Special Scoop



ความขัดแย้งทางการเมืองไทยกับชะตากรรมของเศรษฐกิจไทย

ผมมีโอกาสกลับไปเยี่ยมสยามเมืองยิ้มก่อนที่จะเดินทางไปจาริกธรรมนมัสการพุทธสังเวชนียสถานทั้ง4 ตำบล ณ ประเทศอินเดีย– เนปาลเป็นเวลา 8 วันซึ่งเป็นสถานที่ประสูติ– ตรัสรู้– ปฐมเทศนาและปรินิพพานตลอดจนทัชมาฮาล สถานแห่งความรักที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้าชาห์จาฮาล ที่เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ซึ่งพวกเราทุกท่านควรจะหาโอกาสไปสักครั้ง จะได้เห็นสิ่งที่ไม่น่าเชื้อว่ายังมีอยู่ในโลกนี้ ตามสโลแกนของการท่องเที่ยวของอินเดียที่ว่า “ Incredible India”คงมีเรื่องเล่าในฉบับต่อๆไปนะครับ

กลับมาที่เมืองสยามในวันนี้ผมสังเกตุเห็นว่าผู้คนมีความเครียดมากต่อเหตุการณ์วุ่นวายระเบิดลงรายวันตลอดจนการชุมนุมของกลุ่มต่างๆกปปส., คปท. โดยเฉพาะความเดือดร้อนของผู้ต้องทำมาหากินกับคนกรุงเทพฯเช่นพวกขับรถแท็กซี่, แม่ค้า, พ่อค้า, วินมอเตอร์ไซด์ตลอดจนถึงข้าราชการในหลายๆหน่วยที่ต้องย้ายที่ทำงานคนมีลูกเล็กเด็กแดงที่ต้องส่งลูกไปโรงเรียนก็ต้องปรับเวลาตื่นนอนถ้าวันไหนมีการเดินประท้วงก็ต้องตื่นกันตั้งแต่ตี 4 เพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทางที่ถูกผู้ประท้วงยึดถนนสร้างความเดือดร้อนให้คนในกรุงเทพฯไม่น้อยผมเองก็โดนเพราะมีนัดทานข้าวกลางวันที่ตึกโรงแรมนายเลิศ เจอม๊อบของกลุ่มกปปส. กำลังจะไปประท้วงที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกว่าจะถึงต้องขอนัดเป็นทานข้าวเย็นแทนเพราะรถติดขัดหลายชั่วโมง

ถามแท็กซี่บอกว่าเขาต้องหยุดวิ่งรถตอนสองทุ่มเพราะผู้คนไม่ค่อยออกมาเที่ยวเพราะกลัวระเบิดไม่มีความปลอดภัยและตำรวจก็พึ่งพาไม่ได้กลายเป็นเมืองเถื่อนโจรผู้ร้ายชุกชุมและได้ใจเพราะรู้ว่าตำรวจไม่ออกมาทำงานตามปกติแท็กซี่บอกว่าหลายๆ วันที่ต้องขาดทุนเพราะเงินหาได้ไม่พอไปจ่ายค่าเช่ารถวันละ 800 บาทค่าก๊าซอีก 500 บาทขับ 12 ชั่วโมงทุนยังหาไม่ได้ถ้ามีกำไรสัก 200-300 บาทต่อกะก็ดีใจแล้วไม่เหมือนแต่ก่อนที่มีกำไร 800-1,000 บาทต่อกะโดยเฉลี่ยและจากการสูญเสียชีวิตของคนที่ไม่มีส่วนร่วมในกิจกรรมของผู้ประท้วงทั้งเด็กผู้ใหญ่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมาตายและบาดเจ็บกว่าพันคนโดยมีการใช้อาวุธสงครามยิงกันอย่างต่อเนื่องซึ่งทำให้สภาพจิตใจของคนในครอบครัวและผู้ได้ทราบข่าวอยู่ในสภาพที่หวาดกลัวเศร้าสลดไปตามๆ กันทั้งๆ ที่คนเหล่านี้ก็เป็นคนไทยด้วยกันทั้งสิ้น

ในการดำเนินการบริหารประเทศซึ่งมีอยู่ 3 สาขาหลัก

1. ฝ่ายนิติบัญญัติ รัฐสภา, สภาผู้แทนราษฎร, วุฒิสภา

2. ฝ่ายบริหาร นายกรัฐมนตรี, และคณะรัฐมนตรี

3. ฝ่ายตุลาการ ศาลสถิตยุติธรรม

จะเห็นว่าฝ่ายนิติบัญญัติมีหน้าที่ออกกฎหมายพรบ. ต่างๆ ไม่สามารถที่จะทำงานได้เพราะการเลือกตั้งเมื่อวันที่2 ก.พ. 57 ไม่สามารถมีสมาชิกสภาที่ครบองค์ประชุมได้ เปิดสภาก็ไม่ได้

