระทำการรุกราน (Aggressor) โดยไม่มีข้อยกเว้น ซึ่งกฎหมายนี้เรียกว่า Domestic Violence ซึ่งตามกฎหมาย Penal Code 273.5 ถือเป็นคดีร้ายแรง (Felony)

จริงๆ ต้องตั้งคำถามว่า “ความรัก” มันคืออะไรกันแน่ แปลว่าอะไร มีขอบเขตของความหมายไหม บ้างก็บอกว่า ความรักคือการให้โดยไม่หวังผลตอบแทน บ้างก็บอกว่ารักเพราะความสงสาร มีความเอื้ออาทรต่อกัน เพื่อต้องการฝากชีวิตไว้กับคนที่เราไว้ใจที่สุด อีกนัยหนึ่ง รักก็เป็นการสื่อสารแขนงหนึ่งที่คนสองคนอยากทำอะไรร่วมกัน… แต่บางครั้งรักเพราะความจำเป็น เพื่อตามใจคุณพ่อคุณแม่ที่จัดสรรให้แบบคลุมถุงชน แบบสมัยก่อนที่คนจีนชอบบอกว่า “เดี๋ยวอยู่ๆ กันไป ก็รักกันไปเอง” เช่นเดียวกับคุณแม่ของผมที่ผู้ใหญ่ส่งตัวให้คุณพ่อตั้งแต่อายุ 15 ปี ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักเห็นหน้ากันก่อน ก็อยู่กันเป็นเวลากว่า 60 ปี เรียกว่าจนตายไปข้างหนึ่ง มีลูกตั้ง 6 คนแน่ะ

ฉะนั้น ความรักนั้นมีหลากหลายความหมาย ขึ้นอยู่กับบริบท เป็นนามธรรม ไม่สามารถหานิยามความหมายขึ้นมาได้ หรือแม้แต่จะเห็นพ้องต้องกันในความหมายได้ทั้งหมด แต่ละคนที่ตัดสินใจจะรักใครสักคนก็มีเหตุผลในความหมายในใจตนเอง ให้ความสำคัญกับโอกาส สถานภาพ น้ำหนักของความรักของแต่ละคนจึงไม่เท่ากัน

ถึงแม้ว่าความรักเป็นความรู้สึกที่ดีๆ ซึ่งบางคนไม่เข้าใจว่ามันมากับสิทธิ หน้าที่ การให้เกียรติต่อกัน กับคำมั่นสัญญาที่ให้ต่อกันต่างหาก มันมาแบบแพ็คเกจ ความรักเป็นสิ่งสวยงามที่ใครๆ ก็อยากได้ไปครอง หากแต่เราจะสามารถจัดการบริหาร จัดระเบียบวินัยอย่างไรที่จะมีความสุขได้ตลอดกาล

จากการพูดคุยสนทนากับพี่นันทวัน หรือพี่ติ๋ว ก็ได้รู้ถึงเหตุจูงใจที่ยอมสละโสด (ครั้งที่2) ในวัยนี้ กับ น.อ. ประพันธ์ ซึ่งเป็นอาจารย์ของพี่ติ๋ว ท่านสอนหลักสูตรครูสมาธิของสถาบันพลังจิตตานุภาพ ที่ศูนย์ทิพย์ วัดป่าธรรมชาติ เมืองลาพวนเต้ แคลิฟอร์เนีย ในพระเดชพระคุณพระธรรมมงคลญาณ (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร) ตั้งแต่เดือนมกราคม 2558

โดยพี่ติ๋วเป็นนักเรียนเรียนเก่ง แถมมีเสน่ห์ มีความตั้งใจศึกษาจนสำเร็จ ซึ่งเธอเป็นคนชอบสอบถาม จนมีความสนิทสนมกับ อ. ประพันธ์ ซึ่งเคยเป็นนายทหารเรือเก่า แถมรับกระบี่รุ่นเดียวกับอดีตสามีของพี่ติ๋ว ซึ่งเป็นนักเรียนนายเรืออากาศเป็นนักบิน แต่ได้เสียชีวิตไปเมื่อ 29 ปีก่อน ส่วน อ. ประพันธ์ก็อายุเท่ากับอดีตสามีอีกเสียด้วย ทำให้คนทั้งสองเหมือนกับสนิทสนมตั้งแต่เริ่มรู้จักกัน เลยทำให้รู้นิสัยใจคอกันเป็นอย่างดี

พี่ติ๋วบอกว่าที่ยอมตกลงปลงใจร่วมหอเดียวกับ อ.ประพันธ์ เพราะชอบนิสัยใจคอ ดูใจกันแค่ 8-9 เดือน ตอนเมื่อเจอกันครั้งแรก ก็รู้สึกเหมือนสนิทกันแล้ว และ อ. ประพันธ์ก็บอกกับพี่ติ๋วว่า “ให้ทำอะไรก็ยอม… ยอม” ไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น ในขณะที่ อ. ประพันธ์ก็บอกว่า จากนิสัยบุคลิกของพี่ติ๋วที่ตรงสเป็คของ อ. ประพันธ์แล้ว ท่านได้ชื่นชอบนิสัย กอปรกับคุณงามความดีที่เห็นเธอสะสมทํามาอยู่ตลอด จนเป็นความรู้สึกที่ดี จน อ.ประพันธ์หวนคิดว่า อยากจะหาเพื่อนชีวิตอีกครั้งหนึ่ง เพราะภรรยาเพิ่งเสียไปได้ปีกว่าๆ ขาดเพื่อนคู่คิด- มิตรคู่ใจ และเห็นว่ายังไงท่านและเธอก็เป็นโสดกันอยู่ ท่านจึงขยันทำการบ้านสะสมความดี เพื่อเอาชนะใจพี่ติ๋วได้ในที่สุด

อ. ประพันธ์ได้ให้ข้อคิดกับคนโสดทุกวัยไว้อย่างน่าฟังว่า ความรักต้องขึ้นอยู่กับความเป็นไปได้ของตนเองว่ามันพอไปกันได้ไหม ไม่มีความขัดแย้งในเรื่องส่วนตัว หรือกับลูกๆ หลานๆ ไม่ดันทุรัง แต่ทำชีวิตให้ดีที่สุด ฝากชีวิตให้กันและกัน เป็นเพื่อนคู่คิดมิตรคู่ใจ เป็นความน่ารัก ใช้สติกับสมาธิในการใชัชีวิตร่วมกัน

ส่วนแผนอนาคต ทั้งสองบอกตรงกันว่า อยากใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสงบ จะช่วยเหลืองานวัดในการเป็นครูสอนสมาธิของหลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร หาเวลาท่องเที่ยวสถานที่ใหม่ๆ ฮันนีมูนตามประสาคนรักกันไงล่ะ

ผมขอแสดงความยินดี และขอบคุณในคำแนะนำต่างๆ ที่พี่ทั้งสองให้กับพวกเรา กลับยังพิสูจน์ให้เรารู้ว่า รักแท้ไม่มีขอบเขต มีเหตุผลรองรับในการตัดสินใจได้ ต้องมีความพอดี เข้าใจ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ขอให้รักของพี่ติ๋ว และ อ. ประพันธ์ เป็นรักชั่วนิรันดร์นะครับ

Where there is Love, there is no Darkness!

ที่ไหนมีรัก ที่นั้นก็ไม่มีความมืด...


โชคดีครับ
คิด ฉัตรประภาชัย