Special Scoop
ฝากท้องเมื่อหิว กับรถอาหารเคลื่อนที่!

ปัจจุบันในรัฐแคลิฟอร์เนียมีรถขายอาหาร (Mobile Food Vendors) กว่า 4,000 คันที่ได้ขึ้นทะเบียนกับทางสเตทบอร์ด (State Board of Equalization) ในการเป็นผู้จำหน่ายอาหารและเก็บภาษีเซลส์แท็คส์ (Sales Tax) คุณมิเชลล์ปาร์คสตีลรองประธานกรรมาธิการด้านภาษีของรัฐแคลิฟอร์เนียได้รับทราบถึงการขยายตัวอย่างรวดเร็วของธุรกิจนี้ในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมารวมถึงปัญหาของผู้ขายในการแจ้งเสียภาษีการขาย (Sales Tax) ซึ่งนอกจากมีการพัฒนาอาหารให้มีคุณภาพที่ดีขึ้นมากรสชาติอาหารต่างๆก็เป็นที่ถูกปากของลูกค้า บางเจ้ามีเมนูอาหารจานพิเศษ (Gourmet) ราคาประหยัดที่ถูกกว่าไปทานที่ร้าน ประกอบกับการบริการที่รวดเร็วทันใจลูกค้ายังได้รับความสะดวกเพราะรถอาหารเหล่านี้จะไปจอดถึงที่ทำงานหรือใกล้บ้านลูกค้าในเวลาที่ระบุไว้ผ่านทางโซเชียลมีเดียต่างๆเช่นFacebook, Twitter and LinkedIn เป็นต้น

จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่คุณมิเชลล์พยายามคิดหาทางช่วยเหลือโดยเสนอให้ทางสเตทบอร์ดแก้ไขกฎระเบียบการคิดภาษีการขาย (Sales Tax) ให้ง่ายขึ้นซึ่งจะเป็นผลดีกับคนขายและลูกค้าของรถขายอาหารเหล่านี้ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2014 เป็นต้นมาโดยผ่านเป็นมติเอกฉันท์ของคณะกรรมาธิการบอร์ดทั้งชุดรวม 5 ท่านเมื่อเดือนมีนาคม 2014

กฎหมายของทางสเตทบอร์ดที่บังคับใช้กับรถขายอาหารมาจากกฎหมายที่ใช้มานานแล้วยกตัวอย่างว่า

ถ้ารถขายอาหารขายแซนวิชในราคา $6 ซึ่งรวมภาษีการขายไว้แล้ว (ถ้าอัตราภาษีการขายSales Tax10%) คนขายจะคิดภาษีการขาย55เซ็นต์ทำให้ราคาขายจริงของแซนวิชจะอยู่ที่ $5.45 ($6.00 – 0.55 = $5.45)

แต่ถ้าคนขายไม่ได้ติดป้ายแจ้งลูกค้าว่าราคา $6.00 ที่ขายนี้รวมภาษีการขายแล้วทางสเตทบอร์ดก็จะคิดภาษีคนขายในราคาขายเต็มคือ$6.00 ดังนั้นภาษีที่ต้องส่งให้กับสเตทบอร์ดคือ 60 เซ็นต์ ($6.00 x 10% = 60เซนต์) แทนที่จะเสียภาษีการขายแค่ 55 เซ็นต์ ตามความเป็นจริง

ปัญหาเหล่านี้ทำให้คุณมิเชลล์เสนอว่าถึงแม้รถอาหารเหล่านี้จะไม่มีป้ายแจ้งราคาขายรวมภาษี Sales Tax ก็ดีให้ทางสเตทบอร์ดคิดว่าราคาขายเหล่านี้ได้รวมภาษีการขายไว้แล้วโดยที่ผู้ขายไม่ต้องติดป้ายบอกกับลูกค้าก็ได้ซึ่งจากการแก้ไขกฎระเบียบนี้ทำให้คนขายตั้งราคาขายที่สะดวกกับตัวเองและลูกค้าได้มากขึ้นไม่ต้องเป็นห่วงการทอนเงินที่เป็นเศษสตางค์เนื่องจากการบวกภาษีเพิ่มของราคาขายและลูกค้าก็จ่ายสะดวกขึ้น

(ถูกลงด้วย) ตามราคาป้ายที่ติดไว้เท่านั้น และเนื่องจากรถขายอาหารเหล่านี้ต้องเดินทางไปหลายสิบแห่งต่อวันเวลาจึงเป็นสิ่งสำคัญไม่ต้องมาคิดเรื่องอัตราเปอร์เซ็นต์ภาษีการขายของเมืองนี้ หรือเค้าน์ตี้นั้นที่รถไปจอดขายว่ามีอัตราเท่าไรผู้ขายเพียงแต่บันทึกยอดขายและสถานที่ที่จอดประจำวัน เพื่อใช้ประกอบตอนยื่นเสียภาษีการขายจากยอดขายในภายหลัง

นอกเหนือจากการขอขึ้นทะเบียนกับทางสเตทบอร์ดแล้วผู้ขายเหล่านี้จำเป็นต้องมีใบอนุญาตการทำธุรกิจจากซิตี้(Business License) และจากกรมสาธารณสุข (Health Department) ของเค้าน์ตี้ต่างๆที่รถไปจอดขายด้วย

การเก็บบัญชีการขายเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่พบว่าผู้ขายเหล่านี้ไม่ได้เก็บเอกสารไว้อย่างน้อย 4 ปีตามกฏหมายที่ทางการระบุไว้เมื่อถูกตรวจสอบย้อนหลัง (Audit) ขึ้นมาก็จะมีปัญหาในการหาหลักฐานมาแสดงประกอบที่มาที่ไปของยอดขายดังนั้นคุณมิเชลล์จึงอยากบอกและเตือนผู้ประกอบการค้าเหล่านี้ถึงกฎระเบียบใหม่นี้ด้วย

ท่านสามารถหาข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของสเตทบอร์ดที่www.boe.ca.govในหัวข้อ“Mobile Food Vendors”

โชคดีครับ
คิด ฉัตรประภาชัย