ฝ่ายบริหารเป็นรัฐบาลรักษาการณ์ที่ยังหาที่ทำงานไม่ได้เพราะทำเนียบรัฐบาลถูกยึดอย่างถาวรแต่ก็ยังลาออกไม่ได้ถ้ายอมเสียสละเพื่อหารัฐบาลชั่วคราวที่เป็นที่ยอมรับของคนส่วนใหญ่ในการจัดการปฏิรูปทุกระบบของการบริหารราชการแผ่นดินกับทุกทบวงกรมเลย โดยเฉพาะ สตช ที่เป็นผู้รักษากฏหมายในบ้านเมื่องแต่กลับถูกการเมืองแทรกแซงจนประชาชนพึ่งพาไม่ได้ ผมคิดว่างานนี้ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1-2 ปี

ฝ่ายตุลาการมีคดีมากมายจึงต้องใช้เวลานานในการวินิจฉัยแต่ละคดีไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพได้เต็มที่ศาลอาญาก็ยังถูกคุกคามโดนระเบิดลงเหมือนกัน

ประธานาธิบดี Abraham Lincoln บอกว่ารัฐบาลต้องเป็นของประชาชนโดยประชาชนและเพื่อประชาชนถึงจะเป็นประชาธิปไตยได้อย่างแท้จริง

“Government of the People, by the People, for the People”

แต่ของเมืองไทยเรารัฐบาลทั้งอดีตและปัจจุบันคนที่มีอำนาจเป็นผู้คุมทรัพย์สมบัติของชาติโดยการแต่งตั้งคนของตนเองไปคุมทบวงกรมต่างๆ คุมนโยบายออกกฎหมายที่เอื้อผลประโยชน์ของพวกพ้องอำนาจมากระจุกกันในกรุงเทพมหานครเรียกว่าเป็นคนหาเค้กมาและเป็นคนตัดเค้กแบ่งเองปัญหาการคอรัปชั่นจึงเกิดขึ้นมาเป็นเวลาช้านานและได้เพิ่มทวีความรุนแรงจนโครงการต่างๆต้องเสียค่าคอมมิชชั่นถึง30% - 40%ให้กับนักการเมืองเพื่อให้โครงการได้รับอนุมัติจากหน่วยราชการต่างๆ แล้วถนนตึกโรงพักถึงได้สร้างไม่เสร็จกันหรือเสร็จก็มีคุณภาพต่ำกว่ามาตราฐานอย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน พ่อค้าก็ต้องยอมนักการเมืองเลวๆ เหล่านี้เพื่อให้ได้สัปปทานประชาชนที่ส่วนใหญ่อยู่ต่างจังหวัดแต่กลับไม่มีส่วนร่วมในการแบ่งเค้ก (งบประมาณ) รับอานิสงค์ก็ได้นิดหน่อยที่ทางกรุงเทพฯ (ส่วนกลาง) จะจัดสรรให้

จากการวิเคราะห์ของนักวิชาการบอกว่าคนแค่ 11 ตระกูลมีทรัพย์สินมากที่สุดของประเทศบ่งบอกถึงความเหลื่อมล้ำในชั้นวรรณะระหว่างคนรวยกับคนจนอย่างเห็นได้ชัดคนส่วนน้อยเอาเปรียบคนส่วนรวมสุดท้ายคนส่วนใหญ่ก็ต้องรุกขึ้นมาเรียกร้องความยุติธรรมในสังคม

ยอมเสียสละกันบ้างเถอะครับประเทศไทยมีคนเก่งมากมายจะปฏิรูปอย่างไรก็ทำได้เพียงแต่พวกคนเก่งที่มีความซื่อสัตย์สุจริตนั้นหาโอกาสแทบไม่ได้เลยที่จะทำงานด้วยความเที่ยงธรรม ปราศจากการคุกคามจากฝ่ายการเมืองถ้าเป็นข้าราชการคนเหล่านี้ก็จะถูกโยกย้ายไปนั่งในตำแหน่งที่ไม่มีอำนาจถ้าไม่ยอมสู้กินตามน้ำดีกว่าหรือไม่ก็ลาออกไป ตัวอย่างล่าสุด ของนายถวิล เปลียนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่ถูก น.ส ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หรือแม้แต่ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ก็ยังถูกนาย สมัคร สุนทรเวส ย้ายอย่างไม่เป็นธรรมในวันแรกที่เป็นนายกโดยไม่มีการสอบถามแต่อย่างไร กว่าศาลปกครองจะตัดสินผู้เสียหายเหล่านี้ก็เกือบจะเกษียณอายุราชการ หรือเกษียณไปแล้ว นักการเมืองมันรู้ดีมันถึงทำการย้ายก่อน แล้วค่อยมาว่ากันที่หลัง อันนี้ก็ต้องปฎิรูปกันใหม่หมด มิฉะนั้นคนดีอยู่ทำงานไม่ได้แน่นอน

ประเทศไทยได้เสียโอกาสมามากแล้วโดยเฉพาะทางด้านการท่องเที่ยวเครื่องบินที่ผมนั่งเข้ากรุงเทพฯ มีคนนั่งไม่ถึงครึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นคนไทยคนต่างชาติน้อยมากถ้าเป็นอย่างนี้ไปอีกสักพักเศรษฐกิจไทยเจ๊งแน่นอน

การสัญจรในกรุงเทพมหานครที่มีรถราติดขัดกันในยามปกติอยู่แล้วแต่เมื่อมีการชุมนุมถึง 3-4 จุดใหญ่ๆ ในกทม. ก็ยิ่งแย่งลงไปอีกหลายเท่าผมเคยนั่งรถไฟฟ้าบนดิน (BTS) ซึ่งห่างจากสถานีต้นทางเพียง 3 ป้ายพอมาถึงประตูเปิดออกคนโดยสารแถบจะทะลักออกมาข้างนอกต้องรอขบวนต่อไปเรื่อยๆ พอขบวนที่ 4 พอจะเบียดขึ้นไปได้ต้องบอกเห็นใจผู้โดยสารที่เป็นสตรีที่จำใจต้องถูกเบียดแบบแซนวิสทั้งด้านหน้าด้านหลังด้านข้างซ้าย-ขวาสังเกตเห็นสุภาพสตรีที่ฉลาดหน่อยจะยืนแล้วเอาแขนกันหน้าอกไว้อีกมือจับราวเวลาหยุดแรงหน่อยก็โดนเด้งทั้งด้านหน้าและหลังยังไม่พูดถึงกลิ่นตัวผู้โดยสารที่บางคนมีกลิ่นตัวแรงพระเจ้าช่วยผมละแถบจะเป็นลมโดยไม่ต้องใช้ยาสลบเลยรถไฟฟ้าใต้ดินซึ่งมีความแออัดเหมือนกันถ้าจะยอมเสี่ยงตายก็ไปนั่งวินมอเตอร์ไซด์ซึ่งผมก็ไม่มีทางเลือกต้องใช้บริการถ้านัดกับผู้ใหญ่โดยผู้ขับขี่มอเตอร์ไซด์รับจ้างก็ไม่มีหมวกกันน๊อคให้ผู้โดยสารนะครับ

ฉะนั้นผู้คนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครเป็นคนที่น่าสงสารที่สุดเพราะเวลาเดือดร้อนจะพึ่งพาตำรวจก็ยากส์เพราะตำรวจก็กลัวถูกม๊อบล้อมกรอบประเดี๋ยวจะถูกซ้อมหาว่ามาหาข่าวนี่มันยืดเยื้อมาตั้งแต่ 30 พ.ย. 56 มีคนเสียชีวิตเกือบ 20 คนบาดเจ็บเกือบ 700 คนเศรษฐกิจเสียหายหลายแสนล้านจะมาบอกว่าชุมนุมโดยสันติอหิงสาไร้อาวุธได้อย่างไรเพราะมีอาวุธกันทั้งสองฝ่ายไม่เห็นด้วยที่มาปิดสถานที่ราชการ โดยเฉพาะทำเนียบรัฐบาลถ้าเป็นอเมริการับรองว่าคุณจะอ้างเหตุผลอะไรจะนำคนมาปิดทำเนียบขาวอย่างนั้นหรือคงจะไม่มีใครยอมตำรวจทหารเขาก็ต้องมาจัดการรักษากฎหมายระเบียบของบ้านเมืองให้ได้โดยทันทีถ้ารัฐบาลจัดการอะไรไม่ได้ก็ควรจะพิจารณาตัวเองนะครับเพื่อเห็นแก่ประเทศชาติอันเป็นที่รักของทุกคน

ผมมีโอกาสพูดคุยกับอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ซึ่งท่านได้วิเคราะห์การเมืองไทยและทางออกไว้อย่างน่าฟังซึ่งผมจะนำเสนอในฉบับหน้าครับ


โชคดีครับ
คิด ฉัตรประภาชัย